[ แสดงกระทู้ท้งหมด]


"นมหกบนเว็บบอร์ด"ภาค 2 ทำไมจำเลยต้องเป็น"พันทิป"?


รายละเอียด

“นมหกบนเวบบอร์ด”
โดย กล้า สมุทวณิช และ บุญชิต ฟักมี
ผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2547
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000022063&Keyword=%b9%c1%cb%a1%ba%b9


ภาค 2 ทำไมจำเลยต้องเป็น “พันทิป”

ทำไม ภาพเดียวกันกับที่ลงในอินเทอร์เน็ต เมื่อหนังสือพิมพ์นำไปลง
(ซึ่งจำนวนผู้ได้ดูภาพก็เท่าจำนวนยอดขายของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ –
ซึ่งมากกว่าปริมาณคนเข้าไปอ่านเว็บไซต์ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นเท่า) ทำไมผู้เสียหายถึงไม่รู้สึก “เสียหาย”
บ้าง ? หรือไม่สำแดงอาการว่าจะฟ้องร้องหนังสือพิมพ์เหล่านั้นแต่ประการใด

บุญชิตขอลอกโจทย์มานิดหนึ่งแล้วกัน ก่อนจะตอบให้ว่า

เพราะเว็บไซต์พันทิป รวมทั้งเว็บบอร์ดทั้งหลาย
และเว็บไซต์ใดๆที่เปิดให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้ (ซึ่งอาจจะรวม Manager Online
บ้านเราเข้าให้ด้วย) คือ “ปิศาจ” ที่หลอกหลอนคนในวงการฝ่าย “นายทุน” อยู่ทุกวี่วัน
เหมือนปีศาจกาลเวลาในเรื่อง “ปิศาจ” ของคุณเสนีย์ เสาวพงษ์ ที่คอยหลอกหลอนศักดินาเก่าอยู่นั่นเทียว

วงการ “นายทุน” ที่หมายถึงกิจการทุกประการที่จำหน่ายและนำเสนอต่อผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นกิจการ
การค้า บริการ สื่อ และบันเทิง เพราะการมีขึ้นของอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ ทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพที่
“ควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้” ต่างจากสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีอย่างสิ้นเชิง ที่อำนาจในการนำเสนออยู่ในมือ
“สื่อ” เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงไม่แปลกนัก ที่ทำไมสินค้าราคา 5 บาท แต่งบโฆษณามันตกชิ้นละเกือบ 10
บาท (และขายเราในราคา 20 กว่าบาท!!!) เพราะโฆษณา ผ่าน “สื่อ” (ในยุคเก่า) คือการ “ชี้นำ”
ให้ผู้บริโภคอยู่ในมือได้ง่ายดายที่สุด

เราอ่าน อย่างที่เขาอยากให้เราอ่าน เราดู สิ่งที่เขาอย่างให้เราดู เราฟัง
เรื่องที่เขาอยากให้เราฟัง...

แบบไม่มีปากเสียงเสียด้วย...

เคยไหมที่คุณหงุดหงิดเพราะอะไรๆหลายๆอย่างที่ได้ประสบพบเห็นในชีวิตประจำวัน…

เบื่อโฆษณาซังกะบ๊วย ตลกแบบไม่รับผิดชอบสังคม หรือเอาคนบางกลุ่มมาเล่นตลกให้ดูน่าอนาถ
เพื่อผลในการเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์”

หงุดหงิดกับนักการเมืองที่ดีแต่ด่าและจับผิด แต่ไม่เคยคิดจะทำงานให้ดู

ดาราวัยรุ่น เล่นแข็งเป็นท่อนซุง พฤติกรรมแหลกเหลวชนิดซ้อเจ็ดด่าไม่สะเทือน
แต่มีเจ๊ดันอยู่ข้างหลัง เลยลอยหน้าลอยตาออกทีวีได้ทุกวีก

หรือร้านอาหาร บริการด้วยบาทา สรรหามนุษย์หน้าตูดมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ

คุณอยากจะบ่นก่นด่าอย่างหัวเสีย แต่แล้วก็นึกได้ว่า… บ่นไปแง่งก็เท่านั้นแหละ
คนที่โดนบ่นมันไม่ได้ยินหรอก เขียนจดหมายไปร้องทุกข์ แน่ใจได้เลยว่าที่หมายคือถังขยะรีไซเคิล
ถุงกล้วยแขกหรือไม่ก็เครื่องทำลายเอกสาร

