|
|
[ กลับหน้าหลัก ]
เรื่องราวเทศกาลต่าง ๆ ของ>>>>>>>>>>>>>>>
เทศกาลใหญ่ ๆ ตามประเพณีที่สืบทอดกันมา
และเป็นที่คุ้นเคยมากที่สุดของประชาชนจีนนั้น
มีอยู่ด้วย 8 เทศกาลคือ
1. เทศกาลตรุษจีน
2. เทศกาลโคมไฟ
3. วันเช็งเม้ง
4. วันไหว้บะจ่าง
5. เทศกาลสาร์ทจีน
6. เทศกาลไหว้พระจันทร์
7. เทศกาลทัศนาจรขึ้นเขาไปปิกนิก
8. เทศกาลขนมอี๋กับล่าปา
****************************************************************
เนื่องจากเทศกาลทั้ง 8 ดังกล่าว
เป็นวัฒนธรรมของชนชาติจีน
ที่แพร่หลายกันมาอย่างกว้างขวาง
และมีประวัติอันยาวนาน
ดังนั้น จึงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่น
กับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีน.............
สำหรับชาวจีนโพ้นทะเล
ที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากในประเทศไทย
ลูกหลานชาวจีนเหล่านั้น
อาจไม่รู้ซึ้งถึงความเป็นมาของเทศกาลเหล่านี้
พอถึงวันเทศกาลก็ได้แต่ทำตามธรรมเนียมที่บิดามารดา
หรือญาติผู้ใหญ่ได้ปฏิบัติกันมา เช่น.....
ไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
โดยไม่รู้ถึงความเป็นมาของเทศกาลที่เล่าขานกันมาอย่างแท้จริง
บ้างก็เข้าใจคลาดเคลื่อน บ้างก็ไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ก็มีการปฏิบัติตามกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า........
อันที่จริง แต่ละเทศกาลก็มีเรื่องเล่าขานถึงต้นกำเนิด
ที่ตื่นเต้นเร้าใจโดยความเป็นมาของเทศกาลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ได้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ ความทุกข์ยาก
ความเศร้าโศก ความสุขสำราญของชนชาวจีนในสมัยโบราณ
ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง เช่น....
เทศกาลไหว้บะจ่าง
คำว่า...."บะจ่าง"นั้น เป็นอาหารชนิดหนึ่งของจีน
คือ ทำด้วยข้าวเหนียวใส่หมูหรือหมูแดงกับถั่วหรือเม็ดบัว
ผัดแล้วห่อด้วยใบไผ่มัดเป็นสามเหลี่ยม
เป็นเทศกาลที่ระลึกถึงและสรรเสริญยกย่องในความซื่อสัตย์
และความจงรักภักดีของกวีเอกชวีหยวน
เทศกาลแห่งความรัก (ไม่ได้จัดอยู่ใน 8 เทศกาล )
เป็นเทศกาลที่ยกย่องความรักอมตะอันยิ่งใหญ่ของหนุ่มสาว
ที่มีชื่อว่า ..."หนุ่มเลี้ยงควายกับนางฟ้าทอผ้า"
เทศกาลวันสาร์ทจีน
เป็นเทศกาลที่รำลึกถึงมู่เหลียน
ซึ่งเป็นลูกที่มีความกตัญญูรู้คุณบิดามารดาที่อยู่ในเมืองนรก
ให้พ้นทุกข์จากถูกการทรมานอย่างแสนสาหัส
ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า...
มนุษย์เราต้องมีความกตัญญูรู้คุณ...
ต่อบิดามารดาและช่วยเหลือผู้ยากไร้
เทศกาลไหว้พระจันทร์
เรื่องราวของขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์
ก็มีความหมายแสดงถึงพลังประชาชน
ที่สมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จนสามารถโค่นล้มการปกครองของราขวงศ์หยวนได้สำเร็จ
วันไหว้พระจันทร์ยังมีอีกความหมายหนึ่งว่า
สัญญลักษณ์แห่งสิริมงคลและความพร้อมพักตร์
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้............
เป็นเพียงส่วนปลีกย่อยที่ได้นำมาเสนอ
ขอเชิญผู้รอบรู้ได้มาช่วยกัน
เล่าขานความเป็นมาของเทศกาลต่าง ๆ
เทศกาลแรก....
เทศกาลตรุษจีน จะได้นำมาเสนอต่อไป.........ขอขอบคุณ
|
โดย : ประเพณีจีน [ 25/01/2006, 13:59:47 ] |
1
ขอบคุณคับป๋ม |
โดย : ขอชื่นชม [ 25/01/2006, 19:40:52 ] |
2
มีกำลังใจมาก ๆ ครับ
จะเสนอในตอนต่อไป
|
โดย : ประเพณีจีน [ 27/01/2006, 03:35:22 ] |
3
เทศกาลชุนเจี๋ย(ตรุษจีน)
ตามจันทรคติในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย
เป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีน......
โดยชาวจีนเรียกว่า....."ชุนเจี๋ย"
และยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อนะ
แต่คนไทยเราทั่วไปเราเรียกว่า.......ตรุษจีน.........
พิมพ์ไปก็โดนลบ.....เสียเวลาพิมพ์อ่ะ
ผมเสียความรู้สึก ไม่แน่ใจว่า .......ขอโทษนะ
เอางี้แล้วกันนะ
หากท่านจะไม่ลบข้อความนี้ทิ้ง แล้ว.....คืนพรุ่งนี้
หลังจาก 4 ทุ่ม ผมมาพิมพ์ต่อนะ
ท่านลบข้อความนี้ได้นะ แต่ขออย่าลบกระทู้
ตกลงตามนี้นะท่าน
ขอขอบคุณ
|
โดย : ประเพณีจีน [ 27/01/2006, 05:14:45 ] |
4
เทศกาลชุนเจี๋ย(ตรุษจีน)
ตามจันทรคติในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย
เป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีน......
โดยชาวจีนเรียกว่า....."ชุนเจี๋ย"
และยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อนะ
แต่คนไทยเราทั่วไปเราเรียกว่า.......ตรุษจีน.........
