|
|
[ กลับหน้าหลัก ]
แข่งระบบสวิส ระบบไม่ดีหรือกรรมการไม่ดีคับช่วยบอกหน
ผมว่าแข่งระบบสวิสไม่ดีเลย เพราะกรรมการช่วยได้ดิคั
บแล้วมีกติกาชนะบายไทเบคดีกว่าคนที่มี่คู่แข่งด้วยหรอคับ |
โดย : มกรคับ [ 05/08/2008, 19:39:44 ] |
1
เวลาจัดการแข่งขัน ผู้จัดจะคิดหาระบบที่เหมาะสมที่สุดมาจัดรูปแบบ โดยมีเงื่อนไขจาก จำนวนผู้เล่น
ระยะเวลารวมที่จะเป็นช่วงแข่งขัน ความชอบและไม่ชอบของผู้จัด รวมทั้งการจะเข้าข้างผู้แข่งขันบางท่าน
ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเหตุผลนำมาพิจารณา
แต่ไม่ว่ารูปแบบใด ผู้ที่ฝีมือดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดมักจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันนั้นๆ
อันนี้ต้องมีคำว่าเหมาะสมที่สุดด้วย เพราะผู้จัดแข่งบางท่านอาจชอบการตัดสินจากการกระทำครั้งเดียว
บางท่านก็ชอบให้มีการแก้ไขข้อผิดพลาดได้บ้าง(แต่ก็มีขอบเขตจำนวนครั้งให้แก้ไข)
ดังนั้นผมคิดว่าผู้จัดคงพิจารณาดีอยู่แล้ว หากเราไม่ชอบระบบก็ไม่ต้องเข้าร่วมแข่งขัน
หากเราจะเข้าร่วมแข่งขันก๊ต้องยอมรับกติกา |
โดย : นาคราช99 [ 06/08/2008, 08:27:18 ] |
2
การเเข่งขันระบบสวิส เเพริ่ง คนทํา มีหน้าที่..ป้อนข้อมูล..(ใครเเพ้ ใครชนะ)ใส่ลงไป
เเล้วเเพริ่งออกมา (โปรเเกรมจับคู่ให้) กรรมการไม่ได้ยุ่งกับระบบ.. ส่วนคะเเนนเท่ากันก็ดูไทเบรค
..1..2..3ไล่ตามลําดับ (โปรเกรส..บูชโช..เบอเกอร์) เช่นเเพ้ ..ชนะ กระดานที่เท่าไร
เเพ้..ชนะคู่ต่อสู้ที่เเข็งเเกร่งมั๊ย กรณี ชนะบาย ไทเบรคเราก็ไม่ดี เพราะคะเเนนสะสมเราได้น้อย
...ข้อดี...ของระบบสวิส คือ..ได้เเข่งหลายรอบ ทําให้เเก้ไขเราได้..ไม่มีหมากป้อง ..คนจัด
ควบคุมเวลาได้..คู่เเข่งฝีมือใกล้เคียงกัน...อื่นๆ |
โดย : ประกายดาว [ 06/08/2008, 13:54:27 ] |
3
การแข่งขันมีหลายระบบ เช่น
1. ระบบแพ้คัดออก หรือระบบน็อคเอ๊าท์ ข้อเสียก็คือผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่มีโอกาสเล่นแค่เกมเดียวหรือ 2-3
เกมก็ต้องออกจากการแข่งขันแล้ว
2. ระบบแบ่งกลุ่ม พบกันหมดในกลุ่ม แล้วเอาผู้ชนะของแต่ละกลุ่มมาแข่งแบบน็อคเอ๊าท์
3. ระบบสวิสดีที่ผู้เล่นทุกคนมีโอกาสได้เล่น 7 หรือ 8 รอบเท่าๆกันและพร้อมๆกัน
คนที่ชนะเลิศมักเป็นคนที่เหมาะสมชนะเลิศมากที่สุด
เป็นระบบที่นิยมใช้ในการแข่งหมากรุกสากลมากที่สุดในกรณีที่มีจำนวนผูเข้าแข่งขันเยอะๆ
ปัญหาของระบบสวิสอยู่ที่การเลือกระบบไทเบรก ซึ่งมีหลายระบบ
อยากให้ผู้บริหารสมาคมหมากรุกแห่งประเทศไทยศึกษาและเลือกระบบไทเบรกที่ทางสหพันธ์หมากรุกโลกใช้เป็นประจำ
เช่น ในการแข่งระดับโลก อย่าไปเปลี่ยนระบบไทเบรกบ่อยๆตามอารมณ์ของกรรมการจัดการแข่งขัน |
โดย : poedmak [ 06/08/2008, 18:27:43 ] |
4
มีกติกาที่ว่าชนะบายได้ไทเบรกดีกว่าที่มีคู่แข่งขันด้วยหรอคับ |
โดย : มกรคับ [ 07/08/2008, 04:13:43 ] |
5
ระบบสวิส ผมเห็นมีข้อเสียอยู่เรื่องเดียว คือคนเก่งอาจจะไม่ได้แชมป์
ดูจากการที่บุญสืบแข่งแบบสวิสแล้วผลเป็นอย่างไร การแข่งแบบสวิสถ้าคู่ต่อสู้มีฝีมือใกล้เคียงกัน
คนที่เก่งกว่าจะเสียโอกาส เพราะว่าฝ่ายที่เป็นรองรู้ว่าสู้ไม่ได้จ้องหาเสมออย่างเดียว
แถมหลบก็อาจเสียตำแหน่งหมากดีๆ ถึงอาจแพ้ได้ เพราะฉะนั้นการแข่งแบบสวิส
ถ้าฝีมือไม่คมจัดจริงๆก็จะไม่เป็นต่อคนอื่น และก็อาจจะไม่ได้แชมป์
รู้สึกว่าการแข่งขันทั่วๆไป เริ่มเอาวิธีการแข่งแบบสวิสมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ
เท่ากะเป็นการช่วยเหลือฝ่ายที่เป็นรอง กรณีผู้ที่ไม่สันทัดหมากรุกก็อาจจะงง
ทำไมคนเก่งถึงไม่ได้เป็นแชมป์ ฉนั้นผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญหมากรุก
อย่าคิดว่าคนที่เป็นแชมป์ในระบบสวิสจะเก่งที่สุด ถ้าสู้กันแบบแพ้คัดออกแล้วได้แชมป์นี่แหละชัดเจน
มีฝีมือจริง |
โดย : ตาสา [ 07/08/2008, 13:18:01 ] |
6
ไม่เห็นด้วยกับ คห.5 ครับ
บุญสืบไม่ได้แช้มป์เพราะแพ้ป๋องครับ ทั้งที่บุญสืบได้หมากขาว
ป๋องเหมาะสมเป็นแช้มป์เพราะเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ไม่แพ้ใครเลย แถมชนะบุญสืบด้วย
ปกติในระบบสวิสนี่ตำแหน่งแช้มป์จะชัดเจนครับ ส่วนตำแหน่งรองๆลงไปไม่ชัดเจนเท่าไหร่
แต่ก็เป็นระบบที่ดีที่สุดถ้ามีผู้เข้าแข่งเยอะๆ เพราะทุกคนได้แข่ง 7-8 รอบเท่าๆกัน
ผมไม่ชอบการแข่งแบบน็อคเอ๊าท์ เพราะถ้ามีผู้เล่น 64 คน
- 32 คนได้เล่นแค่รอบเดียว
- 16 คนได้เล่นแค่ 2 รอบ
- 8 คนได้เล่นแค่ 3 รอบ
- 4 คนได้เล่น 4 รอบ
จะเห็นว่า 60 คนได้เล่นไม่เกินคนละ 3 รอบเท่านั้น
ไม่ได้ส่งเสริมให้คนส่วนใหญ่มีโอกาสเล่นหมากรุกหลายๆกระดานในการแข่งขันนัดใหญ่ๆ |
โดย : poedmak [ 07/08/2008, 15:37:34 ] |
7
ระบบการแข่งขันแบบสวิสเมื่อนำมาใช้กับหมากรุกไทย
มีข้อขัดข้องอยู่ อาทิ
1.หมากรุกไทยมีโอกาสเสมอสูงมากกว่าหมากรุกสากล
2.หมากรุกไทยยังไม่ได้จัดเรตติ้งที่ชัดเจน
3.บางครั้งผู้จัดหรือกรรมการ เปลี่ยนแปลงวิธีการเล็กๆน้อยๆ เช่น
สุ่มชื่อรอบแรก-แล้วให้มีการจับขาวดำ-ว่าใครขึ้นก่อน-หลัง อันจะมีผลในรอบต่อๆไป
4.ลำดับในการนั่งโต๊ะ-อาจส่งผลให้ผู้แข่งขันเข้าใจผิดได้..อันเนื่องมาจากข้อ 2.