ในยุคนั้น การที่ใครก็ไม่รู้ตัวเล็กๆสักคนหนึ่ง ริจะต่อกรกับ “องค์กร” ขนาดยักษ์สักองค์กรหนึ่ง…
มันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการใช้ลมตดเขยื้อนภูเขา

ใครครองสื่อ ใครมีตังค์ ใครกุมอำนาจ ผู้นั้นชนะ ว่ากันอย่างนั้น ผมจำได้สมัยผมยังเด็ก
(นานมาแล้วละ) เทปเพลงชอบออกข่าวว่าขายได้ล้านตลับ เชื่อหรือไม่เชื่อ ไปนั่งนับหน้าแผงก็คงไม่ได้

ไม่มีการถ่วงดุลอำนาจใดๆจากปัจเจกชน คนตัวเล็กๆ ไม่มีปากมีเสียงในสังคม ไม่พอใจก็ต้องเฉยไว้…
ส่วนสังคมนั้นก็ต้องอยู่ในสภาพของฝ่ายรับที่เชื่อฟังการสื่อสารทางเดียว
...คุณอ่านหนังสือตามที่สื่อบอกว่าน่าอ่าน คุณซื้อผงซักฟอกก็ยี่ห้อที่เห็นในทีวี
และคุณชื่นชอบตามกระแสสังคมที่ถูกชักนำโดยสื่อรูปแบบต่างๆ ในปัจจุบัน สื่อ
และองค์กรธุรกิจนั้นมีอำนาจเหนือปัจเจกชนอย่างยากที่จะต่อสู้ต้านทาน

แต่แล้วก็มี “ปิศาจร้าย” ถือกำเนิดขึ้น มันคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระดับโลก
ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาในรอบ 10 ปีนี้ จากระบบ Unix ที่มีแต่จอดำๆ ตัวหนังสือสีขาวหรือสีเขียว
พิมพ์โต้ตอบส่งข่าวหากัน ก็เติบโตไปสู่ระบบเว็บที่มีกราฟฟิกสวยงามด้วย HTML
และแตกต่อไปสู่เว็บที่สามารถโต้ตอบได้จากผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีของ CGI, asp, php และ aspx

ใน พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาเว็บไซต์ก็กลายเป็นจอมปิศาจที่หลอกหลอน “สื่อ” และกลุ่มทุน เพราะเรา
(หมายถึงผู้บริโภค) ได้อ่าน อย่างที่เราอยากอ่าน เราดู สิ่งที่เราเลือกดู เราฟัง สิ่งที่เราอยากฟัง...

และที่ร้ายที่สุด คือเราสามารถเขียน สิ่งที่เราอยากเขียน พูด สิ่งที่เราอยากพูด
แสดงสิ่งที่เราอยากแสดง ให้สาธารณชนคนในเน็ตได้รับรู้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ปัจเจกชนธรรมดา
เปลี่ยนสภาพจาก “ผู้ถูกเลือก” (ให้รับสื่อ) มาเป็น “ผู้เลือก” (ที่จะรับสื่อ)
นี่คือความน่ากลัวที่สุดของปิศาจหน้าเหลี่ยมที่เรียกว่า “อินเทอร์เน็ต” ... เป็นการพลิกแผ่นดินครั้งใหญ่
ให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้อย่างแท้จริง

เมื่อ “คุณ” จะไม่ใช่ใครก็ไม่รู้อีกต่อไป…

คุณคนเดียว สามารถเตะเข้าไปที่หว่างขาให้ “ยักษ์” เหล่านั้นสูดปากและล้มกลิ้งได้

สำหรับประเทศไทย ผมกล้าพูดว่า พันทิปเป็นเว็บที่มีผู้ “เข้าร่วม” มากที่สุดในสังคมเว็บบ้านเรา
เรื่องการเข้าชม จำนวนฮิต หรือเรตติ้ง ผมไม่กล้ารับรอง แต่ถ้านับจากการมีส่วนร่วม
ผมเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

เว็บนี้มิใช่ของใคร แม้ชื่อเจ้าของเว็บจะได้แก่คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์
แต่การที่เว็บนี้ดังติดอันดับขึ้นมาได้ มิใช่เพราะใครเขียน
แต่เป็นเว็บที่ผู้เข้าร่วมทุกคนมีส่วนร่วมในการเขียน เสมือนเป็นสื่อของคุณ เป็นอำนาจของคุณ
พลังของเว็บนี้เกิดจากพลังของผู้เข้าร่วมแต่ละคนๆ รวมกันจนเป็นพลังถ่วงดุลอำนาจ “สื่อ” และ “องค์กร”
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

