|
|
[ กลับหน้าหลัก ]
ก้าวให้เพลิน เดินให้ดี....นะชีวิต : ตอนที่ 1
ก้าวให้เพลิน เดินให้ดี....นะชีวิต : ตอนที่ 1
โดย : ทิดโส โม้ระเบิด เมื่อ : 17/07/2006 09:08 PM
ในทุกวันนี้ สังคมรอบตัวเราเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน หากตั้งรับไม่ทันก็มีสิทธิ์พังทั้งชีวิตได้เลย
มีน้องนุ่งบางคนเข้ามาพูดคุยปรึกษาหารือ ว่าจะทำเช่นไรในสภาวะเช่นนี้ แหม!!!
หากให้ผมตอบก็จะเหมือนกับว่า เตี้ยอุ้มคร่อมไปซะฉิบ เพราะชีวิตผมเองทุกวันนี้ ก็ไม่ต่างกับหลายๆ คน
ที่กำลังมีปัญหาอยู่ เพียงแต่ผมมีแนวทางในการกำหนดเส้นทางเดินให้ตัวเอง โดยใช้ทฤษฎีหมากรุก
ปรับให้เข้ากับชีวิตจริง
ผมเล่นหมากรุกครับ....... หมากรุกไทยมีอะไรมากมายให้น่าศึกษา ทั้งในแง่ของการละเล่น การแข่งขัน
หรือแม้กระทั่งนำมาใช้เป็นแนวทางดำเนินชีวิต
ในเสี้ยวหนึ่งของชีวิต ผมเคยเข้าร่วมแข่งขันหมากรุกไทย ขุนดาวรุ่ง ที่จัดโดยแสงโสม
แข่งขันที่ลานพันทิพย์พลาซ่า ผ่านรอบแรกไปได้แบบไม่เหนื่อยนัก แต่ด้วยวิสัยของคนเดินทาง
ทำให้รอบต่อไปต้องสละสิทธิ์ แม้จะเสียดายแต่ไม่เสียใจมากมายนัก
ด้วยว่าสิ่งที่ได้รับมันมหาศาลกว่าผลของการแพ้-ชนะ
ปีต่อมาผมก้าวกระโดดเข้าแข่งขัน ขุนทองคำ บอกกันไว้เลยว่ารายการนี้
คือที่พบปะกันของพยัคฆ์ซ่อน-มังกรซุ่มของแท้ เซียนป่อง , หนูทอง , เซียนแหว่ง , โคนสุรกานต์ , หมอดินแดง
ฯลฯ เหล่านี้คือมือโคตรเซียนทั้งนั้น รอบแรกผมต้องประทะฝีมือกับเซียนโบ๊ะ สุพรรณ คิดในใจว่าไม่ง่ายแน่ๆ
แม้ชื่อชั้นจะเป็นรองโคตรเซียนที่กล่าวมา แต่ขุนทองคำ....พลิกยาก
ก่อนเริ่มแข่ง ผมคิดในใจแล้วว่าอยากชนะในรายการนี้สักครั้ง แม้จะเป็นรอบแรก เพราะในแวดวงยุทธจักรหมากรุก
เราเป็นสังคมแคบๆ หากเป็นผู้ชนะขึ้นมา ย่อมมีคนพูดถึงบ้างละน่า แต่อีกใจก็คิดว่าไม่อยากแข่ง
ไม่อยากทำใจยอมรับหากต้องเป็นผู้พ่าย ผมสบตากับนักข่าวสยามกีฬาด้วยหัวใจเต้นระรัว
เราพันตูกันไป 3 กระดาน ใช้เวลาไปเพียงแค่ 30 นาที เฮอะ!! ไม่เห็นยากเลย
สิ่งที่เรากังวลตั้งแต่ก่อนแข่งมลายหายไป หมากรุกไทยไม่ใช่การโอบอุ้มปัญหาไว้
แต่คือการปลดปล่อยเสียมากกว่า
วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์สยามกีฬาพาดหัวข่าวย่อยว่า เซียนโบ๊ะ สุพรรณ
ถล่ม......................ยับเยิน เออแน่ะ!!
แพ้แล้วเป็นไร.........
ชนะแล้วจะเป็นไร...........