--ส่วนโอกาสในการได้เข้าร่วมแข่งขันมากขึ้นนั้นก็เป็นข้อดีอย่างที่ว่า
ปัญหามักจะมาเกิดเมื่อผู้แข่งขันมีโอกาสลุ้นรางวัลหรือลุ้นอันดับ
--เข้าใจว่าผู้รู้จะสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้....ผมประมวลจากการได้
พูดคุยอยู่บ้าง...มิได้ทราบถึงข้อเท็จจริงในข้อจำกัดต่างๆชัดเจนนัก
ถ้าไม่ถูกต้อง..ก็ขออภัยผู้ดำเนินการจัดแข่ง...ประเด็นใหญ่ของหมากรุกไทยน่าจะอยู่ ข้อที่ 1. |
โดย : วิหค10ตัว [ 07/08/2008, 17:46:55 ] |
8
ผมนึกว่ากระทู้นี้เกี่ยวกับหมากรุกสากลซะอีก เพราะเพิ่งแข่งหมากรุกสากลชิงแชมป์ประเทศไทย 2551 จบไปหยกๆ
(17-20 ก.ค.) และบุญสืบได้ที่ 4 โดยแพ้ป๋อง (ในรอบที่ 7) ซึ่งเป็นแชมป์
ความจริงการแข่งหมากรุกสากลระดับแกรนด์มาสเตอร์ก็มักเสมอกันเป็นส่วนใหญ่ครับ มากกว่าผลแพ้ชนะ |
โดย : poedmak [ 07/08/2008, 20:49:52 ] |
9
ขอให้กรรมการช่วยส่งใบคะแนนให้หน่อยคับ
|
โดย : เติมโคน [ 08/08/2008, 00:01:10 ] |
11
อืมมม
อันดับ 1 และ 2 คะแนนเท่ากัน
ไทเบรคก็น่าจะเท่ากันที่ 14 แต้ม (ตามการคำนวณแบบงูๆปลาๆ)
อันดับของคู่แข่งขัน ของณัฐ ก็น่าจะดีกว่าได้ แข่งกับ ที่ 4 ,6,13 18
ทินกฤต แข่งกับ 5 ,8,20,30
ดูแล้ว ณัฐ น่าจะได้แชมป์ นะครับ
แต่ทำไมไม่ได้แชมป์
ผู้รู้กติกา ชี้แจงกติกาด้วยครับ
สงสัยจริงๆเพราะความรู้น้อย |
โดย : น้ำตาควาย [ 08/08/2008, 09:29:24 ] |
12
ดูคะแนนไม่เห็นรู้เรื่องเลย ใครช่วยบอกที |
โดย : โมโหนะ [ 08/08/2008, 11:45:59 ] |
13
ช่วยอธิบายหน่อยดิว่าที่1 และ 2 คะแนนเท่ากัน
แล้วเอาอะไรตัดสินว่าใครได้ที่1 และ 2 งง
งง งง งง แล้วการที่ชนะบายในรอบแรก ทำไมถึงดีกว่า
คนที่ลงแข่งแล้วชนะ งง งง งง ถ้าบอกว่าชนะบายดีกว่า
อย่างนี้เวลาลงแข่งก็ให้เดินกันไปก่อนถ้าใครแพ้ก็ไม่ต้องเซ็นชื่อให้กลายเป็นว่าชนะบายมาไม่ดีกว่ารึไง งง
งง งง
กรรมการตอบทีนะครับ |
โดย : งงไม๊ [ 08/08/2008, 11:52:48 ] |
14
ไม่มีหรอกครับ ชนะบาย แล้วไทเบรคดี คะแนนไม่ดีต่างหาก สู้คนที่เขาแข่งแล้วชนะไม่ได้ |
โดย : ประกายดาว [ 08/08/2008, 15:21:53 ] |
15
ต้องถามกรรมการแล้วแหละครับ
ว่านอกจาก Progressive แล้ว
กรรมการใช้ Tie-break แบบไหน เป็น Tie-break ตัวที่ 2 ที่ 3 ในการตัดสิน |
โดย : 000000001 [ 09/08/2008, 04:24:01 ] |
16
เจ้าของกระทู้มีสิทธิ์แนะนำ หรือเสนอให้ผู้จัดการแข่งขันปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงระบบจัดการแข่งขัน
แต่ถ้าเขาตกลงว่าจะจัดแบบนี้แล้วคุณไม่พอใจก็อย่าไปแข่ง แต่ถ้าออกมาบ่นว่าระบบไม่ดี
เพราะคิดไปคิดมาแล้วตัวเองเสียประโยชน์ก็ไม่ควร เพราะเท่ากับไม่มีน้ำใจนักกีฬา
ในเมื่อมันไม่มีระบบการแข่งขันใดที่จะสมบูรณ์แบบที่สุด
ระบบสวิสก็ยังเป็นที่นิยมสูงสุดในวงการหมากรุกสากล และหมากรุกไทยก็ยังไม่มีใครหาระบบอะไรที่ดีกว่าได้
ในการแข่งขันหมากรุกสากลของเยาวชนมีผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่งออกมาโวยวาย
โทษระบบเพราะว่าลูกของเธอพลาดรางวัล แต่พอปีต่อมาลูกเธอชนะด้วยการนับ Tie break
และได้ไปแข่งในนามทึมชาติ เธอกลับมาชื่นชมการจัดการแข่งขัน เจ้าของกระทู้ก็คงแบบนี้ละมั้ง |
โดย : Cumming [ 09/08/2008, 13:17:00 ] |
17
ผมว่า คุณประกายดาวและคุณCumming
ลองดูตารางผลการแข่งขันด้านบนแล้ววิเคราะห์ให้เห็นชัดเจนหน่อย-ก็น่าจะดีกว่ามาให้ความเห็นลอยๆ นะครับ -
อยากรู้ว่า ที่ 1 กับ ที่ 2 (ตามตาราง)-ใช้วิธีใด-ในแง่ของการคิดไทเบรก- |
โดย : tussan [ 11/08/2008, 13:02:24 ] |
19
มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะใช้ไทเบรคแบบที่คุณ pml ว่า..
เพราะโปรแกรมนี้ผมคุ้นเคยมานาน จึงสามารถตอบคุณ pml ได้ว่า ตัวเข้มคือเกมที่เล่นเป็นหมากขาวครับ |
โดย : 000000001 [ 14/08/2008, 20:29:32 ] |
21
กระจ่าง ครับท่าน |
โดย : น้ำตาควาย [ 25/08/2008, 06:54:15 ] |
22
ผมว่าก่อนแข่งควรจะมีการอธิบายระบบคิดคะแนนให้ชัดเจน |
โดย : ไร้ปรานี [ 25/08/2008, 14:30:12 ] |
23
ผมว่าก่อนแข่งควรจะมีการอธิบายระบบคิดคะแนนให้ชัดเจน |
โดย : ไร้ปรานี [ 25/08/2008, 14:34:06 ] |
24
ผมว่าก่อนแข่งควรจะมีการอธิบายระบบคิดคะแนนให้ชัดเจน |
โดย : ไร้ปรานี [ 25/08/2008, 14:34:06 ] |
26
ยังงงอยู่ดี ทำไมถึงให้คนที่บายไม่มีการแข่งเสมือนว่าเสมอทุกกระดาน งง งง งง ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ
ถ้าไม่มาแข่งเลยมีค่าเท่ากับ 2.5
|
โดย : งงไม๊ [ 02/09/2008, 19:10:36 ] |
27
ผมอยากได้โปรเเกรม หาได้ที่ไหนครับ
จะขอมาเพื่อนำมาจัดการเเข่งขันที่เชียงรายครับ
ใครมีช่วยจัดส่งให้มาที จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
เก้าพร
|
โดย : เก้าพร - [ 03/09/2010, 13:58:58 ] |
28
เข้าไปดาวน์โหลด เวอร์ชั่น ใช้ 30 วันได้ที่ www.swissperfect.com
หรือท่านใดมีโปรแกรมอื่นที่ดีกว่านี้ ช่วยแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยครับ |
โดย : ขุนสันต์ [ 03/09/2010, 16:33:04 ] |
32
รอบ 1 นักกีฬาที่ชนะจะมี ไทเบรกแบบBuchholz เท่ากับ 0 เพราะBuchholz
คือผลรวมของคะแนนคู่ต่อสู้ของนักกีฬาคนนั้นๆ คุณชนะมา คู่ต่อสู้คุณก็ต้องมี 0 คะแนน คุณแพ้มา
คู่ต่อสู้คุณก็ต้องมี 1 คะแนน คุณเสมอมาก็ต่างฝ่ายก็มีคนะ 0.5 คะแนน เกมคู่ไหนที่ไม่มีการแข่งขัน
เวลาหาbuchholz ก็ให้ถือว่าเกมคู่นั้นเสมอกัน ฐ ได้บาย มีคะแนนจริงหนึ่งคะแนน
เนื่องจากไม่มีการแข่งขันเวลาหาBuchholz ของ ฐ ก็ให้ถือว่า ฐ เสมอมา
|
โดย : ขุนสันต์ [ 10/09/2010, 01:23:07 ] |
33
คะแนนไทเบรกแบบ Buchholz ของรอบที่ 2 ก็คือผลรวมของคะแนนคู่ต่อสู้ในรอบที่1 และรอบที่2
ของนักกีฬาคนนั้นๆ มีเมื่อจบรอบที่ 2
นาย ก มีคะแนนจริง 2 คะแนน มีไทเบรกแบบ Buchholz เท่ากับ คะแนนของคู่ต่อสู้ในรอบที่ 1 ของนาย ก +