โดยเฉพาะชุมชนแห่งหนึ่งในพันทิป คือกลุ่มเฉลิมไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพาวเวอร์มากที่สุด
ประชาคมเฉลิมไทยเคยปั้น และเคยฆ่า ทั้งหนัง เพลง และดารา
ชนิดที่ว่าต่อให้ต้นสังกัดคุณใหญ่แค่ไหนก็ช่วยไม่ได้ และในทางกลับกัน ถ้าของคุณ “ดี” จริง
ต่อให้คุณจะหมดแรงแค่ไหน แต่คนพันทิปเฉลิมไทยก็สามารถอุ้มคุณขึ้นมาได้

หนังห่วยๆ แต่โปรโมตแรง สมัยก่อนอาจจะยังพอทำเงินได้
เพราะกว่าที่คนจะรู้ว่าหนังห่วยก็คือต้องเสียงตังค์เข้าไปดูแล้ว อย่างดีก็ได้แต่บ่น
หรือบอกเพื่อนสักสองสามคนว่าหนังโหลยโท่ย อย่าไปดูแง่งเลย แต่ถ้าคุณมาบ่นในพันทิป
หรือบางคนใจร้ายขนาดหนัก เอาเรื่องย่อมันมาโพสต์เล่าเลย หนังเรื่องนั้นเป็นอันจบเห่…
(ซึ่งอันนี้เป็นดาบสองคมเหมือนกันนะครับ เพราะเคยมีคนใช้วิธีนี้ฆ่าหนังดีๆ ตายไปเหมือนกัน)

หรืออย่างโฆษณาที่ตลกแบบไม่รู้กาลเทศะ เช่นมุก “กัปตันนอนกะแอร์ไหม” ในสมัยก่อน
ก็เคยถูกจุดขึ้นที่พันทิป ก่อนจะลุกลามไปทั่ว…
รวมทั้งโฆษณาบ้านจัดสรรไร้รสนิยมแห่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ แน่นอนครับว่าทั้งบริษัทเจ้าของสินค้า
และผู้คิดโฆษณา ต้องออกมาขอโทษขอโพย และเปลี่ยนโฆษณาชุดนั้นออกไป หรือบางกรณีปากแข็งบอกไม่มีผล
แต่แล้วการค่อยๆ ถอนโฆษณาปัญหานั้นออก ก็ตอบโจทย์ได้ประการหนึ่ง

ใช่ว่าเว็บบอร์ดจะให้แต่โทษแก่ฝ่ายทุนเจ้าของกิจการ เว็บบอร์ดนี้เคยให้คุณแก่หนังเรื่องหนึ่ง
ซึ่งเป็นหนังฟอร์มเล็ก หน้าหนังขายไม่ออกแน่ๆ ฉายได้สามวันโดนลดรอบเหลือไม่ถึงสองวันต่อรอบ แต่ต่อมา
เมื่อกระแส “ปากต่อปาก” ถูกจุดขึ้นที่เว็บบอร์ดเฉลิมไทย หนังเรื่องนั้นก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้น
จนกระทั่งกลายเป็นกระแสจนกลายเป็นหนังดัง หนังทำเงิน หนังที่ทุกคนต้องดู
และโหมให้ดนตรีไทยเดิมกลับมากลายเป็น “กระแสหลัก” ... หนังเรื่อง “โหมโรง” ไงครับ