ปัจจุบัน การฉลองวันตรุษจีนในประเทศจีน
น้อยนักที่จะมีการไหว้พระไหว้เจ้า
ส่วนใหญ่เป็นการเฉลิมฉลองและการละเล่นต่าง ๆ
ที่มีความรื่นเริงสนุกสนาน เช่น
การจุดประทัด การตัดกระดาษสีแดงและเขียนคำอวยพรต่าง ๆ
แล้วนำมาติดตามประตูบ้านทั้งสองข้าง
ชาวจีนเรียกว่า " ชุนเหลียน" (ชุงเลี้ยง)
การแขวนภาพปีใหม่ที่มีภาพการละเล่นมังกรและเชิดสิงโต เป็นต้น
สถานที่ต่าง ๆ ก็มีการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกครื้น
รื่นเริงสนุกสนานติดต่อกัน 3 วัน
ความเป็นมาของวันตรุษจีนหรือเทศกาลขึ้นปีใหม่ของจีนนั้น
ตามตำนานมีเรื่องเล่าขานกันว่า.....
ในสมัยโบราณมีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า..."ว่านเหนียน"
เขามีความเพียรพยายามค้นคว้าเรื่อง "ดาราศาสตร์"
อยู่มาวันหนึ่ง เขาเห็นน้ำในลำธารที่ไหลจากภูเขาลงมายังที่ต่ำกว่า
ความสงสัยของเขากระตุ้นให้เขามีความสนใจ
คิดค้นเกี่ยวกับเรื่องน้ำในลำธาร
เขาจึงได้ประดิษฐ์กาลักน้ำ 5 ชั้นขึ้นมา 1 กา
เพื่อทดลองให้น้ำในกาหยดอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
ไม่ว่าเวลาของกลางวันหรือกลางคืน จะสั้นหรือจะยาวก็ตาม
น้ำในกาจะหยดหมดกา 1 กานั้น
เขาได้ค้นพบว่า ในเวลา 1 กาที่หยดนี้เทียบได้กับระยะเวลา
ดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนไป 1 รอบตามกาลเวลาทุก ๆ 360 วันเศษ
จากการสังเกตนั้น เขาก็ได้ทดสอบระบบกฏเกณฑ์ของวันและเดือน
พร้อมกับได้คิดคำนวณเป็นปฏิทินจีนตามจันทรคติ
จากนั้นจึงได้นำความมาถวายแด่ฮ่องเต้
ในขณะนั้น เขาก็เข้าวัยชราแล้ว
เขาได้อธิบายต่อฮ่องเต้ว่า......
กาลเวลาฤดูหนาวผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิก็มาแทนที่
ตามกาลเวลา ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแรกของปี
ดังนั้น วันแรกของฤดูใบไม้ผลิก็คือวันขึ้นปีใหม่
หลังจากฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งมาก
มีความปลื้มปิติในความชาญฉลาดของเขา
และได้พระราชทานนามว่า..."ว่านเหนียนลี่"
ซึ่งในไทยเราเรียกว่า "ปฏิทินจีน"
คุณงามความดีของว่านเหนียนนั้น
ก็ได้ถูกบันทึกเป็นแผ่นภาพดวงชีวิต
เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีนหรือฉลองวันเกิดผู้สูงอายุ
ชาวบ้านส่วนใหญ่จะแขวนแผ่นภาพอันลือชื่อของว่านเหนียน
เพื่อเป็นสิริมงคลและระลึกถึงท่าน.....................
ตำนานเรื่องนี้ ถึงแม้เป็นนิยายที่จิตนาการมาก็ตาม
แต่ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า
ชาวบ้านในสมัยโบราณก็มีการค้นคว้าศึกษา
วิชาดาราศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์แล้ว
แท้จริงระบบกฏเกณฑ์ของปฏิทินจีนนั้น
ก็มาจากชาวบ้านในสมัยโบราณค่อย ๆ ทดลองค้นคว้าเป็นเวลานาน
จึงได้สำเร็จมาเป็นปฏิทินจีนที่ทุก ๆ ท่านได้เห็นในปัจจุบัน
...........ยังไม่จบนะครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป ขอตัวพักสมองไปเล่นกี๊ก่อน 555
|
โดย : ประเพณีจีน [ 28/01/2006, 02:25:06 ] |
5
ขอติดตามอย่างต่อเนื่องขอรับ...
|
โดย : หน่อโชย - Դ : 06-8866599 [ 28/01/2006, 20:26:27 ] |
6
การฉลองประเพณีอันเก่าแก่ของเทศกาลตรุษจีนนั้น
เริ่มด้วยก่อนถึงวันเทศกาลตรุษจีนไม่กี่วัน
ทุกบ้านจะต้องจัดการทำความสะอาดบ้านเป็นการใหญ่
เพื่อแสดงถึงการกำจัดของเก่าที่ไม่ดีออกไป
และรอต้อนรับสิ่งของใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามา.........
ในเมืองไทยก็ทำเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อถึงวันที่ 24 (ตามจันทรคติ)
ก็จะต้องส่งเจ้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์ (ไป๊-ซิ๊ง)
ซึ่งเจ้าองค์นี้เป็นเทพเจ้าแห่งเตาไฟ
ที่ประจำตามบ้านช่องเพื่อช่วยดูแลทุกข์สุข
และปกป้องคนในครอบครัวให้อยู่สุขสบาย
เมื่อครบรอบขวบปีของแต่ละปีนั้นก็จะต้องไปรายงานตัว
พร้อมทั้งนำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของชาวบ้าน
ทูลถวายแด่องศ์อี้หวังซั่งตี้ (เง็กเซียนฮ่องเต้)
หลังจากวันที่ 24 ผ่านพ้นไปแล้ว......
ชาวบ้านก็วุ่นวายกับการจัดหาของขวัญปีใหม่และส่งบัตรอวยพร
ชาวจีนชอบที่จะตัด "ชุนเหลียน"
ไทยเรียกว่า "แถบอวยพรปีใหม่" ติดไว้ในบ้าน
ซึ่งชุนเหลียนนี้ จะมีสีแดงเป็นพื้น ตัวหนังสือจะเป็นสีทอง
สีทองย่อมหมายถึงเงินทองไหลมาเทมา
ส่วนสีแดงนั้น ทำไมคนจีนจึงชอบ ??????
โปรดติดตามตอนต่อไป........