คะแนนของคู่ต่อสู้ในรอบที่ 2 ของนาย ก
= คะแนนของเบอร์ 8 (นาย ฉ ) + คะแนนของเบอร์ 6 (นาย ง )
= (รอบ 1 นาย ฉ แพ้ นาย ก บวกกับ รอบ 2 นาย ฉ ชนะนาย ฌ ) + (รอบ 1 นาย ง ชนะ นาย ฎ บวกกับ
รอบ 2 นาย ง แพ้ นาย ก )
= ( 0 + 1 ) + ( 1 + 0 ) = 2
นาย ข มีคะแนนจริง 2 คะแนน มีไทเบรกแบบBuchholz เท่ากับ
คะแนนของเบอร์ 9 ( นาย ช ) + คะแนนของเบอร์ 15 (นาย ฐ )
= ( รอบ 1 นาย ช แพ้ นาย ข บวกกับ รอบ 2 นาย ช ชนะ นาย ญ ) + ( รอบ 1 นาย ฐ ได้ชนะบาย บวกกับ รอบ
2 นาย ฐ แพ้ นาย ข )
= ( 0 + 1 ) + ( 0.5 (เนื่องจากนาย ฐ ชนะบายเวลานำมาคิดหาไทเบรกแบบBuchholz ให้ถือว่าเสมอ
จึงมีเพียง 0.5 แทนที่จะเป็น 1) + 0 )
= 1.5
นาย ฆ มีคะแนนจริง 2 คะแนน มีไทเบรกแบบ Buchholz เท่ากับ
คะแนนของเบอร์ 12 (นาย ญ ) + คะแนนของเบอร์ 4 (นาย ค เบอร์ 4 )
= (รอบ 1 นาย ญ แพ้ นาย ฆ บวกกับ รอบ 2 นาย ญ แพ้ นาย ช ) + (รอบ 1 นาย ค เบอร์ 4 เสมอ นาย ฌ
บวกกับ รอบ 2 นาย ค เบอร์ 4 แพ้ นาย ฆ )
= (0 + 0 ) + ( 0.5 + 0 )
= 0.5
|
โดย : ขุนสันต์ [ 10/09/2010, 03:42:42 ] |
38
นาย ข มีคะแนนจริง 2.5 คะแนน มีไทเบรกแบบ buchholz = คะแนนของเบอร์ 9 (นาย ช ) + คะแนนของเบอร์ 15
(นาย ฐ ) + คะแนนของเบอร์ 5 (นาย ฆ)
= ( รอบ 1 นาย ช แพ้ นาย ข บวกกับ รอบ 2 นาย ช ชนะ นาย ญ บวกกับ นาย ช ชนะนาย ฏ ) + ( รอบ 1 นาย ฐ
ได้ชนะบาย บวกกับ รอบ 2 นาย ฐ แพ้ นาย ข บวกกับ นาย ฐ ชนะ นาย ฉ ) + ( รอบ 1 นาย ฆ ชนะ นาย
ญ บวกกับ รอบ 2 นาย ฆ ชนะ นาย ค เบอร์ 4 บวกกับ รอบ 3 นาย ฆ เสมอกับ นาย ข )
= ( 0 + 1 + 1 ) + ( 0.5 + 0 + 1 ) + ( 1 + 1 + 0.5 )
= 2 + 1.5 + 2.5 = 6
ส่วน การประกบคู่ ผมยังมีความรู้ไม่พอที่จะอธิบายได้ถูกต้องตามกติกาสากล
มีแต่เพียงความรู้ที่ถ่ายทอดกันมา หากจะเอาให้ถูกต้อง 100 % คงต้องรอท่านอื่นๆ
ผมขออธิบายเท่าที่พอทำได้ การประกบคู่ จะเริ่มทำในส่วนกลุ่มคะแนนนำและกลุ่มคะแนนต่ำสุดก่อน
เมื่อจบรอบ 2 มีคนนำอยู่ 3 คือ นาย ก (1 ) , นาย (2) และ นาย ฆ (5 ) ในสองรอบที่ผ่านมา นาย ก
และ นาย ฆ เล่นหมากสีเดียวกันตลอด ส่วนนาย ข ต่างจากคนอื่น จึงมองได้ว่า เราสามารถประกบคู่ นาย ข
กับนาย ก หรือ นาย ฆ ก็ได้ ถ้าพิจารณาแค่สีที่เล่น ผมไม่ทราบว่าทำไมโปรแกรมไม่เลือกประกบคู่ นาย ก
กับ นาย ฆ
แต่ถ้าเลือก ประกบคู่นาย ฆ กับ นาย ข แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ หาคู่ให้นาย ก จากกลุ่มที่มี 1 คะแนน
ซึ่งประกอบไปด้วย นาย ค (เบอร์ 3หรือมือวางอันดับ 3 ) ,นาย ฉ (8) , นาย ช (9) และ นาย ซ (10)
เท่าที่ดู นาย ค (3)และ นาย ช (9) สองรอบที่ผ่านมาเล่นสีเหมือนนาย ก และ นาย ฉ (8 ) ก็แข่งกับนาย ก
ไปแล้วในรอบ 1 จึงเป็น นาย ซ (10)
เท่ากับตอนนี้เราประกบคู่กลุ่มนำเสร็จแล้ว ต่อไปกลุ่มท้าย แน่นอน นาย ญ ที่มี 0 คะแนน
เพียงคนเดียวต้องได้ชนะบาย กลุ่มต่อมา กลุ่มที่มี 0.5 คะแนน มี สองคน คือ นาย ค (4) และ นาย ฌ
น่าจะจับประกบเจอกันเลย แต่ ทั้งคู่เคยแข่งกันแล้วในรอบที่ 1
จึงต้องหาผู้แข่งขันจากกลุ่มที่มี 1 คะแนนมาประกบให้
ซึ่งก็เหลือ 8 คน ดังนี้ นาย ค (3) , นาย ง ( 6) ,นาย จ ( 7) , นาย ฉ (8) , นาย ช (9) , นาย ฎ (13)
, นาย ฏ (14) และ นาย ฐ (15 ) การต้องประกบคู่กับผู้เล่นที่มีคะแนนต่ำกว่าเรียกว่าถูกแพร์ดาวน์
ผู้เล่นแต่ละคนไม่ควรถูกแพร์ดาวน์หรือแพร์อัพ (ถูกประกบคู่กับผู้เล่นที่มีคะแนนสูงกว่า)สองรอบติดกัน
และ ผู้เล่นที่ได้บายหรือชนะบายก็ถือว่าถูกแพร์ดาวน์ ย้อนกลับไปดูสองรอบที่ผ่านมา รอบ 1 นาย ฐ ( 15
)ได้ บาย รอบ 2 นาย ฉ (8) ถูกแพร์อัพ และนาย ฎ (13 ) ได้บาย ดังนั้น
ทั้งสามคนนี้จึงไม่ควรถูกแพร์ดาวน์ เท่ากับเหลือ 5 คน คือ นาย ค (3) , นาย ง (6) ,นาย จ (7) ,นาย ช
(9) และ นาย ฏ (14) ส่วนโปรแกรมจะจับคู่กลุ่ม 5 คนนี้ กับนาย ค(4) และ นาย ฌ (11) ผมก็ไม่เข้าใจ
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาแน่ๆ คือ สีที่เล่น
ผมลองเข้าไปอ่านในคู่มือ(help)ดูก็รู้สึกว่ายากเกินกว่าจะมีเวลาทำความเข้าใจตอนนี้
และซับซ้อนกว่าที่ผมเคยแพร์มือมาและที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
|
โดย : ขุนสันต์ [ 10/09/2010, 16:09:10 ] |
39
การใช้ระบบสวิสเป็นประโยชน์ต่อนักกีฬาทุกท่าน โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญคือทุกคนที่มาได้เล่นแน่นอน
แตกต่างจากระบบ เคโอ ที่ใครแพ้ ไม่ทันนั่งให้เก้าอี้อุ่นก็กลับบ้านได้เลย
ในการคิดคะแนนBuchholz ในกรณีบายนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่ยุ่งยาก เพียงแค่รวมคะแนนของคู่ต่อสู้ทั้งหมด
แล้วเอาจำนวนบาย *0.5 ลบออกไปเท่านั้น (ระบบให้สันนิฐานว่าเป็นการเสมอ)
ถ้าตั้งคำถามว่า ระบบไม่ดีหรือกรรมการไม่ดี ก็ควรตอบว่าระบบดีได้ในระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการโกงได้ทุกกรณีเสมอไป ฉะนั้นผมถึงบอกหลายครั้งแล้วว่า
กรรมการคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ของแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่โปรแกรมจับคู่หรือระบบการแข่ง มันอยู่ที่กรรมการ
ท้ายสุดนี้สาธิตการนับคะแนน Buchholz เพื่อให้เข้าใจและไม่ต้องขัดแย้งในสิ่งที่ไม่จำเป็น
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 16:17:12 ] |
40
ยกตัวอย่างจากการแข่งขัน Chess4thai U16/18
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 16:18:05 ] |
42
อย่างน้องแบงค์ แข่งห้ารอบ
สู้กับ
Chayatorn Panichkul มี 1 คะแนน บาย 0
Zantot Kovityanon มี 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol Leelachaikul มี 3 คะแนน บาย 1
Ratchphon Thanrotrung มี 4 คะแนน บาย 0