หรือมีกล้องถ่ายรูปของบริษัทที่ไม่ค่อยโฆษณาอยู่เจ้าหนึ่ง เพราะบริษัทนี้เน้นขายฟิล์มเป็นหลัก
แต่ด้วยความที่กล้องที่ว่านี้ มีคุณภาพคุ้มค่าเกินราคามาก
เจ้ากล้องนี้จึงถูกนำมาแนะนำในกลุ่มผู้เล่นกล้องในห้อง Blue Planet ของพันทิป
(ปัจจุบันแยกตัวออกมาเป็นห้องอิสระแล้ว) มีการนำรูปที่ได้จากกล้องที่ว่านี้มาอวดกัน ผลปรากฏว่า
กล้องรุ่นนี้ทำยอดขายได้ถล่มทลาย ขายดียังกะขนมหม้อแกงเมืองเพชรตอนบ่ายๆเสียอีก
ผมเคยไปยืนที่หน้าร้านถ่ายรูปไม่กี่นาที มีคนมาซื้อกล้องนี้ไปแล้วสองตัว มาลองอีกตัว อะไรแบบนี้เลย
ทั้งๆ ที่กล้องตัวนี้โฆษณาน้อยมาก โฆษณาทางทีวีไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ไม่เฉพาะพันทิปเท่านั้น
แต่เว็บไซต์อื่นๆที่สามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นได้ ก็อยู่ในสภาพนี้กันหมด คือ
ประชาชนสามารถ “สื่อสาร” ถึง “มวลชน” ได้เองโดยไม่มีใครมาจำกัดหรือชี้นำได้
ทั้งนี้ไม่นับเว็บไซต์อีกหลายเว็บ ที่คนธรรมดา เราๆท่านๆ ทำกันเอง เพื่อบอกเล่าสิ่งที่ชอบ
หรือสิ่งที่ไม่ชอบ และเผยแพร่ไปให้คนที่สนใจได้เลือกอ่านอย่างจุใจ

เมื่อเว็บไซต์มีพลังมหาศาล ในการให้คุณให้โทษแก่สินค้า บริการ รวมทั้งภาพพจน์ของบุคคลด้วย
จึงไม่แปลกว่าจะมีผู้ตระหนักในพลังของมัน เช่นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.
ผู้หนึ่งเลือกที่จะยิงโฆษณาในเว็บไซต์ก่อนเป็นที่แรกๆ

และสื่อเองที่รู้ทัน ก็เริ่มปรับตัว เช่นเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์
ซึ่งเป็นสื่อสมัยใหม่และมีวิสัยทัศน์แบบผู้นำอย่างที่จริง
ที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านสามารถคอมเมนต์บทความหรือข่าวของหนังสือพิมพ์ได้ เรียกว่าถ้าคุณกล้าเขียน
คุณก็ต้องกล้ารับฟังความเห็นแย้ง หรือกล้าโดนด่า เพราะว่าการสื่อสารในปัจจุบันหลังยุคเว็บไซต์
ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป

ใครที่คิดว่า ตัวเองเป็นสื่อแล้วชี้เป็นชี้ตาย พิพากษาสังคมได้ ประทานโทษ – ตกยุคครับ

อย่างไรก็ตาม การควบคุมพลังของเว็บก็เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง เพราะอย่างที่บอก
ว่าข้อมูลที่ปรากฏในเว็บสาธารณะทั้งหลายนั้น เป็นเสียงของประชาชนโดยแท้
เป็นผู้บริโภคที่มีพลังเพิ่มขึ้นจากอำนาจสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดนี้ ถ้าคุณเป็นกลุ่มทุน และสื่อ
ที่เคยชี้เป็นชี้ตาย “กระแส” ได้ คุณจะกล้าปล่อยให้ “ปิศาจอินเทอร์เน็ต”
(ที่มีพันทิปเป็นเหมือนศูนย์กลาง) สามารถยืนอยู่อย่างโอหังและเติบโตขึ้นเรื่อยๆกระนั้นหรือ?

ปฏิบัติการ “เช็คบิล” จึงเกิดขึ้น และเป็นการเช็คบิลแบบสามัคคีบาทาเสียด้วย บุญชิตฯ
ซึ่งเป็นคนบ้าทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด หรือ Conspiracy Theory
อยากจะเชื่อว่ามันมีการร่วมมือกันแบบไม่ต้องสุมหัว เพราะทุกคนตั้งใจหรือมีเจตจำนงร่วมกัน ที่จะ “ฆ่า”
พลังของชุมชนเว็บไซต์นี้อยู่แล้ว

ทำไมข่าวของเกมส์ออนไลน์อย่างแรกน่าร็อกถึงถูกตีแผ่พิษภัยของมันออกมาอย่างรุนแรงเกินจริง
เช่นเด็กขายตัวเอาเงินมาเล่นเกมส์ ทั้งๆที่ปราศจากหลักฐานยืนยัน?