ขอตัวไปเล่นกี๊ก่อนนะ 555+
|
โดย : ประเพณีจีน [ 29/01/2006, 23:14:17 ] |
7
หลังจากที่ทำความสะอาดแล้ว
ทุกบ้านจะตระเตรียมของไหว้เจ้าไหว้ฟ้าดิน
ไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วและไหว้วิญญาณที่ไร้ญาติ
ของที่ไหว้นั้นมี ของคาว 3 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง
เหล้า ของหวาน ธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง
เมื่อไหว้บูชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ยินดีปรีดา
ตอนเย็นทุกคนในบ้านก็จะมา
ร่วมชุมนุมรับประทานอาหารมื้อเย็นเพื่อฉลองกัน........
ทางทิศเหนือของจีนมีประเพณีโต้รุ่งเรียกว่า
"เฝ้าปี"(เอ๋าเหนียน) หรือเรียกว่า "กั้วเหนียน"
แท้ที่จริงแล้ว "เฝ้าปี" นั้นมีนิยายที่เล่ากันมาว่า...........
ในสมัยโบราณ มีสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งเรียกว่า "เหนียน"
เป็นสัตว์ที่ดุร้ายมาก พอถึงคืนวันสิ้นปี
สัตว์ประหลาดเหนียนตัวนี้
จะขึ้นจากทะเลมาทำร้ายคน สัตว์และพืชผลต่าง ๆ
มีอยู่ปีหนึ่ง หมู่บ้านทางด้านทิศใต้หมู่บ้านหนึ่ง
ถูกสัตว์ร้ายเหนียนทำลายทั้งหมู่บ้าน
ยกเว้นมีบ้านหนึ่งซึ่งเพิ่งจะแต่งงาน
คู่บ่าวสาวใส่ชุดสีแดง บ้านก็ประดิษฐ์ประดอยด้วยสีแดง
ก็รอดพ้นจากการถูกทำร้ายของสัตว์ประหลาดเหนียนตัวนี้
ในขณะเดียวกัน มีเด็กเล็กอยู่กลุ่มหนึ่งเล่นไม้ไผ่จุดไฟกัน
มีเสียงของปล้องไม้ไผ่ถูกไฟเผาระเบิดดัง "ปัง"
ทำให้สัตว์ร้ายเหนียนกลัวมากแล้วก็หนีไป
ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็รู้ว่า.....
สัตว์ร้ายเหนียนนั้นกลัวสีแดงและเสียงดัง "ปัง"
ดังนั้น เมื่อถึงปีใหม่ของทุกปี
ชาวบ้านจะจัดแต่งบ้านของตนเองให้มีสีแดง
เขียนคำกลอนลงกระดาษสีแดงติดตามฝาผนังและประตูบ้าน
ส่วนชาวบ้านก็จะสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง
จุดโคมไฟสีแดง และก็มีการจุดประทัดเสียงดัง
สัตว์ร้ายเหนียนก็ไม่กล้าโผล่มาอีกเลย
และทุกคนต่างก็มีความสุขในเย็นวันสิ้นปี......
โปรดติดตามในตอนจบนะครับ.....
|
โดย : ประเพณีจีน [ 30/01/2006, 18:08:24 ] |
8
การฉลองโต้รุ่งนั้นเพื่อต้องการ
ให้เราเห็นความสำคัญของกาลเวลาที่กำลังจะผ่านพ้นไป
หลังจากนั้นก็เตรียมต้อนรับวันสิริมงคลขึ้นปีใหม่หรือตรุษจีน
ผู้หลักผู้ใหญ่หรือบิดามารดาก็จะเตรียมเงินใส่ซองแดง
เรียกว่า " หงเปา " ( อั่งเปา )ให้แก่ลูก ๆ หลาน ๆ
เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์....
ในตอนเช้าของวันขึ้นปีใหม่ ก่อนอื่นต้องจุดประทัด
ทำอารมณ์ให้สดชื่น เมื่อพบปะกันก็ทักทายกัน
ด้วยคำอวยพรที่เป็นสิริมงคล เช่น
" สวสัดีปีใหม่ หรือ สุขสันต์ปีใหม่ คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง "
( ซิน-เหนียน-ฟา-ไฉ ว่าน-ซื่อ-หยู-อี้ )
คนจีนแต้จิ๋วในประเทศไทยจะนิยมใช้คำว่า
ซิน-เจีย-หยู่-อี่ ซิน-นี้-ฮวด-ใช้
ตามกฏระเบียบของครอบครัวก็ไม่ต้องเคร่งครัด
ชาวบ้านบางคนก็อยู่บ้านเล่นไพ่
บ้างก็ไปเยี่ยมญาติกราบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่
ตามถนนหนทางก็จะได้เห็นโคมไฟ
และรายการแสดงต่าง ๆ นา ๆ.....
ในสมัยโบราณ ชาวบ้านยังมีข้อห้ามในวันขึ้นปีใหม่ เช่น
เด็กร้องไห้ก็ห้ามดุว่า ไม่ควรพูดสิ่งที่เป็นอัปมงคล
ถ้าทำของแตกก็จะพบกับความไม่ราบรื่นตลอดปี
หาหมอก็จะเจ็บป่วยตลอดปี
ใช้มีดก็จะพบกับการฆ่าฟันกัน
ใช้เข็มก็จะเป็นตากุ้งยิง
ใช้กรรไกรก็จะมีการทะเลาะวิวาทกัน
ถ้ากวาดพิ้นบ้านก็จะกวาดเอาเงินทองไปหมด
กินข้าวต้มเมื่อออกจากบ้านก็จะพบกับฝนตก
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นข้อห้ามที่น่าขันมาก
ปัจจุบัน ชาวจีนที่อยู่ในประเทศจีนหรืออยู่นอกประเทศ
ต่างก็รับและยึดถือวัฒนธรรมส่วนที่ดีสืบทอดต่อ ๆ กันมา
ส่วนสิ่งที่ต้องห้ามนั้นต่างก็เลิกงมงายกันแล้ว............
จากหนังสือ เทศกาลประเพณีจีน โดย พิกุล ศรีสมบูรณานนท์
|
โดย : ประเพณีจีน [ 31/01/2006, 13:13:49 ] |
9
ขอบคุณ สำหรับความรู้ที่ให้ครับ
ขอแสดงความนับถือ |
โดย : หน่อโชย [ 01/02/2006, 01:58:34 ] |
10
ขอขอบคุณท่านหน่อโชย......