Suppavich Teerajamtrangkul มี 3 คะแนน บาย 1
ก็เอาคะแนนมารวมกัน 1+2.5+3+4+3 =13,5
ลบจำนวนบาย 2*0.5 = -1
Buchholz สุทธิ 12,5
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 16:23:59 ] |
43
อาจเกิดคำถามว่า แล้วคนที่ได้ัรับบายเอง คิดคะแนน Buchholz อย่างไร ก็ไม่ยาก
คนที่เป็น Bye เปรียบเสมือนเล่นเสมอมาตลอด สมมุติ 5 รอบ ก็นับ 2.5 เท่านั้น นอกนั้นก็เหมือนเดิม
มาดูตัวอย่างที่น้อง Suppavich
Suppavich สู้กับ
Ratchaphon มี 4 คะแนน บาย 0
Bye มี 2.5 คะแนน บาย 0
Kanakorn มี 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol มี 3 คะแนน บาย 1
Thanadon มี 5 คะแนน บาย 0
ก็เอาคะแนนมารวมกัน 4+2.5+2.5+3+5=17
ลบจำนวนบาย 1*0.5 = -0,5
Buchholz สุทธิ 16,5
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 16:33:45 ] |
45
ส่วนในเรื่องประกบคู่นั้น
ระบบสวิส สร้างขึ้นเมื่อมาสำหรับการแข่งที่รู้ว่า ไม่มีเวลาแข่งเพียงพอที่จะมาทุกคนได้มาเจอกัน
และให้คู่ต่อสู้ที่มีผลแข่งใกล้เคียงกันได้มาแข่งกัน
โดยไม่ให้ทีมที่เคยเจอกันแล้วมาสู้กันอีกครั้งที่สอง
ในกรณีที่ หลายคนมีคะแนนเท่ากัน ก็มีหลายวิธี
- ให้คนที่เล่นหมากดำในรอบก่อน เล่นหมากขาวในรอบนี้
หลังจากนั้น อาจใช้วิธีจับฉลากหรือrandom เอา
หรือ
ให้อันดับ 1 สู้ 2 / 3 สู้ 4 ต่อๆไป
หรือ
การตัดครึ่งให้ ครึ่งบน สู้กับครึ่งล่าง (จะต้องมีเรตติ้ง หรือการแยกฝีมือผู้แข่ง)
หรือ
ระบบการเร่ง การตัดสี่ส่วน ให้ส่วน 1 สู้ ส่วน 2 ส่วน 3 สู้ ส่วน 4
ทั้งนี้มีหลายวิธีในการประกบคู่ ซึ่งจะอธิบายในครั้งต่อไป
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 16:56:13 ] |
46
ในเรื่องฝีืมือสูสีกัน ไม่มีแต่ในวงการหมากรุกไทยหรือหมากฮอสเท่านั้น ในหมากรุกสากลก็มี
ซึ่งผมได้แนบตัวอย่างไว้ให้เห็น ซึ่งในโลกหมากรุกสากล ระบบนี้ได้รับความยอมรับแล้ว
และได้มีการปรับปรุงในโอลิมเปียดเล็กน้อย
ในตัวอย่างที่ผมแนบมา ฝีมือมือนำทั้งหลายต่างก็ไม่ได้ต่างกันมาก ก็เห็นได้ว่าใช้คะแนน Buchholz
ตัดสินไป
ส่วนเรื่องนักกีฬายอมรับหรือไม่ยอมรับนั้น ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดไป
ส่วนตัวเองในขณะที่ผมจัด ผู้ปกครองก็มาถามว่าคะแนนบูโช้ เป็นอะไร ผมเองก็ยังงง (เอ๋ มันเรียกว่า
บุ้คฮอลส์ นี้น๊า) แต่หลังจากอธิบายไปแล้ว ผู้ปกครองก็เข้าใจและไม่มีปัญหาอะไร
ด้วยความปรารถนาดี
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 17:12:02 ] |
49
การที่จะให้หมากดำเดินก่อนหรือขาวเดินก่อนนั้น ขึ้นอยู่กับกรรมการผู้จัด อาทิ ก(1) และ ข(2)
ข เป็นเด็กของกรรมการในรอบแรกจะทำให้ ข ได้เดินก่อนก็ย่อมทำได้ ในขณะ Piaring ก็กด black
ก็เกิดการสลับข้าง ข(2) ซึ่งเป็นคู่ที่ 2 ก็มีชื่อกลับมาอยู่ฝั่งซ้ายก็ได้ขึ้นก่อน
นี่เป็นเพียงอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนักเพราะว่าเป็นรอบที่ 1
ไม่เข้าใจ ช่วยขยายความหน่อยครับ
แต่สูสีแบบไทย ๆ นี่ซิเป็นปัญหา
นักกีฬาที่มาแข่งต่างมีซุ้มมีค่ายมีพวกพ้องมีลูกศิษย์อาจารย์ เป็นเซียนใหญ่เหมือนไม่กินกัน
มันไม่ใช่ปัญหาของสูสีต่างประเทศอะไรหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับนิสัยของนักกีฬาและการแบ่งแยกสังกัดต่างหาก
แต่อย่างไรก็ตาม มันคนละประเด็นกัน ไม่ว่าคุณจะยกระบบใดๆมาก็ตาม ตราบใดที่การส่งเสริมนักกีฬาเหล่านี้
จากองค์กรต่างๆไม่ดีพอ เนื่องจากสถานการณ์การเงินบังคับ
นิัสัยและการจับกลุ่มและแยกแยะสังกัดก็ยังเป็นแบบนี้ต่อไป
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 19:17:19 ] |
50
ที่ต้องการกล่าวก็คือ ประเด็นอยู่ที่ว่า
มีการแบบพรรคพวก สังกัดใคร สังกัดมัน และฮั่วคะแนนให้กัน
ซึ่งคุณต้องการแก้ไข ไม่ให้ฮั่วกันในระบบสวิส ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระบบใด มันก็คงทำไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าคุณถามผมว่า ผมแก้ปัญหานี้อย่างไร ผมก็ได้แต่ตอบว่า ถ้าหากผมมีข้อสงสัยว่าใครทำแบบนี้
ผมก็จะตัดสิทธิ์กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ให้แข่ง
ผมยอมให้คนแข่งน้อยลงและการแข่งขันยุติธรรม แต่ผมจะไม่ยอมให้คนแข่งมากและบางคนได้เปรียบเด็ดขาด
ด้วยความปรารถนาดี |
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 19:33:34 ] |
52
ถ้าคุณถามผมว่า ผมแก้ปัญหานี้อย่างไร ผมก็ได้แต่ตอบว่า ถ้าหากผมมีข้อสงสัยว่าใครทำแบบนี้
ผมก็จะตัดสิทธิ์กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ให้แข่ง
น่าเป็นห่วงนะครับอย่างนี้ |
โดย : จากน้อง [ 10/09/2010, 20:27:52 ] |
53
น่าเป็นห่วงนะครับอย่างนี้
ไม่น่าเป็นห่วงเลยครับ เป็นสิทธิ์และหน้าที่ของผู้จัดการแข่ง ที่จะต้องรักษาความยุติธรรมเอาไว้ |
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 20:33:21 ] |
59
ิวิธีเก็บคะแนนนี้ ได้ถูกทดลองมาหลายครั้งแล้ว ซึงที่จริงกระตุ้นให้ทั้งสองฝ่ายต่างตีแตกหักกัน
แต่มีสองกรณีที่น่าวิตกก็คือ
๑. บุญสืบ เสมอ นกกระจิบ ๑ คะแนน โนเนม ชนะ โนเนม ๓ คะแนน คุณค่าของเกมหมดไปเลยในทีเดียว
๒. กรณีมีพวกฮั่ว ยิ่งเป็นต่อใหญ่ เพราะเก็บคะแนนได้เต็มหน่วย ในขณะผู้ที่เล่นจริงๆ ยิ่งเสมอง่าย
ยิ่งเป็นรองมากไป
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 22:27:25 ] |
61
จะใช้ระบบใดก็มีฮั๊วกันทั้งนั้นแหละครับผมเคยกล่าวไว้หลายครั้งแล้วครับ จากสิงห์เคอาร์ |
โดย : สิงห์เคอาร์ - Դ : 0870692008 - [ 10/09/2010, 22:35:51 ] |
62
ป.ล. การใช้เวลาเป็นคะแนนย่อยนี้ผิดหลักกีฬาหมากกระดานมากเลยทีเดียว เนื่องจากสองประเด็นหลัก
๑. ไม่ควรเริ่งให้นักกีฬาคิด ฝีมือนักกีฬาไม่ได้อยู่ในการคิดเร็ว ถ้าอยากแข่งคิดเร็วก็จัด Blitz 5/0