หัวใจสำคัญของหมากรุกอยู่ที่กลวิธีการเดินหมากมากกว่า ขอบคุณเซียนโบ๊ะ สุพรรณครับ
ขอบคุณที่สอนให้ผมรู้จักการกำหนดเส้นทางเดินให้ชีวิต โดยกลวิธีของหมาก
ตั้งแต่การแข่งขันพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในวันนั้น ผมก้าวเดินอย่างมั่นใจในกระดานชีวิต
แพ้จะเป็นไร......
ชนะแล้วจะเป็นไร.....
ไม่สำคัญแล้ว ผมพร้อมที่จะเดินหมากแพ้หรือชนะ เดินด้วยความสุขุมมากขึ้น
หมากรุกไม่ยากหากต้องตั้งกระดานเล่นใหม่ แต่กับหมากชีวิตเล่า...... เราจะเดินอย่างไร
หากพ่ายแพ้จะตั้งกระดานใหม่ได้หรือไม่ เหตุใด......ทำไม.....อย่างไร....................
บนกระดานเมื่อแรกเริ่ม...เบี้ย ซึ่งเราเปรียบเสมือนด่านหน้า เป็นหมากที่ค่าน้อยที่สุด
และเราไม่ลังเลเลยที่จะนำไปแลกกับคู่ต่อสู้.....
โดยมากแล้ว หากเมื่อเริ่มเล่นหมากรุกใหม่ๆ เกือบทุกคนจะไม่ใส่ใจในตัว เบี้ย มากนัก
เนื่องเพราะเดินหน้าตรงได้ครั้งละ 1 ตา กินเฉียงได้ครั้งละ 1 ตา หากยังเป็นเบี้ยจะไม่สามารถถอยหลังได้
ดังนั้นเมื่อเริ่มเปิดฉากขึ้นมา เราจะเริ่มแลกกินเบี้ยกับคู่ต่อสู้โดยไม่คิดอะไรมากมาย ในบางครั้ง
บางคนเปรียบเทียบเบี้ยเป็นเพียง พลทหาร ไม่ให้ความสำคัญ
ในชีวิตจริงบ้างเล่า เราทำอย่างไรกับเบี้ย ให้ความสำคัญพอหรือไม่ ในสนามรบที่แท้จริง
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้ารบประจันกับข้าศึกก็คือพลทหาร เราจะยอมสูญเสียพลทหารไปโดยไม่ยอมทำอะไรเลยหรือ
เป็นไปได้หรือว่าหากพลทหารตายในสนามรบจนหมดแล้ว นายพัน นายพล จะอยู่กันได้ มีวิธีที่ดีกว่านั้น
ซึ่งเราเรียกกันว่า กลศึก
....เบี้ยก็มีตาเดินของเบี้ย.... แม้จะก้าวทีละน้อย ก้าวทีละก้าว แต่หากเรามีกลศึก กลยุทธที่ดี
การก้าวทีละก้าวก็ทำให้ถึงจุดหมายเช่นกัน ทำฉันใดในเมื่อเบี้ยจำเป็นต้องเดินหน้า?
จะแลกกินกันอย่างไรที่จะไม่ทำให้หมากอื่นในกระดานต้องเสียหาย? มีหมากอื่นผูกไว้หรือไม่?
