|
|
[ กลับหน้าหลัก ]
ทำยังไงให้คนมาเล่น โอเทลโล่ กันเยอะๆ (แบบว่าเหงาอะ) หุหุ
คือว่า เข้ามาเล่นแล้วไม่ค่อยมีคน ก็เลยไม่ได้เล่น ก็เลยต้องออกไป ก็เลยเซ็ง ก็เลยมา post ก็เลย.....T_T |
โดย : มุย [ 22/09/2010, 17:04:08 ] |
1
เมื่อก่อนตอนคนน้อย มีระบบการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่ให้จัดกันเอง มีเลเวลให้สะสม
พอสะสมกันมาระดับนึง เลเวลเริ่มเยอะ ก็ไม่ค่อยมีทัวร์มาอีก คนก็น้อยลง เพราะลาก ๆ ชวน ๆ กันเข้ามา
จริง ๆ อยากแนะนำให้เข้ามาเอาชื่อมาทิ้ง ๆ ไว้ก็ได้ เล่นไม่เล่นก็มีชื่อทิ้งไว้
เวลาคนอื่นจะเข้ามาจะได้เห็นมีคนเยอะ ๆ เข้ามาก็ตั้งโต๊ะรอเล่นเลย |
โดย : กัสจัง [ 23/09/2010, 19:32:44 ] |
2
วันก่อนหลังจากมา post ในเว็บนี้มีคนโทรมาชวนให้ไปพูดเรื่องอะไรก็ได้ให้คนที่ทำงานฟัง 10 นาที
ห้ามปฏิเสธ (อย่างงี้เค้าเรียกชวนหรือบังคับ(ฟ่ะ)) กำลังอารมณ์ค้างที่ไม่ได้เล่นโอเทลโล่
เลยบอกคนที่บังคับผมว่า "ขอพูดเรื่อง โอเทลโล่ ได้ปะ อยากชวนคนมาเล่น" เขาบอกว่าได้
ก็เลยไปหาข้อมูลของโอเทลโล่ ไปพูดชวนคนให้มาเล่น
ผมใช้ชื่อเรื่องว่า "Othello : A Minute to Learn... A Lifetime to Master" ผมว่าชื่อมันเท่ดี
มันเป็นสโกแกนข้างกล่องกระดานหมากโอเทลโล่ \^^/ (เพราะงั้นชื่อเรื่องก็ไม่ต้องปวดหัวคิด..ชื่อเท่มั๊กๆ
คริ คริ)
ผมคิดว่าการนำเสนอครั้งนี้ มีประโยชน์พอสมควรอย่างน้อยก็ต่อตัวผมเอง ผมได้รู้เรื่องของ โอเทลโล่ มากขึ้น
ในมุมของเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ เทคนิคการเล่น หรืออะไรที่ซับซ้อนมากนะครับ
เพราะผมก็ยังเป็นเพียงแค่ระดับปลายแถวเท่านั้น เลยอยากมาเล่าต่อให้ฟัง
**ประวัติ**
โอเทลโล่ เป็นหมากกระดานที่ถูกคิดค้นในราวปี ค.ศ. 1880 โดย ลูอิส วอเตอร์แมน ชาวอังกฤษ
แรกเริ่มมีชื่อว่า รีเวอร์ซี่ (Reversi) ต่อมาในปี ค.ศ. 1898 บริษัท ราเวนส์เบอร์เกอร์ (Ravensburger)
ประเทศเยอรมันได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์ และทำการจำหน่ายหมากกระดานชนิดนี้เป็นครั้งแรก ในชื่อเกมว่า
รีเวอร์ซี่
--ต่อมาในราวปี ค.ศ. 1970 ชาวญี่ปุ่น โกโร่ ฮาเซกาว่า (Goro Hasegawa) ได้ทำการปรับเปลี่ยนกฎ
และกติกาใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจ มาจากหมากล้อม
***ชื่อของโอเทลโล่....
โกโร่ ฮาเซกาว่า ได้ตั้งชื่อตามละครที่สร้างจากบทประพันธ์ของ วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ (William
Shakesphere) เรื่อง The Tragedy of Othello, The Moor of Venice
???ทุกเว็บที่ค้นจะมีประโยคต่อจากข้อความข้างบนว่า เป็นโศกนาฏกรรมของคนผิวดำกับคนผิวขาว
ซึ่งตรงนี้ผมค้านในใจนิดนึง เพราะการแบ่งสีผิวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่อเมริกา ไม่ใช่ยุโรป
ดังนั้นผมไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อก็ต้องไปหาต่อว่า เรื่อง The Tragedy of Othello, The Moor of Venice
เนื้อเรื่องมันเป็นยังไง ก็ไปหาเรื่องย่อมาอ่าน (- -" จะเล่าเรื่องย่อให้ฟังด้วยดีไม๊เนี้ยะ) ...