หรือ Bullet 1/0 ไปเลย เมื่อคุณให้เวลาคิด 30/0 นักกีฬาก็มีสิทธิ์คิดในเวลานั้น
นอกเหนือจากนั้นการประกบคู่ไม่สามารถบอกได้ว่า ใครจะเจอใครก่อนในรอบแรก อย่างเช่น
ตี๋ทอง เจอ โนเนม ชนะใน ห้านาที
บุญสือ เจอ วโรช ชนะในสิบห้านาที
คุณภาพเกมต่างกัน ย่อมใช้เวลาต่างกัน ถามว่าเกมไหนมีค่ามากกว่ากัน ก็น่าจะเป็นเกมที่สอง
ถ้าใช้ระบบเวลาแบบนี้ เกมแรกก็เท่ากับมีค่ามากกว่าเกมที่สอง
๒. การใช้เวลาเป็นคะแนนย่อย จะทำให้มีปัญหาเพิ่มขึ้น เช่นอาจมีการหยุดเวลาเพิ่มขึ้น หรือการปรับเวลา
ทำให้คะแนนย่อยเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
และเท่าที่เข้าใจนักกีฬาบางคน ยิ่งใช้นาฬิกาเข็ม ก็จะต้องเถียงกันอีกว่าปัดขึ้นปัดลง
หรือเข็มอยู่บนนาทีนั้นแล้ว
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 22:41:28 ] |
63
คำถามถึงท่านสิงห์เคอาร์
เมื่อท่านบอกว่าฮั่วได้ทุกแบบ แล้วทำไมจะเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้มันยุ่งยากละ อะไรคือวัตถุประสงค์
โปรดชี้แจงให้เข้าใจหน่อย |
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 22:42:46 ] |
65
ถ้าหากเป็นวิธีหนึ่งให้เลือก ก็คงต้องอยู่ที่ผู้จัดการแข่งแล้วละครับ แต่ในฐานะคนที่เคยจัดงานแข่งมาก่อน
สำหรับผมวิธีนี้ไม่ผ่านแน่นอน ตามเหตุผลที่เรียนไปให้ทราบ
ส่วนเรื่องนักกีฬาชอบหรือไม่ชอบนั้น โดยส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วย
แต่ถ้าพูดถึงนักกีฬาที่ฮั่วนั้นรู้จักมากมายพอควร การไม่ให้นักกีฬาเหล่านี้แข่ง
ไม่ได้เป็นความคิดผมหรอกครับ เป็นนโยบายของกลุ่มผู้จัดแข่ง ซึ่งภายหลังก็แก้ปัญหานี้ได้เอง
ระบบสวิสมีมาก่อนนานที่จะเข้ามาในเมืองไทย
ฉะนั้นปัญหาทั้งหลายที่คุณชี้แจงมาย่อมมีมาตรการสากลที่แก้ไขไว้แล้ว
ผมเองก็มองเห็นจุดบกพร่องในระบบสวิส ระบบสวิสไม่ดีดีเลิศอะไร เพียงแต่ระบบอื่นๆ
และระบบที่ดัดแปลงนั้นไม่ดีกว่าเท่านั้น ที่เป็นเหตุผลที่ต้องใช้ระบบสวิสต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผมตอบกระทู้ใน ด้วยเหตุที่เจ้าของกระทู้ ถามถึงระบบสวิส
ในเรื่องแก้ไขหรือดัดแปลงอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่ความเห็นส่วนบุคคลนะครับ
อ๋อ ขอชี้แจงว่า การที่ผมบอกว่าระบบสวิสเหมาะสมกว่าระบบอื่นนั้น ผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไร
ไม่มีใครจ้างผมไปประกบคู่ หรือผมไปประกบคู่ให้งานใคร ยกเว้นงานแข่งของตนเอง
และผมไม่เคยมีประวัติที่นักกีฬามาร้องเรียนว่าผมไม่ยุติธรรมต่อนักกีฬา หรือ ป้องกันการฮั่วคะแนนไม่ได้
ด้วยความปรารถนาดี
|
โดย : *ปาณิศา [ 10/09/2010, 23:22:05 ] |
66
ขอกลับไปรอบสามอีกที
การประกบคู่ของโปรแกรม คู่ที่ 3 ถึง 7 หากเราสามารถเข้าใจวิธีการที่โปรแกรมประกบคู่ที่ 6 และ 7 ได้
คู่ที่ 3 , 4 และ 5 ก็อธิบายได้ไม่ยาก คือเมื่อประกบคู่ที่ 6 และ 7 ได้แล้ว ก็จะเหลือ
ผู้แข่งขันอีกเพียง 6 คน ซึ่งเมื่อเรียงตามมือวางแล้วจะได้ดังนี้
ค (3 ) , ฉ (8) , ช (9) . ฎ (13) . ฏ (14) และ ฐ (15)
เมื่อประกบคู่แบบพับครึ่ง จะได้ดังนี้
ค (3) - ฎ (13)
ฉ ( 8) - ฏ (14)
ช (9) - ฐ (15)
เราก็เริ่มตรวจสอบแต่ละคู่ว่าเป็นไปตามกติกาไหม
คู่แรก ค (3) - ฎ (13)
ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันและสองรอบที่ผ่านมา ค (3) เล่น ขาว_ดำ ส่วน ฎ (13 ) เล่นขาว (รอบสองได้ชนะบาย
ถือว่าไม่มีสี ไม่ มีคู่ต่อสู้ และแพร์ดาวน์)
สรุปคู่นี้เจอกันได้
คู่ที่ สอง ฉ (8) - ฏ (14)
ทั้งคู่ไม่เคยเจอกัน แต่สองรอบที่ผ่านมาทั้งคู่เล่นสีเหมือนกันคือ รอบแรกเล่นดำทั้งคู่
รอบสองเล่นขาวทั้งคู่
เช่นเดียวกับคู่ที่สาม ช(9) - ฐ (15) ที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกัน แต่รอบสองทั้งคู่ เล่นสีเหมือนกัน คือ
เล่นดำ (รอบแรก ฐ (15)ได้บาย)
ดังนั้น จึงลองเลื่อน ฐ (15) ไปพบ ฉ (8) แทน ตรวจสอบดูทั้งคู่ไม่เคยเจอกัน สีก็ได้
แต่ต้องไปดูอีกคู่ที่เหลือว่าสามารถประกบกันได้ไหม ซึ่งก็คือ ช (9) - ฏ (14)
ทั้งคู่ ไม่เคยพบกันมาก่อน และสีก็เข้ากันได้ สรุปคู่ที่ 3 ,4 และ 5 สามารถอธิบายได้แล้ว
ดังนั้นจึงเหลือวิธีการที่โปรมแกรมประกบคู่ กลุ่มที่มีคะแนนไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะแพร์อัพหรือแพร์ดาวน์
ที่ผมยังไม่เข้าใจ การสลับตำแหน่ง เวลามีปัญหา ซึ่งใน help อธิบายเป็นเมทริกซ์
และการพิจารณาเรื่องสีที่เล่น ที่ยิ่งมากรอบก็ยิ่งปวดหัว
ปกติที่เราแพร์มือ ก็จะไม่ซับซ้อนขณะนี้
อนึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมตั้งแต่ ปี 98
ซึ่งดูเหมือนว่ากติกาการประกบคู่อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว หรือถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น โปรแกรมนี้
สหพันธ์หมากรุกโลกไม่ได้ให้การรับรอง ไม่ทราบด้วยสาเหตุใด
เท่าที่ดูถ้าผู้เล่นจำนวนมากพอวิธีการแพร์ริ่งของโปรแกรมนี้ก็อธิบายได้
ปล.ผมคงไม่มาตอบอีกหลายวัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวสำหรับรอบชิงในวันอาทิตย์นี้
ต้องเคลีย์แต้มหมากที่จดมาในรอบคัดเลือก ว่าจะทำเป็นชีท มีคนขอให้ทำให้
ถ้าพี่หมอธีระพงศ์มีเวลาช่วยตอบให้หน่อยก็ดีครับ เวลาประกบคู่รายการเล็ก
พี่หมอเขาจะคอยเช็คเสมอว่าโปรแกรมแพร์ริ่งถูกตามกติกาของฟีเดหรือไม่ |
โดย : ขุนสันต์ [ 10/09/2010, 23:22:18 ] |
70
ตอบความเห็น 11-12-13
เพื่อความเข้าใจระบบสวิส พอดีเพื่อนบอกว่า ความเห็นที่ 10 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไม ทินกฤต
ซึ่งเจออันดับ 30-8-20-2-5
จึงมี Buchholz มากกว่า
ณัฎ
ซึ่งเจออันดับ 13-16-4-1-6
ผมมานั่งดูแล้วก็สงสัยเหมือนกันเพราะอันดับดีกว่า แต่ถ้าคำนวนออกมาแล้ว ทินกฎตมีคะแนน Buchholz
ที่มากกว่า
เนื่องจาก.....