เหล่านี้ล้วนแต่ต้องคิดให้รอบคอบ ทางเดินเบี้ยมีจำกัดก็จริง แต่หากเรามีกลหมากที่ดี
ก็สามารถทำให้ได้เปรียบในกระดานนั้นได้
การกินแลกเบี้ยกันนั้น จุดหมายเพื่อหาทางกำจัดหมากของคู่ต่อสู้ รวมถึงเปิดทางให้หมากตัวอื่นได้มีทางเดิน
ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินเบี้ยกันแล้ว เราก็ต้องดูว่ากินแล้วได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
หากกินแล้วได้เปรียบหมายถึงหมากเรามีตัวมากกว่า หรือ มีทางเดินให้ตัวอื่นในจุดที่ดีกว่า
ถือว่าหมากเป็นต่อ
หากกินแล้วเสียเปรียบเล่า อย่าเสียดาย อย่าตีโพยตีพาย หมากที่ตัวน้อยกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายแพ้เสมอไป
ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณา หาทางแก้ไขในตาอื่นต่อไป เส้นทางยังอีกยาวนานนัก
เมื่อเราพันตูกันต่อไป จะเริ่มมองเห็นความสำคัญของตัวเบี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ หากเดินเบี้ยขึ้นหน้าไปได้ 3
ตา จากเบี้ยตัวเดิมจะเปลี่ยนเป็นเบี้ยหงาย มีศักดิ์หมากสูงกว่าเดิมเทียบเท่ากับเม็ด
สามารถเดินเฉียงกินเฉียงได้ทั่วกระดาน (จะได้กล่าวต่อไปในตอนหน้า เรื่องเม็ด)
นั่นแหละคืออันตรายสำหรับคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง
จนเมื่อการต่อสู้ย่างเข้าสู่ปลายกระดาน มีฝ่ายไล่ ฝ่ายหนี ตอนนี้แหละที่เบี้ยด้อยค่าตัวนี้
จะได้สำแดงศักยภาพอย่างเต็มที่ การนับศักดิ์หมากของเบี้ยคือ 64 ตาหนี หมายความว่าเราสามารถเดินหมาก
ไล่คู่ต่อสู้ได้ทั้งหมดนับหมากรวม 2 ฝ่ายได้ 64 ครั้ง ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ กำหนดยุทธศาสตร์
ให้เบี้ยหงายรุกไล่อย่างเต็มสถานะ ฝ่ายที่หนีก็ต้องมียุทธศาสตร์การหนี
ทำอย่างไรจึงจะพ้นรังสีอำมหิตจากเจ้าตัวเล็กนี้ได้
โดยความสำคัญ เบี้ยหงายผูกเพียง 2 ตัว สามารถป้องกันเรือ
ซึ่งเปรียบประดุจขุนพลของฝ่ายตรงข้ามมารุกขุนได้ และเบี้ยหงาย 1 ตัวและม้า 1 ตัว
สามารถรุกไล่ขุนฝ่ายตรงข้ามให้จนได้ แต่ต้องอาศัยยุทธศาสตร์
ในเส้นทางเดินของชีวิตเล่า เราให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพียงใด เรามองเบี้ยว่า เป็นเพียงเบี้ย
กันอยู่หรือไม่....
เบี้ย...เคยสอนผมว่า อย่ากินเล็กกินน้อย เพราะในเกมการต่อสู้นั้น จริงคือเท็จ เท็จคือจริง ได้เสมอ
ซึ่งนั่นคือกลยุทธอย่างหนึ่งเช่นกัน บางครั้งอาจเดินหมากให้เรากินฟรีๆ
เพื่อเปิดทางเอาหมากตัวอื่นที่มีศักยภาพมากกว่า มาสู้กับเราก็ได้ ดังนั้นก่อนจะทำอะไรลงไป
หากคิดให้ถ้วนถี่ ตรองให้แน่นอน เมื่อก้าวเดินเราก็จะมีความพร้อมมากขึ้น กล้าที่จะก้าวมากขึ้น
โดยมีความมั่นใจเป็นตัวผลัก
เบี้ย...ยังสอนผมว่า เมื่อเราก้าวเดินด้วยความมั่นใจ โดยมีจุดหมายรออยู่เบื้องหน้า เมื่อถึงจุดหมาย
คุณค่าก็จะเพิ่มมากขึ้นประดุจ ..เบี้ยหงาย.. นั่นเอง ที่สามารถเดินหน้า ถอยหลัง
ทะลุทะลวงได้มากขึ้นทั่วกระดาน
คุณละครับ!!! .. อยากทำอย่างไรกับเบี้ย ...... ......
ที่มา : http://www.9dern.com/rsa/6_view.php?id=1259 |
โดย : เห็นมา [ 26/11/2006, 15:16:33 ] |
1
ขอบคุณครับที่เอาบทความดี ๆ มาให้อ่าน ชอบอ่านสนุกดี |
โดย : แดสคุง [ 28/11/2006, 13:23:20 ] |
2
ดีคับ ขอบคุณคับ |
โดย : ดาบคลื่น [ 01/12/2006, 21:33:38 ] |
4
|
โดย : ตาตุ่ม1111 [ 06/12/2006, 23:10:48 ] |
|
|
|
E-mail: webmaster@thaibg.com |
Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved |
|
|
|
|