เอ้า.++เล่าแบบซุปเปอร์ย่อ เรื่องมีอยู่ว่า โอเทลโล่ เป็นชื่อชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปกครองแคว้นเวนิช
แต่ตัวโอเทลโล่เป็นชาวมัวร์ ตัวร้ายของเรื่องชื่อ อิเกีย (ชื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ Iago บางคนอ่านว่า
อิอาโก ผิดขออภัยเพราะมันอ่านง่ายดี) ใส่ความว่า ภรรยาของโอเทลโล่ ไปมีชู้
กับคนที่โอเทลโล่เพิ่งจะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งซึ่งอิเกียหมายมั่นอยู่ สุดท้าย โอเทลโล่ ก็ฆ่าภรรยาตนเอง
แล้วมารุ้ภายหลังว่าถูกอิเกีย ใส่ความ จบ..
แล้วไหง๋ จึงกลายมาเป็นว่า โศกนาฏกรรม ของคนผิวดำกับคนผิวขาวล่ะ??
คำตอบอาจจะเป็น ดังนี้ครับ
1. โอเทลโล่ เป็น ชาวมัวร์ คือชาวมุสลิมที่อยู่แถบทะเลไอบีเรีย (แถบสเปน โปรกุเกส ประมาณนี้)
ซึ่งจะเป็นคนผิวสีเข้มกว่าชาวเวนิสมาก
2. หนังเรื่องนี้ รศ.อัธยา โกมลกาญจน เขียนไว้ว่า
"เรื่องโอเธลโลเป็นเรื่องของเอียโกผู้ถูกอารมณ์ข้างเลวขับเคลื่อนให้ทำสิ่งชั่วร้ายตลอดเวลา
ทุกเรื่องที่เขาทำล้วนเป็นความเลวอย่างเหลือแสน อย่างที่ไม่เคยปรากฎในวรรณกรรมเรื่องใดมาก่อน
แต่ในที่สุดของเรื่องนี้ก็คือการแสดงว่า ความรักมีชัยเหนือความชั่ว และความเกลียดชัง
และความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่มีต่อผู้อื่นคือสิ่งที่สามารถนำพาปีศาจมารับการตัดสินที่ยุติธรรมได้"
"ความดี กับ ความเลว" ก็ถูกแทนที่ด้วย สีดำกับสีขาวเช่นเดียวกันครับ .. ผมสรุปของผมเอง -*-
ไม่ต้องมาว่ากัน ไหนๆ เสียเวลาทะลึ่งไม่เชื่อ ต้องได้อะไรมากกว่า "รู้งี้ไม่สงสัยแระ"
3. คนรุ่นใหม่ อาจจะดูหนังเรื่องนี้ครับ
American History' X แล้ว ก็มีคนแปลเป็นไทยว่า เลิกเล่นโอเทลโล่กันเสียที
เรื่องนี้เป็นเรื่องโศกนาฏกรรมของคนผิวดำกับคนผิวขาว (คงไม่ต้องเล่าเรื่องย่อ เรื่องนี้เป็น The Best
Movie of 1998 หลายคนคงเคยดูแล้ว) มีตอนหนึ่งในเรื่องที่บอกว่า
"สิ่งเหล่านั้นเกิดจากสีผิวและเชื้อชาติที่แตกต่าง ชายหาดที่เขารัก กลายเป็นกระดานหมาก
และทุกคนก็ทำตัวเหมือนเม็ดหมากที่จ้องจะจับอีกฝ่ายกิน"