ที่ได้ติดตามกระทู้นี้มาโดยตลอด
ผมก็เพียงนำบทความจากหนังสือเล่มหนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง
ผมเองนั้น ก็ได้อ่านกระทู้ของท่านเช่นกัน
ยังอดสงสัยอยู่ไม่ได้ครับว่า...
ข้อความที่มีประโยชน์ ทำไมจึงถูกลบ ???
เข้าใจในความรู้สึกของท่านว่าเป็นอย่างไร ?
ยินดีสนับสนุนให้ท่านได้มีกำลังใจต่อไปครับ
จะคอยติดตามผลงานของท่านนะครับ
อย่าได้ท้อแท้...สู้ ๆ ครับ
|
โดย : ประเพณีจีน [ 03/02/2006, 01:28:58 ] |
13
โคมไฟเล็ก ๆ แต่ก็มาด้วยใจนะครับ
|
โดย : ตรุษจีน [ 08/02/2006, 02:07:38 ] |
14
อลังการ โคมไฟ....จ้ะ
|
โดย : เฮียเฮี้ยง [ 09/02/2006, 00:52:43 ] |
16
Happy Valentine Day ....14 Feb 06 จ้า+++
เรื่องของความรักนั้น.........
มีทั้งสมหวังและผิดหวังนะจ๊ะ ไม่ว่ากัน อิอิ
มีหลายเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟังตั้งแต่ในอดีต อย่างเช่น....
หนังฝรั่งก็ต้อง...โรมิโอ & จูเลียด
หนังไทยก็คงจะเป็น....สะพานรักสารสิน ทำนองนั้น
ซึ่งได้แสดงถึงรักแท้ที่มีต่อกันประมาณนั้น....
ยอมตายเพื่อคนที่เรารัก
นั่นยอมพิสูจน์ได้ว่า....ความรักนั้นทำอะไรได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
จริง ๆ แล้วความรักนั้นไม่สามารถที่จะอธิบายได้อย่างลึกซึ้งหรอก
มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ๆ เลย พูดผิดนิดเดียว โทษถึงประหาร
ผมเพียงแต่อยากจะสื่อความหมายนะครับว่า......
ความรักที่หลายต่อหลายคนพูดกันนั้น(ส่วนใหญ่) ก็คือ..............
การเสียสละและให้อภัยซึ่งกันและกัน
หากใครคิดได้ก็คงจะมีความสุขมาก ๆ นะครับ
อันนี้ก็แล้วแต่.......
ท่านจะเลือกอย่างไร? ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน
ไม่มีใครต่อว่านะครับ เพราะท่านเลือกเองโดยไม่มีใครบังคับ
ใครคิดจะจองเวร...ชีวิตของท่านก็จะไม่เป็นสุข ผมคิดเช่นนั้นนะ
กลับมายังเรื่องของความรักในตำนานจีนกันอีกครั้ง..........
ของคนจีนนั้น ความรักในเรื่องของความยิ่งใหญ่ที่เล่าขานกันมา...
คงจะหนีไม่พ้น....................................
เหลียง-ซาน-ป๋อ-หวี่-จู-อิง-ไถ ...........ม่านประเพณีจีน
เป็นนิยายที่กลั่นกรองออกมาจากใจของคนหนุ่มสาวในสมัยนั้น
ที่โดนขีดขวางกั้นโดยประเพณีจีนในสมัยโบราณ (คลุมถุงชน)
ท่านใดที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว
ก็ช่วยกันเล่าต่อ ๆ กันไปให้ได้รับรู้ว่า
อุปสรรคนั้นมันมาจากผู้ใหญ่ที่เป็นผู้กำหนด โดยขาดความยุติธรรม ไร้เหตุผล
เพื่อเพียงแต่แค่ยึดถือคำพูดที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้เท่านั้น
น่าตลกและน่าขำสิ้นดีจริง ๆ สำหรับคนยุคสมัยโบราณ
ทำไมล่ะ? พูดผิดก็พูดใหม่สิ ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลย จริงมั้ย?
ผมพิมพ์ผิดยังพิมพ์ใหม่ได้เลย ไม่เห็นจะยากตรงไหน??
นี่คือยุคของโลกโลกาภิวัฒน์กันแล้ว ตามให้ทันหน่อยสิ
ส่วนเรื่อง เหลียงซันป๋อ หวี่ จูอิงไถ นั้น
ตอนจบ....ทุกท่านคงได้รับรู้ถึงความเศร้าโศรกที่ผู้ใหญ่ได้กีดกัน
ไม่ว่าหนังไทย หนังเทศ หนังจีน
วัยรุ่นดูแล้วมักจะไปโทษที่ผู้ใหญ่เสมอ ๆ ว่า ไม่เข้าใจวัยรุ่น
เพราะผู้ใหญ่งี่เง่า ไม่ยอมรับโลกสมัยใหม่เอาซะเลย .........
แต่เด็กเอ๋ยเจ้าลืมไปนะว่า.......
ผู้ใหญ่นั้นก็ย่อมมีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น (แต่บางทีก็ถือทิฐิจริง ๆ)
ด้วยเพียงแต่เด็กยังอ่อนประสบการณ์ อ่อนต่อโลกนี้นัก
และเด็กมักไม่คิดการณ์ไกล เอาแต่ใจตนเองเป็นหลัก(แถมดื้อรั้น)
เป็นไงเป็นกัน อย่างมากก็แค่ตายล่ะวะ...เด็กสมัยนี้คิดแบบนี้ล่ะท่าน
แต่ก็มีประโยคได้ยินกันบ่อย ๆ นะ......
เสือ สิง กระทิง แรด มากันพร้อมหน้า
4 สัตว์ประเภทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี
นั่นย่อมส่อความหมายว่า....ผู้ใหญ่นั่นแหละ ที่คิดไม่ดีต่างหาก
ดีนะที่ไม่เอาลูกไก่ ลูกเป็ด ฯลฯ มาต่อท้ายให้เสียหายมากไปกว่านี้
หรือท่านคิดว่าไงล่ะ?
|
โดย : พลังธรรม [ 13/02/2006, 04:32:50 ] |
18
แจมด้วย แจมด้วย
|
โดย : หน่อโชย [ 14/02/2006, 17:03:28 ] |
19
ด้วยคนนะ
|
โดย : tbgA1 [ 15/02/2006, 01:03:25 ] |
20
ร่วมด้วยช่วยกันจ้า
|
โดย : tbgB1 [ 15/02/2006, 01:43:00 ] |
21
จําจ๊ะ!!!!!
|
โดย : tbgC1 [ 15/02/2006, 01:51:53 ] |
22
ขอร่วมแข่งขันด้วยนะ.....
|
โดย : tbgD1 [ 15/02/2006, 01:55:35 ] |
23
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ล่วงหน้านะครับ
โปรดติดตามรายละเอียดในตอนต่อไป...
ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วของเยาวชนทั้งหลาย
อย่าได้กังวลนะ
ทีมงาน ฯ จะจัดแข่งหลังจากทุกท่านสอบเสร๊จแล้ว
ขอให้เพื่อน ๆ ทุกท่านสอบได้เกรด 4 นะจ๊ะ เอาใจช่วยเน้อ..อิอิ
และขออย่าได้เข้าใจผิดนะครับว่า
การแข่งขัน tbg Friendship Game CCOnline ครั้งที่ 2 นั้น
ไม่ใช่จัดแข่งเพื่อใครโดยเฉพาะเจาะจง
ทุกท่านสามารถร่วมแข่งขันกันได้นะครับ
รางวัลก็ไม่มี ชื่อเสียงก็ไม่ปรากฏเพราะไม่ใช้ชื่อจริงในการแข่งขัน
และชื่อของการแข่งขันก็บอกอยู่แล้วว่า..
Friendship Game เป็นเกมส์แห่งความเป็นเพื่อนซึ่งกันและกัน
ใครอยากใช้โปรแกรมก็ใช้ไม่ว่ากัน ถูกต้องนะครับ
เพียงแต่คนที่ใช้โปรแกรมเล่นคงโดนด่าบ้างในใจ ก็เท่านั้นแหละครับ
ทีมงานฯนั้น ไม่มีผู้สนับสนุน จึงไม่มีรางวัล
มีแต่มาช่วยคนที่ไม่มีโอกาสเล่นกับท่านเก่ง ๆ เพื่อหาประสบการณ์
จึงขอประกาศให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบเท่านี้แหละครับ ขอขอบคุณ
|
โดย : TBG000 [ 15/02/2006, 02:24:59 ] |
24
ผมสอบเสร็จวันที่ 4 มีนา ครับ |
โดย : chemtec [ 19/02/2006, 22:46:18 ] |
25
เทศกาลที่ 3
เทศกาลวันงดใช้ไฟ และเทศกาลเช็งเม้ง
เทศกาลวันเช็งเม้งเป็นวันก่อนหรือหลังจันทรคติวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 4
เนื่องจากพอถึงวันสำคัญนี้ ท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง
อากาศก็เริ่มอบอุ่นขึ้น ฉะนั้นจึงเรียกวันนี้ว่า เช็งเม้ง
คำว่า เช็งเม้ง เป็นภาษาแต้จิ๋ว หมายถึง ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
(ในภาษาจีนกลางอ่านว่า ชิง-หมิง)
ก่อนวันเช็งเม้งสักวันสองวัน ก็มีเทศกาลวันงดใช้ไฟ
ตามตำนานเล่าขานกันมาว่า.....
ในสมัยชุนซิวจั้นกั๊วะนั้น ภายในวังของเมืองจิ้นเกิดความวุ่นวาย
เจ้าฟ้าฉงเอ่อได้หนีภัยออกจากวังพร้อมด้วยอำมาตย์ผู้ซื่อสัตย์
มีนามว่า... เจี้ย-จื่อ-ทุย
ทั้ง 2 นั้นได้ระหกระเหิรพเนจรเร่ร่อนอยู่ข้างนอกนานนับปี
มีความลำบากยากแค้นจนสุดที่จะพรรณาได้
หนึ่งในช่วงเวลานั้นของการเดินทางที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง
ระหว่างทางเกิดขัดสนอดอยากเรื่องอาหารการกิน
เมื่อไม่มีปัญญาและหมดหนทางที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
และแล้ว...
ในที่สุด...เจี้ย-จื่อ-ทุย ก็ได้ตัดชิ้นเนื้อที่สะโพกของตนเอง
สละให้เจ้าฟ้าฉงเอ่อเสวยเพื่อประทังความหิวโหย
และได้ช่วยให้เจ้าฟ้าฉงเอ่อรอดชีวิตอยู่ต่อไป......(จบตอนที่ 1 )
|
โดย : ประเพณีจีน [ 30/03/2006, 13:10:10 ] |
27
ขอขอบคุณท่าน WALEE ที่ได้ให้กำลังใจนะครับ.....
ตอนที่ 2......
เมื่อเจ้าฟ้าฉงเอ่อได้มีโอกาสกลับเข้าวังอีกครั้ง
ก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นเจ้าเมืองชื่อว่า " จิ้น-หวุน-กง "
และได้ปูนบำเหน็จพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ให้แก่ขุนนางข้าราชการที่ทำความดีความชอบ
แต่ก็ลืม เจี้ย-จื่อ-ทุย อำมาตย์ผู้ซื่อสัตย์เสียสนิท................
เจี้ย-จื่อ-ทุย ได้เห็นความอกตัญญูไม่รู้บุญคุณคนของจิ้น-หวุน-กง
ก็มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
จึงได้พามารดาและเนรเทศตนเองออกจากเมือง
ไปอาศัยอยู่บนเขาเหมียนซาน (ปัจจุบันคือ มณฑลซานซี)
ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากจนข้นแค้นตามยถากรรม
ระยะหลังมีอำมาตย์ซื่อสัตย์บางคนพยายามกระตุ้นเตือน
จิ้น-หวุน-กง ให้นึกถึงความดีความชอบของเจี้ย-จื่อ-ทุย
จิ้น-หวุน-กงเมื่อหวลนึกถึงความหลังก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
จึงได้สั่งให้บริวารไปสืบตามหาเจี้ย-จื่อ-ทุย
แต่ครั้นเมื่อตามพบตัวเจี้ย-จื่อ-ทุยแล้ว
เจี้ย-จื่อ-ทุยก็ไม่ยอมลงจากเขากลับมารับใช้ราชการอีก
จิ้น-หวุน-กงจึงคิดหาหนทางที่จะให้เจี้ย-จื่อ-ทุยแม่ลูกลงจากเขา
หลายต่อหลายหนทางไม่ประสบความสำเร็จ
จึงใช้วิธีจุดไฟเผาภูเขาเหมียนซาน เพื่อบีบบังคับให้ลงมา
แต่ปรากฏว่า เจี้ย-จื่อ-ทุยกับมารดาของเขาตัดสินใจ
ยอมตายอยู่ในกองไฟใต้ต้นหลิวต้นหนึ่งบนภูเขาเหมียนซาน.....