ทินกฤต
ชนะ บาย ทำ 2.5 คะแนน และ เคยได้คะแนนบาย (+) 0
ชนะ อันดับ 8 ทำ 3.5 คะแนน และ เคยได้คะแนนบาย 0
ชนะ อันดับ 20 ทำ 2.0 คะแนน และ เคยได้คะแนนบาย 1
เสมอ อันดับ 2 ทำ 4.5 คะแนน และ เคยได้คะแนนบาย 0
ชนะอันดับ 5 ทำ 3.5 คะแนน และ เคยได้คะแนนบาย 0
รวมคะแนนคู่ต่อสู้ 2.5+3.5+2.0+4.5+3.5=16
ลบคะแนนบาย *0,5 =-1*0,5
คะแนน Buchholz สุทธิ 15.5 คะแนน
ส่วน ณัฎ
ชนะอันดับ 13 ทำคะแนน 3.5 และเคยได้คะแนนบาย 1
ชนะอันดับ 16 ทำคะแนน 2.5 และเคยได้คะแนนบาย 2
ชนะอันดับ 4 ทำคะแนน 4.0 และเคยได้คะแนนบาย 1
เสมออันดับ 1 ทำคะแนน 4.5 และเคยได้คะแนนบาย 1
ชนะอันดับ 6 ทำคะแนน 3.5 และเคยได้คะแนนบาย 1
รวมคะแนนคู่ต่อสู้ 3.5+2.5+4.0+4.5+3.5=18
ลบคะแนนบาย *0,5 = -6*0,5= -3
คะแนน Buchholz สุทธิ = 15,0
สังเกตได้ว่าจะน้อยกว่า เนื่องจากคู่ต่อสู้ของณัฐต่างมีอันดับดีกว่าจริง แต่ก็ต่างได้คะแนนบายมีเยอะมาก
ณัฐจึงมีคะแนน Buchholz น้อยกว่า
ต้องบอกว่าโดยปกติไม่น่าเป็นแบบนี้
แต่เนื่องจากผู้ประกบคู่ไม่ลบชื่อหรือเปลี่ยนสถานะผู้เล่นว่าไม่อยู่ก่อนการประกบรอบแรก
จึงทำให้มีการบายเยอะเช่นนี้ ซึ่งทำให้ผลการแข่งออกมาเพี้ยนเช่นนี้ (สันนิฐาน
เพราะตั้งแต่ผมเห็นการแข่ง ไม่ค่อยเจอคนที่มีผลเสมือนบายสองครั้ง เช่นอันดับ 16)
หวังว่าคงทำให้ ความเห็น 11-12-13 เข้าใจระบบสวิสมากขึ้น
อย่างไรก็รบกวนผู้เชี่ยวชาญมาออกความเห็นด้วย
ขอบคุณครับ
|
โดย : *ปาณิศา [ 11/09/2010, 02:37:03 ] |
71
แก้นิดนึง อ่านผิด
ส่วน ณัฎ
ชนะอันดับ 13 ทำคะแนน 3.0 และเคยได้คะแนนบาย 1
ชนะอันดับ 16 ทำคะแนน 2.5 และเคยได้คะแนนบาย 2
ชนะอันดับ 4 ทำคะแนน 4.0 และเคยได้คะแนนบาย 1
เสมออันดับ 1 ทำคะแนน 4.5 และเคยได้คะแนนบาย 1
ชนะอันดับ 6 ทำคะแนน 3.5 และเคยได้คะแนนบาย 1
รวมคะแนนคู่ต่อสู้ 3.0+2.5+4.0+4.5+3.5=17.5
ลบคะแนนบาย *0,5 = -6*0,5= -3
คะแนน Buchholz สุทธิ = 14,5 |
โดย : *ปาณิศา [ 11/09/2010, 02:48:26 ] |
73
ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ แต่ก็พยายามจะอธิบายตามที่เข้าใจนะครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เป็นระบบการนับคุณภาพคะแนน ซึ่งพัฒนาจากเซียนออสเตรียในปี 1873 มีนามว่า Oscar Gelbfuhs
หลังจากนั้นได้นำมาใช้ครั้งแรกที่เมือง Liverpool ในปี 1882 โดย Wilhelm Sonneborn และ Johann Berger
และได้นำมาใช้งานทั่วไปในปี 1886
โดยปกติแล้ว Sonneborn-Berger จะนำมาใช้ในการแข่งขันทุกคนเจอกัน เพราะการคิด Buchholz
ในการแข่งขันที่ทุกคนเจอกันนั้นไม่มีความหมาย เพรา Buchholz ระหว่างแต้มเท่ากัน เหมือนกันแน่นอน
หลักการคิดก็คือ ให้คิดคะแนนที่ชนะเต็มบวกครึ่งหนึ่งของคะแนนที่เสมอ นั้นก็คือคะแนน Sonneborn Berger
กล่าวก็คือการชนะคนที่อยู่มีคะแนนมาก จะได้คะแนนมากกว่า การชนะคนที่มีคะแนนน้อย
จึงทำให้เหตุที่ผมเรียกว่าคุณภาพคะแนน
ยกตัวอย่าง น้องแบงค์ จาก ความเห็นที่ 42
Chayatorn Panichkul ชนะ 1 คะแนน บาย 0
Zantot Kovityanon ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol Leelachaikul ชนะ 3 คะแนน บาย 1
Ratchphon Thanrotrung ชนะ 4 คะแนน บาย 0
Suppavich Teerajamtrangkul ชนะ 3 คะแนน บาย 1
ชนะรวด นับไม่ยาก ก็เอามารวมกันหมด
1+2.5+3+4+3 =13,5
-บาย 0.5*2 =1
Sonneborn-Berger สุทธิ 12,50
ส่วนน้อง Suppavich ความเห็นที่ 43
Ratchaphon แ้พ้ 4 คะแนน บาย 0
Bye ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Kanakorn ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol ชนะ 3 คะแนน บาย 1
Thanadon แพ้ 5 คะแนน บาย 0
ชนะ Bye จะนับเป็นเสมอ ได้ครึ่งเดียวจาก 2.5เป็น 1.25
ชนะ Kanakorn ได้ 2.5 คะแนน
ชนะ Pattaraphol ได้ 3 คะแนน
รวม 6.75 คะแนน
ลบคะแนนบาย 0.5*1 = -0,5
Sonneborn-Berger สุทธิ 6.25 คะแนน
ส่วน Progress ผมก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร คิดว่าน่าจะเป็นการรวมคะแนนหลักแต่ละรอบ ยกตัวอย่าง
ในภาพที่เห็นด้านบนนี้
อย่างน้องแบงค์
รอบแรก คะแนนหลัก 1
รอบที่ 2 คะแนนหลัก 2
รอบที่ 3 คะแนนหลัก 3
รอบที่ 4 คะแนนหลัก 4
รอบที่ 5 คะแนนหลัก 5
เท่ากับ Progress 1+2+3+4+5=15
ส่วนน้อง Suppavich ก็
ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ แต่ก็พยายามจะอธิบายตามที่เข้าใจนะครับ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เป็นระบบการนับคุณภาพคะแนน ซึ่งพัฒนาจากเซียนออสเตรียในปี 1873 มีนามว่า Oscar Gelbfuhs
หลังจากนั้นได้นำมาใช้ครั้งแรกที่เมือง Liverpool ในปี 1882 โดย Wilhelm Sonneborn และ Johann Berger
และได้นำมาใช้งานทั่วไปในปี 1886
โดยปกติแล้ว Sonneborn-Berger จะนำมาใช้ในการแข่งขันทุกคนเจอกัน เพราะการคิด Buchholz
ในการแข่งขันที่ทุกคนเจอกันนั้นไม่มีความหมาย เพรา Buchholz ระหว่างแต้มเท่ากัน เหมือนกันแน่นอน
หลักการคิดก็คือ ให้คิดคะแนนที่ชนะเต็มบวกครึ่งหนึ่งของคะแนนที่เสมอ นั้นก็คือคะแนน Sonneborn Berger
กล่าวก็คือการชนะคนที่อยู่มีคะแนนมาก จะได้คะแนนมากกว่า การชนะคนที่มีคะแนนน้อย
จึงทำให้เหตุที่ผมเรียกว่าคุณภาพคะแนน
ยกตัวอย่าง น้องแบงค์ จาก ความเห็นที่ 42
Chayatorn Panichkul ชนะ 1 คะแนน บาย 0
Zantot Kovityanon ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol Leelachaikul ชนะ 3 คะแนน บาย 1
Ratchphon Thanrotrung ชนะ 4 คะแนน บาย 0