ตีความอย่างเข้าข้างตัวเอง คำว่า โอเทลโล่ ถูกใช้ในการแบ่งระหว่างสีขาวกับสีดำ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร
โดยมีที่มาจากหมากระดานโอเทลโล่
ส่วน "โกโร่ ฮาเซกาว่า" มองเห็นสีขาว กับสีดำ มากจากอะไร ถึงตั้งชื่อตามบทละครของเช็คสเปียร์
ผมว่าก็มีส่วนทั้งในข้อ 1 และ ข้อ 2 นะ
****สรุปว่า ไม่น่าสงสัยเลยกรู เสียเวลาจริงๆ -*-
อะไรกันเนี้ยะ ยังไม่ไปถึงไหนเลย ยาวขนาดนี้แล้วใครจะอ่านเนี้ยะ เพิ่งสไลด์ที่ 1 เอง T_T (ไว้ต่อตอน 2
แล้วกัน )
***ปล. ใครจะหาว่าไร้สาระก็เซินๆ ใคร Comment ก็เชิญ แต่ไงๆ ก็จะเล่าต่อ เพราะยังไม่จบ มีเรื่อง Othello
ที่ท่านสันตปาปา พระองค์ทรงใช้เพื่อฝึกสมาธิและเพื่อผ่อนคลายด้วยนะ รวมถึง Othello
กับการพัฒนาสมองเพื่อการเรียนรู้ ไว้เล่าตอนต่อๆ ไป
|
โดย : มุย [ 07/10/2010, 15:35:31 ] |
4
วันก่อนไปเล่นโอเทลโล่ มีคนที่อ่านเรื่องที่ผม post แล้วถามว่า ไอ้หัวเรื่อง "Othello : A Minute
to Learn.. A Lifetime to Master" หมายความว่ายังไงผมก็ไม่ค่อยเชี่ยวภาษาปะกิดเท่าไหร่
เอาว่าในความหมายของผมแล้วกันครับ ผมคิดว่าเขาเล่นคำเรื่องของเวลา (A minute กับ Lifetime)
***A Minute to Learn ผมเข้าใจว่ามันหมายถึง Easy to learn หรือ Easy to play ก็คือมันเล่นง่ายครับ
กติกาไม่ซับซ้อน
เพียงเราอธิบายหรือลองเล่นให้คนที่ไม่เคยเล่นโอเทลโล่มาก่อนซักครั้งก็สามารถเข้าใจวิธีการเล่นหรือกติกาไ
ด้ไม่ยาก
*** A Lifetime to Master สำหรับผมมันคือ ยิ่งเล่นก็ยิ่งเกิดการเรียนรู้
ยิ่งเล่นยิ่งเกิดการพัฒนาทักษะต่างๆ และยิ่งเล่นยิ่งจำเทคนิคต่างๆ ได้ การจำเทคนิคต่างๆ
ที่รวมถึงรูปแบบการเล่นต่างๆ
จะจำได้ไปตลอดทั้งชีวิตเป็นเสมือนความรู้และทักษะที่ติดตัวไม่มีวันลืมเลยอะครับ
(ถ้าผิดขออภัย..เพราะผมก็คิดของผมแบบนี้..ถ้าใครมีข้อมูลของฝรั่งที่เขียนไว้ก็รบกวนมาแชร์ให้ฟังด้วยแล้ว
กัน)
ูููู^^/
|
โดย : มุย [ 11/10/2010, 14:01:28 ] |
5
การชวนให้คนมาเล่นโอเทลโล่ ไม่รู้ทำไมมันยากนักนะ ทั้งๆ ที่ผมว่ามันสนุก และท้าทาย มั๊กมาก...
ไม่เป็นไรครับพยายามต่อไป....