(จบตอนที่ 2 )
|
โดย : ประเพณีจีน [ 04/04/2006, 23:52:22 ] |
28
หลังจากที่ได้สั่งการลงไปแล้ว และมาทราบภายหลัง.....
ไม่คิดว่า เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้
จิ้น-หวุน-กงจึงรู้สึกเศร้าโศรกเสียใจรันทดเป็นที่สุด
ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงเจี้ย-จื่อ-ทุย ผู้ล่วงลับไปแล้ว
จึงได้เปลี่ยนชื่อภูเขา จากเหมียนซาน มาเป็น "เจี้ย-ซาน"
ตามชื่อสกุลของ...เจี้ย-จื่อ-ทุย
(คำว่า ซาน เป็นภาษาจีนกลางแปลว่า ภูเขา)
อีกทั้งประกาศห้ามใช้ไฟในวันนี้ของทุก ๆ ปีต่อไป
จึงเรียกวันนี้ว่า " วันงดใช้ไฟ "
พร้อมทั้งนำเนื้อไม้ของต้นหลิวมาทำเป็นเกี๊ยะ (รองเท้า)
ซึ่งเมื่อไหร่ที่จิ้น-หวุน-กงคิดถึงเจี้ย-จื่อ-ทุย
จิ้น-หวุน-กงก็จะสวมใส่เกี๊ยะและจะพูดว่า..."ใต้เท้า"
ฉะนั้น คำว่า " ใต้เท้า " ก็มีความหมายกลายเป็นคำยกย่อง
ซึ่งย่อมหมายถึงจิ้น-หวุน-กงยกย่องเคารพนับถือเจี้ย-จื่อ-ทุย
นับจากนั้นเป็นต้นมา เมื่อถึงวันงดใช้ไฟ
ทุกบ้านช่องจะแขวนกิ่งไม้หลิวเป็นสัญญลักษณ์
และก็เตรียมอาหารการกินไปเซ่นไหว้ที่สุสานเจี้ย-จื่อ-ทุย
เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของเจี้ย-จื่อ-ทุย
และเผอิญในวันนี้ก็ใกล้กับ "เทศกาลวันเช็งเม้ง"พอดี
(โปรดติดตามในตอนจบนะครับ ขอบคุณ)
|
โดย : ประเพณีจีน [ 05/04/2006, 02:05:48 ] |
29
ในสมัยโบราณเทศกาลวันเช็งเม้งก็มีการห้ามใช้ไฟเช่นกัน
และในวันเช็งเม้งก็จะไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันที่สุสาน
บ้างก็ท่องเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพร ปลูกต้นหลิว เป็นต้น
นาน ๆ เข้า "เทศกาลวันงดใช้ไฟ" กับ "เทศกาลวันเช็งเม้ง"
ก็ไม่มีอะไรที่จะแตกต่างกันเลย ดังนั้น ชาวบ้านก็เลยถือเอา
วันงดใช้ไฟกับวันเช็งเม้งเป็นเทศกาลเดียวกันเรียกว่า
"เทศกาลวันเช็งเม้ง" หรือ "เทศกาลวันปลูกต้นไม้"
...............................................................................
ปัจจุบันเทศกาลวันเช็งเม้งในประเทศจีนและชาวจีนทั่วโลก
จะถือเอาวันที่ 5 เดือน 4 (ตามปฏิทินสากล)เป็นวันเช็งเม้ง
ชาวบ้านต่างก็พร้อมใจกันมาเคารพเซ่นไหว้สุสานวีรชน
และสุสานบรรพชน เป็นการระลึกถึงวีรบุรุษและ
บรรพบุรุษของตนเอง เพื่อเป็นการไว้อาลัย
ชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทย
ก็ทำตามธรรมเนียมของจีนในสมัยโบราณ
วันเช็งเม้งของทุกปีก็ต้องไปเซ่นไหว้ที่สุสานบรรพบุรุษ
เมื่อมาถึงสุสานบรรพบุรุษ
ก่อนอื่นจะต้องปัดกวาดถอนหญ้าที่รกออกจนหมด
ทำความสะอาดสุสานให้เรียบร้อย
คนจีนในเมืองจีนจึงเรียกว่า เส่า - มู่
เส่า แปลว่า ปัดกวาด มู่ หมายถึง สุสาน
หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว จึงจัดทำการเซ่นไหว้
ของที่เซ่นไหว้นั้นมีของคาว 3 อย่าง ผลไม้ 5 อย่างให้กับบรรพบุรุษ
และจัดอีก 1 ชุดเพื่อเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง
ลูกหลานที่อยู่ห่างไกลก็พากันทำเพิง(เต๊นท์)ที่หน้าสุสาน
เมื่อเสร็จจากการเซ่นไหว้แล้ว
ก็จะร่วมรับประทานอาหารหรือสิ่งของที่เซ่นไหว้หน้าสุสาน
เพื่อแสดงถึงความเคารพนับถือ
ระลึกถึงคุณงามความดีของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว........(จบบริบูรณ์)
...............................................................................