Suppavich Teerajamtrangkul ชนะ 3 คะแนน บาย 1
ชนะรวด นับไม่ยาก ก็เอามารวมกันหมด
1+2.5+3+4+3 =13,5
-บาย 0.5*2 =1
Sonneborn-Berger สุทธิ 12,50
ส่วนน้อง Suppavich ความเห็นที่ 43
Ratchaphon แ้พ้ 4 คะแนน บาย 0
Bye ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Kanakorn ชนะ 2.5 คะแนน บาย 0
Pattaraphol ชนะ 3 คะแนน บาย 1
Thanadon แพ้ 5 คะแนน บาย 0
ชนะ Bye จะนับเป็นเสมอ ได้ครึ่งเดียวจาก 2.5เป็น 1.25
ชนะ Kanakorn ได้ 2.5 คะแนน
ชนะ Pattaraphol ได้ 3 คะแนน
รวม 6.75 คะแนน
ลบคะแนนบาย 0.5*1 = -0,5
Sonneborn-Berger สุทธิ 6.25 คะแนน
ส่วน Progress ผมก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร คิดว่าน่าจะเป็นการรวมคะแนนหลักแต่ละรอบ ยกตัวอย่าง
ในภาพที่เห็นด้านบนนี้
อย่างน้องแบงค์
รอบแรก คะแนนหลัก 0
รอบที่ 2 คะแนนหลัก 1
รอบที่ 3 คะแนนหลัก 2
รอบที่ 4 คะแนนหลัก 3
รอบที่ 5 คะแนนหลัก 3
Progress= 0+1+2+3+3= 9,0
การคิด Progress สันนิฐานว่า คนที่เล่นและชนะในรอบแรก
น่าจะได้อันดับดีกว่าคนที่เพิ่งมาได้คะแนนหลังๆจากคู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่า
Progress ไม่พิจารณาว่า ชนะบาย หรือชนะโดยไม่ต้องแข่ง
คิดว่าประมาณนี้นะครับ เพื่อความแน่ใจรอให้ผู้เชี่ยวชาญมาชี้แนะละกันครับ
|
โดย : *ปาณิศา - Դ : 081-6290182 [ 11/09/2010, 13:28:30 ] |
74
Progress Table
|
โดย : *ปาณิศา [ 11/09/2010, 13:29:16 ] |
75
สรุปคือ จัดอันดับได้หลายวิธี
อย่างเช่นในตัวอย่างนี้
จัดตาม
P=คะแนนหลัก
1=Buchholz
2=Sonneborn-Berger
3=Progress
โดยส่วนตัวแล้ว แค่ P,1,2 ก็น่าจะพอแล้ว
|
โดย : *ปาณิศา [ 11/09/2010, 13:32:27 ] |
78
โดยปกติแล้ว กรรมการทุกท่านควรเข้าใจกติกาและการให้คะแนนอย่างถี้ถ้วน
และสามารถให้คำตอบต่อนักกีฬาได้เสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอบรมกรรมการ
ซึ่งอยู่ในการรับผิดชอบของผู้จัดการแข่ง
ท่านสิงห์เคอาร์ถามว่าใครเข้าใจระบบสวิสและสามารถอธิบายในเมืองไทย
คำตอบก็คือมีหลายท่านที่สามารถตอบคำถามนี้ได้
แต่ระบบสวิสไม่ได้มีเพียงแ่ค่คะแนนย่อยเท่านี้ ที่เป็นปัจจัยในการประกบคู่
ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ละเอียดกว่าั้นั้น ทั้งหมดนี้ไม่เพียงอาศัยแต่การอ่านคู่มือ
แต่อาศัยประสบการณ์ในการไปชมการแข่งขันและติดตามผลการแข่งเป็นเวลานาน จึงจะเริ่มเข้าใจระบบสวิสถึงแน่แท้
ส่วนในเรื่องการอธิบายในการใช้ระบบสวิสกับโปรแกรมนั้น ต้องขึ้นอยู่กับโปรแกรม มีหลายโปรแกรมให้เลือกใช้
แต่คะแนนคงยังไม่เปลี่ยนแปลง
ในการแข่งขันที่ผมจัด ผมได้เชิญคุณ Kai Tuorila และ Peter Darby มาเป็นกรรมการ
ซึ่งผมได้ทำกับทั้งสองท่านและได้เห็นว่า ทั้งสองท่านมีความสามารถในการประกบคู่ โดยไม่ใช้โปรแกรม
และใช้โปรแกรมได้ตามหลักเกณท์ที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าถามว่าใครอธิบายได้ละเอียดในประเทศไทย
ผมก็ขอยกให้สองท่านนี้
|
โดย : *ปาณิศา [ 11/09/2010, 16:17:20 ] |
82
สรุปได้ว่า โปรแกรมสามารถแบ่งได้แบบ ไม่ว่าจะอายุ น้ำหนัก ความสูง ความสามารถ ศักดิ์นักหมากรุก เพศ ฯลฯ
ขึ้นอยู่กับผู้ใช้โปรแกรมครับ
ขอบคุณครับ |
โดย : *ปาณิศา [ 12/09/2010, 00:04:59 ] |
94
สำหรับ ไทเบรกแบบ Berger ใน swissperfect นั้น เวลาคิดจะนำคะแนนที่คู่ต่อสู้มีอยู่จริง มาคิด
จะไม่พิจารณาว่าชนะบายหรือแพ้บายมา
ซึ่งเป็นวิธีที่วงการหมากรุกสากลของไทยนิยมใช้ก่อนยุคที่จะนำคอมพิวเตอร์มาเป็นตัวดำเนินการประกบคู่
ผมก็ขอแนะนำว่าเวลาแจ้งการใช้ไทเบรกแบบBuchholz และ ไทเบรกแบบ Berger ให้เสริมคำว่า"ของโปรแกรม
swissperfect "เข้าไปด้วยครับ
ตัวไทเบรก แบบBuchholz ของ swissperfect ก็มี bug อยู่ ( เช่นเดียวกับ โปรแกรม swissmenager
ผมไม่แน่ใจว่า โปรแกรม swissmanager จะแก้ไขให้ตรงตามกติกาของสหพันธ์หมากรุกโลกหรือยัง
ตามที่มีผู้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางฟีเดทราบและทางฝ่ายที่รับผิดชอบด้านนี้ของฟีเดเองก็แจ้งตอบมาว่าจะแก้ไขใน
การปรับปรุงครั้งหน้า)
คือกติกาของฟีเดกำหนดว่าเวลาคิดไทเบรกเกมที่ไม่มีการแข่งขันให้ถือว่าผู้เล่นคนนั้นๆเสมอกับตัวเอง |
โดย : ขุนสันต์ [ 13/09/2010, 20:59:50 ] |
108
วิธีการแข่งขัน หมากกระดาน หาคน เก่งที่สุด ต้อง แบบนี้ ครับ (ความคิดเห็นส่วนตัว)
แบ่งกาแข่งเป็น 2 รอบ รอบแรก ระบบสวิส คัดมา 8 คน แล้วมาเล่นน็อกเอ้า กัน จะได้ แชมป์ ที่เก่งจริง
รอบแรก แข่งระบบสวิส เป็นการ กรอง หาคนฝีมือดี เข้ามาก่อน และทำให้ผู้เล่นทุกคน ได้เล่นหลายรอบ
เปนการ พัฒนาฝีมือ
รอบสุดท้าย แข่งน็อคเอ้า เพื่อจะได้ ชัดเจน ว่าใครเก่งจริง
การแข่งแบบนี้ กันการ ฮั้วกันได้มากที่สุดแล้ว(ไม่มีวิธีไหนทำได้ 100 เปอเซน) คนเก่ง(เซียนใหญ่)
ก็ไม่ต้องกลัว คู่ต่อสู้จ้องหาเสมออย่างเดียว
|
โดย : แมน_ [ 10/10/2010, 13:59:06 ] |
109
ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความรู้ เข้ามาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการสวิส และ ไทเบรคต่างๆได้ความรู้มากๆเลยครับ
ผมมีข้อสอบถามเล็กน้อยเกี่ยวกับการใช้ไทเบรคในแบบต่างๆว่าตัวใดเหมาะสม กับการแข่ง
และลักษณะรูปเกมที่เกิดตามไทเบรคนั้นๆ
1.head-to-head ไทเบรคตัวนี้ผมว่าเหมาะสมที่สุดในการตัดสินเกมส์ ซึ่งถ้าคะแนนเท่ากัน
เราควรจะใช้ไทเบรคตัวรองแบบไหนในการคิด