ผมคิดว่าจะพยายามหาข้อมูลในเรื่องดีๆ ของโอเทลโล่ มาเล่าให้คนฟังเรื่อยๆ รวมทั้งในแง่ของหมากกระดานอื่นๆ
ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และการช่วยเกี่ยวกับการใช้สมองอย่างมีประสิทธิภาพ
ผมคิดว่าถ้าสามารถทำให้ Othello ถูกใช้เป็นเครื่องมือเกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนาความคิด แล้ว
คนจะหันมาเล่นโอเทลโล่กันมากขึ้น (ฝันไปหรือเปล่าไม่รู้ T_T)
--- วันนี้ขอคุยเรื่อง การใช้โอเทลโล่เพื่อการพัฒนาและคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพของสมอง ครับ
** พอดีวันก่อน ที่มีคน post ในกระทู้ว่า โอเทลโล่ มีประโยชน์อะไร ก็มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเยอะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากครับ ผมได้เข้าไปอ่านผมไปสะดุดกับความคิดเห็นที่อ้างถึงข้อความของ ศ.นพ.ประเวศ
วะสี ครับ เรื่องของ
1.เป็นการช่วยเพิ่มการแตกแขนงกิ่งก้านสาขาของสมอง
2.Brain Jogging
3.ทัศนะคติที่ดีต่อปัญหาต่างๆ
ถ้าเขียนและให้ข้อมูลในเชิงลึกขึ้นทั้ง 3 ข้อ ผมว่าจะยาวเกิน เดี๋ยวจะไม่มีคนอ่าน เล่าๆ แยกกันดีกว่า
ผมชอบเรื่องของ Brain Jogging มากอะครับ ชื่อเท่ดีด้วย ตามข้อมูลที่ผมได้จากที่มีคน post ไว้
ศ.นพ.ประเวศ วะสี (ท่านเล่นโกะ นะครับไม่ได้เล่นโอเทลโล่ แต่ท่านพูดรวมถึงหมากกระดานทั้งโกะ หมากรุก
โอเทลโล่ ฯลฯ) เขียนไว้ว่า
Brain Jogging "คือ การที่เราออกวิ่ง Jogging นั้น เป็น physical jogging แม้จะเหน็ดเหนื่อย
จากการทำงานมาทั้งวัน แต่เราก็คงยัง Force ร่างกายโดยการออกกำลัง ซึ่งเราก็จะได้สุขภาพร่างกายที่สดชื่น
แข็งแรง มีความสมบูรณ์เต็มที่ พร้อมที่จะลุยงานใหม่ต่อไป ไม่อ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยโดยได้ง่าย
ในลักษณะเดียวกันสมองก็ต้องการ Jogging เช่นกัน เราต้องForce สมองของเราให้คิดเรื่องซับซ้อน
และต้องให้มีสมาธิอยู่กับเรื่องซับซ้อนนั้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพียงพอ ซึ่งจะส่งให้ความคิดเรา
เฉียบคม มีความพร้อมที่จะใช้ความคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่อ่อนล้าง่ายเมื่อเจอปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน"
--- เมื่อมีคนเริ่มไว้ ผมก็หาข้อมูลต่อครับ (อิอิ) เรียกว่าต่อยอดแล้วกันนะ (จริงๆ Copy and Development
^^)
พูดให้ดูดีแหะแหะ หรือบางคนบอกว่า "ลอกเขามาแล้วมาเติมเพิ่ม" T_T
เอาน่า..เอาเป็นว่ายอมรับแล้วกัน..ก็คนมันไม่เก่งนิ..
---ในมุมของผม โอเทลโล่ ช่วยในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของกลุ่มคนได้ทุกกลุ่มครับ
**เด็กเล็ก** �โอเทลโล่ จะช่วยการส่งเสริมทักษะการเคลื่อนไหวเบื้องต้น
เป็นกิจกรรมที่ฝึกให้ใช้ความสัมพันธ์ของสายตา มือ ผมหมายถึงการเล่นกับกระดานโอเทลโล่จริงๆ นะครับ
ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ฝึกการเรียนรู้ กฎ กติกา พื้นฐาน (วิธีการเล่น) วัยนี้ต้องการการเรียนรู้โดยการสัมผัส
(ผมว่าใช่นะ..ไม่มั่ว ^^")
**เด็กโตและผู้ใหญ่** �โอเทลโล่ จะช่วยส่งเสริมทักษะด้านความคิด จินตนาการ ความจำ และการคำนวณ
ส่งเสริมกระบวนการคิด มีน้ำใจเป็นน้ำกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ
**ผู้สูงอายุ** จากการวิจัยและการศึกษาสาเหตุของการตายในกลุ่มผู้สูงอายุ ในสหรัฐอเมริกาพบว่า ทุก 5
คนของผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป อย่างน้อย 1 คน เป็นโรคสมองฝ่อ หรือสมองเสื่อม ซึ่งโรคในกลุ่มนี้ ได้แก่
Alzheimer's (อัลไซเมอร์) Parkinson's (พาร์คินสัน) และ Depression (โรคซึมเศร้า)
การเล่นโอเทลโล่ จะช่วยให้สมองได้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ (เป็นการออกกำลังกายสมอง) ซึ่งช่วยลดอาการสมองฝ่อ
หรือ สมองเสื่อมได้ โดยทำควบคู่ไปกับโภชนาการ และ การออกกำลังทางร่างกาย (จริงๆแล้วหมากกระดานอื่นๆ
ได้หมดครับ ผมจะชวนเล่นโอเทลโล่ก่อน เดี๋ยวเล่นโอเทลโล่แล้วก็ติดใจไปเอง อิอิ...)