เทศกาลที่ 4 วันไหว้บะจ่าง
จะได้นำมาเสนอเมื่อถึงวันเทศกาล
ขอขอบคุณทุกท่านที่จะถ่ายทอดให้บุตรหลานได้รับฟังกัน
ขอบคุณมากครับ
|
โดย : ประเพณีจีน [ 05/04/2006, 14:47:35 ] |
31
เพื่อให้ท่าน WALEE และเพื่อน ๆ ที่สนใจ
อยากรับรู้ความเป็นมาของประเพณีจีนทั้ง 8 เทศกาล
และเพื่อไม่ต้องอ่านจนตาลาย ผมจะค่อย ๆ พิมพ์เป็นตอน ๆ
ไม่ยาวจนเกินไป และนำเสนอให้ได้อ่านเป็นระยะ ๆ
ทั้งนี้ผมขอพิมพ์แบบบรรทัดเว้นบรรทัดด้วยนะ
และเช่นเคยนะครับ เพื่อน ๆ ท่านใดที่ได้อ่านตำราเล่มอื่น
มาช่วยเสริมเติมแต่ง ให้ได้รับความรู้มากขึ้น
ก็จักขอขอบพระคุณมาก ๆ
พวกเราลูกหลานคนจีนกันทั้งนั้น
ช่วยนำสิ่งที่ดี ๆ มาเผยแผ่ให้ลูก ๆ หลาน ๆของพวกเรา
ได้รับรู้ว่าประเพณีจีนต่าง ๆ นั้น
บรรพบุรุษของเราได้เล่าสู่กันฟังมากว่า 5,000 ปี
จริงบ้าง เท็จบ้าง เป็นสิ่งที่รุ่นลูกรุ่นหลานจะวิเคราะห์กันเอาเอง
แต่ความเชื่อในสมัยโบราณนั้น
เป็นสิ่งที่พิสูจน์กันยากลำบากในปัจจุบัน
และคงจะเคยได้ยินคำพูดนะครับที่ว่า....
ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่....
เทศกาลที่ 4.....................
เทศกาลวันแห่งกวีหรือเทศกาลบะจ่าง
ตามจันทรคติจีน ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5
เป็นเทศกาล " ตวน-อู่-เจี๋ย " หรือเรียกว่า เทศกาลบะจ่าง
คำว่า " บะจ่าง " นั้น เป็นทับศัพท์
(หนังสือมิได้บ่งบอกว่าเป็นภาษาจีนใดกันแน่ ...แต้จิ๋ว กวางตุ้ง..ฯลฯ)
คำว่า " บะจ่าง " นั้นหมายถึง อาหารจีนชนิดหนึ่ง
ซึ่งประกอบด้วย ข้าวเหนียวใส่หมูกับถั่วหรือเม็ดบัว
ผัดแล้วห่อด้วยใบไผ่มัดเป็นสามเหลี่ยม
หรือเทศกาลนี้อีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า เทศกาลแห่งกวี
ตามตำนานเล่าขานกันว่า...........
|
โดย : ประเพณีจีน [ 16/05/2006, 04:33:57 ] |
32
ตามตำนานเล่าขานกันว่า................
ตวนอู่เจี๋ย duan wu jie เป็นการระลึกและอาลัยถึง "ชวีหยวน"
ที่เกิดขึ้นในสมัยโบราณนานกว่าสองพันปีมาแล้ว
สมัยนั้นเกิดสงครามทั่วทุกแห่งในประเทศจีน
เมืองฉู่มีข้าราชการขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งมีนามว่า "ชวีหยวน"
ซึ่งท่านเป็นกวีเอกผู้รักชาติและมีอุดมการณ์อันแรงกล้า
ทำเพื่อชาติและประชาชน ได้รับใช้เมืองฉู่มาด้วยความจงรักภักดี
ท่านมีความเห็นที่จะยึดมั่นสร้างสัมพันธไมตรีกับเมืองฉี
ต่อต้านเมืองฉิน เพื่อหยุดยั้งการแผ่ขยายอำนาจของเมืองฉิน
โดยพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เมืองฉู่มีความมั่งคั่ง
แต่เพราะว่าไปขัดผลประโยชน์ที่ได้มาโดยมิชอบ
ของขุนนางกังฉินทรยศขายชาติบ้านเมืองบางคน
ทำให้ขุนนางเหล่านั้นแค้นเคืองมาก
จึงเพ็ดทูลใส่ร้ายป้ายสี "ชวีหยวน" ต่อหน้าเจ้าเมืองฉู่ในสมัยนั้น
ฉะนั้น "ชวีหยวน" จึงถูกเนรเทศออกจากเมืองฉู่ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
จนกระทั่งล่วงเลยเวลามาถึงสมัยฉู่เซียนอ๋อง
"ชวีหยวน" ก็ชราภาพแล้วด้วยอายุราว 60 ปีเศษ
ท่าน "ชวีหยวน" เห็นความอ่อนแอของฉู่เซียนอ๋อง รู้สึกรันทดยิ่งนัก
ส่วนขุนนางผู้ใหญ่ทั้งหลายกลับทรยศต่อชาติบ้านเมืองหนักกว่าเดิม
ประชาชนมีความยากเข็ญ ลำบากยากแค้นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ประเทศกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า......
ท่าน "ชวีหยวน" ก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดที่จะพรรณา
สุดท้ายท่าน"ชวีหยวน" จึงได้ตัดสินใจโดดลงแม่น้ำ "มี่หลัวเจียง"
เพื่ออำลาชีวิตของตัวเอง ณ บัดดล......................
|
โดย : ประเพณีจีน [ 18/05/2006, 00:52:17 ] |
34
ตอนจบของเทศกาลวันแห่งกวีหรือเทศกาลบะจ่าง......
******************************************************
การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของท่านกวี "ชวีหยวน" นั้น
ได้แพร่ข่าวกระจายไปยังประชาชนปากต่อปากอย่างรวดเร็ว
ทำให้ประชาชนเมื่อได้รับฟังข่าวแล้ว
ต่างก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในการสูญเสียกวีผู้รักชาติ
ที่ได้สะสมสร้างความดีมาแต่ในอดีต
ดังนั้น จึงได้ร่วมมือร่วมใจกันห่อบะจ่างไปที่แม่น้ำ มี่หลัวเจียง
เซ่นไหว้ท่าน "ชวีหยวน" เพื่อเป็นการสักการะ
และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อจุดประสงค์ให้สัตว์ใต้แม่น้ำฯ ทั้งหลายนั้น
ได้กินบะจ่างแทนเนื้อหนังของท่าน "ชวีหยวน"
ขณะเดียวกัน ก็ได้พยายามช่วยกันค้นหาศพของท่าน "ชวีหยวน"
เพื่อนำกลับมากราบไหว้บูชาและเซ่นไหว้วิญญาณตามประเพณี
แต่จนแล้วจนเล่า......ก็ไร้ร่องรอยด้วยความกว้างใหญ่ของแม่น้ำนั้น
ผ่านไปหลายวันหลายคืน
ก็ไม่สามารถค้นหาศพท่าน "ชวีหยวน" ได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านจึงได้ตัดใจที่จะค้นหาอีก.........