ทำไม “ภาพลักษณ์” ของคนเล่นอินเทอร์เน็ต เช่นผู้ต้องหาคดีน้องย้วย (ที่คุณกล้าสมมติขึ้นในภาค 1)
ถึงถูก “สื่อ” บางสื่อ ตีภาพให้คนส่วนใหญ่ (ที่ไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต) เห็นว่าเป็นโรคจิต หรือ วิปริต

นี่คือคำตอบว่า ทำไมน้องย้วยในโจทย์ตุ๊กตา ถึงตั้งหน้าตั้งตาเอาผิดแต่กับ “เว็บไซต์”
ที่ลงภาพของเธอ แต่ไม่มีการแตะต้องหนังสือพิมพ์ใดๆ ที่นำภาพของเธอไปลงอย่างอุจาดตากว่า

นี่คือความพยายามในการ “ปราม” พลังของเว็บได้หรือไม่

หรือว่านี่คือการเชือดแพะคนหนึ่งในประชาคมคนเล่นเว็บไซต์ดู เพื่อให้เกิดความ “แขยง” หรือ ”กลัว”
ที่จะพูดถึง “สินค้า” (ไม่ว่าสินค้านั้นจะเป็นสิ่งของหรือเป็นคน) ของกลุ่มทุนในทางลบ เพราะกลัวต้องไปนอน
“ห้องกรง” แบบประกันตัวได้แสนยากเย็น เสมือนไปฆ่าคนตายมาก็ไม่ปาน

ที่แน่ๆ ห้อง “โทรโข่ง”
ที่เป็นห้องที่เปิดให้ประชาชนมาร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมที่ได้รับทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนในเว
็บพันทิป ถูกปิดตายอยู่ในตอนนี้ เพราะกลัวปัญหาเรื่องการฟ้องร้องกันที่อาจจะมีขึ้น

และเราคงจะได้เห็น การ “โต้กลับ” ที่น่ากลัวต่อประชาคมเน็ต ของ
“กลุ่มเจ้าของอำนาจสื่อสารมวลชนเก่า” อีกมากมายตามมา และหากคดี “มือกลอง - มือกรรม” นี้ไม่ยุติลงง่ายๆ
รับรองว่าเราได้เห็นกระบวนการโจมตีคนในเน็ตด้วยกฎหมาย (ที่ยังไม่ชัดเจน) อีกหลายเรื่องทีเดียว

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมสื่ออื่นถึงไม่โดนฟ้องหรือร้องเรียนนั้น เนื่องจากสื่อเหล่านั้น
เป็นสื่อที่ ... ผมไม่อยากใช้คำว่าพอจะควบคุมได้ แต่มันก็พอคุยกันได้ ถูกไหม ...
การทะเลาะกับสื่อที่พอคุยกันได้เป็นเรื่องไม่ฉลาดเท่าไหร่

แต่การมา “ทะเลาะ” กับ “พลัง” ของคนในเน็ตนั้นฉลาดหรือไม่ประการใด ผมก็ไม่รู้สิครับ...
ผมมาทราบว่า คดีปัญหาของน้องตั๊ก บงกช ผู้เสียหายจากกรณีภาพหลุดในเว็บไซต์
ตอนนี้มีแนวโน้มว่าเธอจะไม่เอาเรื่องกับหนุ่มมือกลองในตำนานแล้ว เพราะเห็นว่าเขาไม่ใช่ “คนผิด”
ตัวจริงที่สมควรได้รับโทษ ด้วยเหตุนี้ ...ผมเลยยิ่งเชื่อว่า น้องตั๊กคงไม่ใช่ น้องย้วย จอมพาลพาโล
(ตัวตุ๊กตาในภาคหนึ่ง) แน่ๆ ครับ

เพราะการที่น้องตั๊กออกมาถอนฟ้องนี่ เป็นการเดินเกมที่ “ฉลาด” มากๆ
และให้ภาพที่สวยงามได้ในสายตาสังคมมากเลยทีเดียว ผิดกับอาการพาลๆ โง่ๆ
แบบคำพูดตัวเองรัดคอตัวเองของน้องย้วยในโจทย์ตุ๊กตาเป็นอันมาก

ขอแสดงความชื่นชมในความใจกว้างของนางเอกสาว จากใจจริงครับ .

***หมายเหตุ - ติดตามงานเขียนอื่นๆ ของ "บุญชิต ฟักมี" ได้ที่ นิตยสาร Mars

โดย : เห็นมา [ 22/07/2004, 20:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ : 1

ยาวจังขี่เกียจอ่าน

โดย : ไม่อ่าน    [ 16/12/2004, 16:50:46 ]

  ถังเคมีพลาสติก
  E-mail: webmaster@thaibg.com
Copyright 2002-2024 ThaiBG.com, All Rights Reserved