\0/ \0/ \0/ สู้ๆ
**เพราะฉะนั้น (^^") ผมก็จะต้องไปชักแม่น้ำทั้ง 5 บอกข้อดีของโอเทลโล่ ให้แต่ละกลุ่มฟัง
ถ้าบอกพ่อแม่เราก็จะได้ถึงลูกๆ ถ้าบอกผู้สูงอายุ เราก็จะได้ถึงหลานๆ และตัวท่านผู้สูงอายุด้วย อิอิ
ยาวไปอีกแระ...พอก่อน...เด๋วไม่มีคนอ่าน...
|
โดย : มุย [ 15/10/2010, 16:08:34 ] |
8
มีภาพให้ความรู้สึกดีๆ มาฝากครับ อย่างน้อยก็ทำให้ผมคุย(โม้) กับคนทั่วไปได้ว่า โอเทลโล่
เป็นเกมส์ที่ท่านสันตะปาปา Johannes Paul II ใช้เพื่อผ่อนคลายและทำสมาธิ ไว้ผมจะหาข้อมูลของท่านกับ
Othello มาฝากให้มากกว่านี้ รู้สึกอิจฉาตัวแทนประเทศไทยที่ได้ไปชิงแชมป์โลกโอเทลโล่ที่กรุงโรมจัง
เพราะปีที่เคยจัดโรมก่อนหน้านี้ ท่านให้ความสนพระทัยกับงานครั้งนั้นอย่างมาก
ปล. ท่านสันตะปาปา (Pope Johannes Paul II) มีชื่ออยู่ในผู้เล่นโอเทลโล่ ของนครวาติกัน ด้วยครับ
อย่างนี้ไม่ใช่แฟนโอเทลโล่ ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
ู(^___^) ... รู้สึกดีจัง |
โดย : มุย [ 21/10/2010, 12:32:27 ] |
9
ไหง๋ ตะีกี้ภาพไม่ออกเนี้ยะ
|
โดย : มุย [ 21/10/2010, 12:33:53 ] |
10
วันก่อนพยายามไปชวนคนที่มีลูกอายุประมาณ 7-12 ปี ให้เล่นโอเทลโล่ ก็คุยๆๆๆๆ โม้ๆๆๆๆ อยู่นานที่เดียว
สรุปสุดท้ายเค้าถามว่า มีหนังสือให้ไปหัดเล่นไม๊ ก็บอกไปว่ามันไม่ยากอย่างงู้นอย่างงี้ มีคนถามกลับมาว่า
ถ้าไม่ยากแล้วแพ้ชนะอยู่ที่ดวงหรือไง (หูยย.. เจอแบบนี้ถอยกลับมาตั้งหลักพักนึงก่อนบอกว่า
ก็ไม่ใช่อย่างง้านนน) มาคิดๆๆ ดูแล้ว ต้องมีหนังสือโอเทลโล่สำหรับเด็กๆ บ้าง เป็น beginer -
intermediate
....หลังจากนั้นไม่รอช้าครับ
ไป search ๆๆๆ หาๆๆๆ ใน internet ปัญหามันยุ่งยากตรงที่ othello ที่เป็นบทประพันธ์เชกเปียร์ กะ Othello
ที่เป็นเกมส์ คอมฯมันแยกไม่ออก
สรุปว่า...หนังสือที่เป็นภาษาไทย ไม่มีซักกะเล่มเดียว หนังสือภาษาอังกฤษ ก็ไม่มีที่จัดพิมพ์เป็นเล่ม
มีหนังสือภาษาญี่ปุ่นอยู่ เหอะๆ เซ็ง... แต่หนังสือภาษาอังกฤษ ที่มีหาได้ เป็น sheet ทั้งหมด มีด้วยกัน
4 เล่ม ไว้วันจันทร์จะเอา link มาpost เผื่อมีคนสนใจโหลดครับ (ตอนนี้อยู่บ้าน)
นี่ถ้ามีใครทำหนังสือเป็นกราฟฟิคเด็กๆ ซักเล่มก็จะดีนะ
---- ไม่เป็นไร อนาคตเด๋วค่อยว่ากัน (มันต้องมีทาง หึหึ) |
โดย : มุย [ 06/11/2010, 21:22:43 ] |
11