2.Bucholtz เป็นรูปแบบการคิดที่ได้รวมคะแนนจากคู่ต่อสู้ ที่เราแข่งด้วยทั้งแพ้ เสมอ ชนะ จับมารวมกัน
นำมาหักออกจาก คู่ต่อสู้ที่มีชนะบาย และได้คะแนนถ้าหากชนะบาย 1/2 ของรอบจำนวนที่แข่ง
ในส่วนตัวผมคิดว่าระบบนี้ทำให้การแข่ง เป็นแบบขอเจอเซียนที่เก่งมีฝึมือจะดีมาก เพราะจะเสมอ หรือ แพ้
ก็ได้คะแนนเซียนมาครบ ซึ่งต่อให้แพ้ก็สวิสไปเจอคนไม่ค่อยเก่งมาก ก็สามารถเก็บคะแนนแล้ว ทำให้การแข่ง
ถ้าเซียนเจอเซียนจะออกเสมอ ไปเก็บหมูซะมากกว่า
3.Berger เป็นรูปแบบการให้คะแนนถ้าชนะ ได้คะแนนของคู่ต่อสู้ ถ้าเสมอ ได้1/2 ของคะแนนคู่ต่อสู้ ถ้าแพ้
จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าหากชนะบาย ก็ได้คะแนน 0 ซึ่งต่างจากทาง Bucholtzที่ให้1/2ของรอบการแข่งขัน
ในการแข่งที่ใช้ระบบนี้ขึ้นก่อนทางผู้จัดต้องการให้นักกีฬาที่ได้อันดับต้นๆ
ต้องแข่งอย่างเข้มข้นกับเซียนด้วยกันเองเพราะจะได้คะแนนคู่ต่อสู้ได้นั้นต้องชนะ
อย่างต่ำต้องเสมอจะได้1/2 ของคะแนนคู่ต่อสู้ ถ้าแพ้จะไม่ได้อะไร การแข่งจะออกแนวบุก + รัดกุม
คือต้องทำชนะและเสมอถึงจะมีคะแนน จะไปหวังเก็บหมู แบบ Bucholtz ยอมแพ้เซียนลงไปเก็บหมูไม่ได้แล้ว
เพราะการให้คะแนนแบบนี้สมเหตุสมผล เปรียบเทียบกับ Bucholtz ที่ว่าชนะคู่ต่อสู้ต้องได้คะแนนของเค้าหมด
ถ้าเล่นเสมอไม่ควรได้คะแนนครบ ควรแบ่งกันไปคนละครึ่ง และแพ้ไม่สมควรได้คะแนนของฝ่ายตรงข้าม ได้เพียง 0
รูปเกมส์การแข่งขันจะออกแนวบุกเร้าใจ
.......แต่ทั้ง Bucholtz และ Berger เป็นการฝากชีวิตเราไว้กับคู่แข่งที่เราแข่งไปด้วย
ต้องแช่งให้เค้าแพ้เราไป แล้วภาวนาให้เค้าไปชนะคนอื่นเยอะๆ จะทำให้เราขึ้นอันดับต้นๆได้ ซึ่งการรวมคะแนน
ของระบบจะใช้กับผลที่มีปัจจุบัน ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัว ว่าเซียนที่เราเล่นด้วยในความคิดเค้าเก่งมาก
เราแข่งกับเค้าแล้ว คะแนนเราน่าจะต้องไปไกลแน่ แต่บังเอิญรายการแข่งนั้น เค้าซ้อมมาไม่ดี
คะแนนในรายการนั้นไม่ดี แต่ดันเดินเก่งกับเราเพียงคนเดียว ในความคิดเราต้องได้อันดับดีแน่ๆ
แต่ผลการแข่งฟ้องมาว่าคนที่เราแข่งที่ชนะมาได้อย่างยากลำบาก ปีนี้ฟอร์มสบู่
เราจึงตกอันดับลงไปไม่เป็นตามที่คาดหวัง ซึ่งการจัดลำดับที่ต้องฝากชีวิตไว้กับคนอื่น ที่เอาแน่นอนไม่ได้
น่าลำบากใจนะครับ....
4.Progressive เป็นการรวมคะแนนท้ายของแต่ละรอบ จับมาบวกกัน การแข่งที่ใช้ระบบนี้
คนที่เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เช่นแข่ง 5 รอบ คะแนนหลักเท่ากัน คือ 4.5 ชนะ 4 เสมอ 1 แต่นายก. ชนะ 4
รอบแรก เสมอรอบท้าย ได้คะแนน 1+2+3+4+4.5 //14.5 ส่วนนาย ข เสมอรอบแรก ชนะ 4 รอบท้าย ได้คะแนน
0.5+1.5+2.5+3.5+4.5//12.5 ซึ่งเป็นการบอกว่านาย ข เริ่มต้นได้ไม่ดีเป็นเสมอ จึงทำคะแนนไล่ตามนาย ก
ไม่ได้
ระบบนี้จะดีเมอื่มีการจัดอันดับในรอบแรกให้เซียนไม่ชนกันเอง และคนเก่งสวิสแล้วเจอกันไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าเป็นการแรนดอมตั้งแต่รอบแรก ผลออกมาจะไม่น่าเชอื่ถือ เพราะไม่รู้ว่าชนะใคร ความสามารถเป็นอย่างไร
เก่งไม่เก่ง แต่ก็มีส่วนดีอิกอย่างคือ เป็นการใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆไม่ต้องพึ่งคะแนนคนอื่น
สไตล์การเล่นจะเป็นชนะรอบแรกๆให้ได้ เสมอรอบท้ายๆจะดี ไม่ต้องสนว่าเจอใคร
5.ตัวนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าเรียกว่าจำนวนครั้งที่ชนะ number of win
เป็นการรวมคะแนนในส่วนที่เราสามารถชนะได้ของการแข่งทั้งหมด เช่น แข่ง 5 นัด นาย ก และ นาย ข มี 4
คะแนนเหมือนกัน โดยที่นาย ก ชนะ 3 เสมอ2 มี win 3 นาย ข ชนะ 4 แพ้ 1 มี win 4
ถ้าเรียงคะแนน นาย ก และ ข มีคะแนนเท่ากัน แต่ นาย ข แข่งบู้เอาชนะได้มากว่านาย ก นาย ข ก็สมควรชนะไป
รูปแบบการแข่งที่ใช้ไทเบรคนี้ จะเป็นการมุ่งหวังเอาชนะ มากกว่า เล่นแค่ยันเสมอ
ทุกคนจะเน้นเดินบุกเอาแต้มให้ได้ เพราะถ้าเสมอได้แบ่งคะแนนแต้มหลักไป แต่แต้มรองจะหายไปหมด
เป็นการใช้ความสามารถตัวเองล้วนๆในการทำแต้ม ไม่ต้องหวังพึ่งคู่ต่อสู้ว่าได้คะแนนเท่าไหร่
6.minor score คะแนนในแต่ละกระดาน ต่อ 1รอบ ในส่วนตัวที่ผมไปแข่งหมากฮอสจะใช้แข่งต่อรอบ 4 กระดาน
แข่งสวิส 5 ถึง 8 รอบ ในแต่ละกระดาน ถ้าชนะได้ 3 เสมอได้1 แพ้ได้ 0 จับรวม 4 กระดานเป็น 1 รอบ
รวมให้ครบทุกรอบที่จัดแข่ง เป็นการแข่งที่ดูว่า เราชนะ แพ้ เสมอ กี่กระดาน ไม่ได้ดูว่าแข่งกะใคร
เก่งแค่ไหน
-----ซึ่งในไทเบรคแต่ละตัวก็จะมีข้อดี ข้อด้อยในตัวเอง ขึ้นกับทางผู้จัด ต้องการเกมส์ออกมาในแนวไหน
รวมทั้งข้อเรียกร้องของนักกีฬาว่าอยากแข่งแบบไหนด้วย จึงต้องปรับหาระบบ ที่รองรับทั้งสองฝ่าย
คนแข่งก็อยากจัดให้สนุก นักกีฬาก็แข่งได้สนุก ------
***ที่ผมเคยพบเห็นการเรียงไทเบรค จะมี ที่ถัดจาก head to head แล้วจะเป็น
1.Bucholtz-Berger-minor score ในหมากรุก หมากฮอส
2.Berger-Bucholtz-minor score ในหมากฮอส
3.Progressive-Bucholtz-Berger ในหมากรุก
ในแบบ 1 และ 2 อาศัยความหนักเบาจากคู่ต่อสู้(ชีวิตฝากไว้) แต่แบบ 3
ใช้ความสามารถตัวเองว่าเริ่มต้นเป็นอย่างไร
****ถ้าหากมีการเรียงอันดับที่รองจาก head to headเป็น อันดับ1.number of win 2. Berger 3.Bucholtz
ผมขอเรียนถามผู้รู้ว่าเหมาะสม หรือไม่ อย่างไร
ขอบคุณมากครับ |
โดย : สิงห์ทอง [ 19/05/2012, 01:15:02 ] |
|
|
|
E-mail: webmaster@thaibg.com |
Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved |
|
|
|
|