หนังสือ โอเทลโล่ครับ (เฉพาะภาษาอังกฤษ) เท่าที่หาได้
"Othello Brief and Basic"
by Ted Landau 1987
เขาบอกว่า เขียนโดย อดีตแชมป์โอเทลโล่อเม'กา
สำหรับผู้เล่นทุกระดับ
ผมไม่แน่ใจว่ามีลิขสิทธิ์ หรือเปล่า ผมก๊อปปี้ลิ้งค์มาแล้วกันครับ เพื่อความสบายใจ
http://www.tlandau.com/files/Othello-B%26B.pdf
"Othello: A Minute to Learn... A Lifetime to Master"
by Brian Rose 2005
คนเขียนเขาเป็นแชมป์โลกปี 2001 อะ คิดว่าไม่น่ามีลิขสิทธิ์ เพระผมเคยเห็นมาก่อนหน้าที่เหมือนกัน
เว็บที่ผมไปเก็บข้อมูลมาบอกว่าแปลเป็นภาษาเยอรมันด้วย (T_T
แล้วจะมีใครแปลเป็นภาษาไทยให้บ้างไม๊หว่า...please..)
http://othellogateway.com/rose/book.pdf
"Othello: From Beginner To Master"
by Randy Fang 2003
คนเขียเป็นผู้เล่นที่ฝรั่งใช้คำว่า one of the stongest US Players (T_T
ผมภาษาฝรั่งไม่แข็งแรงพอที่จะแปล) เขาบอกว่าเล่มนี้ เป็น ภาคมือใหม่หัดขับ ??? หัดเดิน หัดเล่น
(อืมม..หัดอ่านภาษาอังกฤษเหมือนป๋มด้วย) กำลังจะเขียนระดับ intermediate ต่อ
(ขอให้เสร็จไวๆ สาธุ..สาธุ.. ^/\^ ) จะได้โหลดมาอ่าน(ฟรี) อีก แหะ แหะ
http://othello.federation.free.fr/livres/beginner-Randy-Fang.pdf
"How to win at Othello"
von Goro Hasegawa
ฝรั่งบอกว่าไม่แนะนำให้อ่าน (^_^") สงสัยติดเรท ...... เอ้ย!!ไม่ใช่ ....
เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนคิดค้น ไม่จำเป็นต้องเก่ง
เพียงแต่ยุคตอนนั้นเรายังไม่ได้มีการคิดอย่างมีเป็นระบบมาก จนผ่านการฝึกฝน วิเคราะห์
จนเป็นรูปแบบที่เราเรียนรู้ว่า จะเล่นอย่างไรถึงจะดีเหมือนกับปัจจุบัน
(ใครสนใจไป search หาเองแล้วกัน..หนังสือติดเรท..หุหุ)
ผมเข้าใจว่าที่เว็บ www.thaiothello.com น่าจะมีคนเขียนบทความหรือบทวิเคราะห์ไว้บ้างแล้วล่ะนะ
ถ้าใครสนใจลองไปหาอ่านในเว็บได้นะครับ
ส่วนถ้าผมเจอหนังสือน่าสนใจเล่มอื่นอีก จะมาแจ้งให้ทราบใหม่ครับ....
แว้บบบบบบบ..... |
โดย : มุย [ 08/11/2010, 12:33:09 ] |
19
ก็คนมันน้อย เข้ามาทีไรเหมือนอยู่คนเดียวทุกที
ว่าจะต่ออายุชื่อ แต่ไม่ต่อมันแล้ว ( ยืมส์ชื่อคนอื่นเอา ๕๕๕.)
จาก LaBaNun.
|
โดย : _ปลากัด_ [ 26/12/2010, 14:00:27 ] |
|
|
|
E-mail: webmaster@thaibg.com |
Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved |
|
|
|
|