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา....
|
โดย : ประเพณีจีน [ 24/05/2006, 01:14:19 ] |
35
ตำนานน่ารู้แห่งเทศกาล "บ๊ะจ่าง"
ทุกคนคงเคยได้ลองลิ้มความอร่อยของ สุดยอดอาหารแห่งแดน
มังกรที่เรียกว่า บ๊ะจ่าง กันมาแล้ว แต่รู้หรือยังว่าเรื่องราวของบ๊ะ
จ่างแสนอร่อยนี่มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง จัสซันเดย์เลยไปพลิก
ประวัติศาสตร์ค้นคว้าเรื่องราวตำนานของเทศกาลนี้มาให้ได้อ่านกัน
เทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลของชาวจีนที่จะเกิดขึ้นทุกๆ วันที่ 5
เดือน 5 ตามปฏิทินจีน เทศกาลบ๊ะจ่างเป็น 1 ใน 3 เทศกาลสำคัญ
ของชาวจีน ซึ่งก็คือตรุษจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ และเทศกาลบ๊ะ
จ่าง ซึ่งชาวจีนทั้งแผ่นดินใหญ่แล้วชาวจีนในประเทศต่างๆ ต่างให้
ความสำคัญเป็นอย่างมาก เทศกาลบ๊ะจ่างเป็นตำนานที่เป็นเรื่องราว
ของกวีหนุ่มผู้มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติและจักรพรรดิ์แห่ง
เมืองซ้ง เป็นอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งกวีหนุ่มผู้ซื่สัตย์คนนี้ได้ทูลกล่าวความ
สำคัญซึ่งตนคิดว่าเป็นประโยชน์ ต่อองค์จักรพรรดิ์ และบ้านเมืองเป็น
อย่างมาก แต่ทว่าองค์จักรพรรดิ์กลับไม่เห็นด้วยซึ่งความหวังดี
ของกวีหนุ่ม ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และกวีหนุ่มรู้สึกเสียใจเป็น
อย่างยิ่ง ก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ จึงตัดสินใจกระโดดสะพาน
ข้ามแม่น้ำเพื่อปลิดชีวิตตนเอง เหตุการณืครั้งนี้ประชาชนผู้เลื่อนใส
ศรัทธาในตัวกวีหนุ่มรู้เรื่อง และต่างก็หวาดกลัวว่าร่างอันไร้วิญญาณ
ของกวีหนุ่ม ที่อยู่ในลำธารจะถูกสัตว์น้ำน้อยใหญ่ตอดกิน และไม่
สามารถนำร่างมาบำเพ็ญกุศลได้จึงช่วยกัน นำข้าวและเห็ดหอมรวม
ถึงเครื่องปรุงต่างๆ มารวมกันแล้วห่อด้วยใบไม้ จากนั้นก็โยนห่อดัง
กล่าวลงในแม่น้ำเพื่อให้สัตว์น้ำกินแทนที่จะกินร่างของกวีหนุ่ม และ
ตามด้วยการเทเหล้าลงแม่น้ำด้วยเชื่อว่าจะทำให้สัตว์น้ำเมาและไม่มา
ตอดกินร่างของกวีหนุ่ม หลังจากนั้นพวกเค้าจะได้ช่วยกันนำศพ
ของกวีที่พวกเขาศรัทธามาบำเพ็ญกุศลต่อไป
หลังจากนั้น เพื่อเป็นการลำลึกถึงกวีหนุ่มที่พวกเค้าบูชา จึงมีการ
ห่อข้าว เห็ดหอมที่รวมกับเครื่องปรุงต่างๆ และโยนลงแม่น้ำ ตาม
ด้วยเหล้า ทุกปีและเรียกห่อข้าวนั้นว่า บ๊ะจ่าง และเป็นการกระทำที่
สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
บ๊ะจ่าง
ส่วนผสมไส้
เนื้อหมูล้างสะอาด หั่นเล็กยาว 1 นิ้ว 1 1/ 2 ถ.
หน่อไม้ไผ่ตงต้มสุกหั่น 1 1/ 2 ถ.
กุ้งแห้งดีล้างน้ำ 1 / 2 ถ.
พริกไทยป่น 1 1 / 2 ชช.
กระเทียม โขลกละเอียด 2 ชต.
ซีอิ้วขาว 1 ชต.
ซอสแม็กกี้ 1 ชต.
ซีอิ้วหวาน 1 ชต.
น้ำตาลทราย 1 / 4 ถ.
น้ำมันพืช
ไข่เค็มดิบ ( ไข่แดง )
วิธีทำ
ผัดกระเทียมพอเหลือง ใส่เนื้อหมูลงผัดพอสุก ใส่หน่อไม้ กุ้งแห้ง
และเครื่องปรุงอื่น ๆ ผัด จนแห้งดี พักไว้ให้เย็น
ส่วนผสมแป้ง
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู แช่น้ำ 1 คืน 1 / 2 กก.
กะทิ 2 1 / 2 ถ.
ใบไผ่ขนาดใหญ่ ตัดปลายออก แช่น้ำให้นุ่ม
วิธีทำ
ผสมข้าวเหนียวกับกะทิ ใส่กระทะ ตั้งไฟกวนพอข้าวเป็นไตสีขาว พัก
ไว้ให้เย็น
วิธีห่อ
ซ้อนใบไผ่ 2 ใบ ทำเป็นกรวยลึก ใส่ข้าวเหนียวพอควร ใส่ไส้และไข่
เค็มวางตรงกลาง ตัก ข้าวเหนียวใส่ปิดให้มิด ห่อปิดเป็นรูปสาม
เหลี่ยม มัดด้วยเชือกกล้วย นึ่งให้สุก
|
โดย : หน่อโชย [ 25/05/2006, 23:02:58 ] |
36
ขอบคุณท่านหน่อโชย ที่มาช่วยสรุปนะ
ของผมจะมาเล่าตอนจบทีหลัง
ผมพิมพ์เสร็จ.....เนตตัดพอดีเลย.......เซ็งตัวเองอ่ะคับ
|
โดย : ประเพณีจีน [ 30/05/2006, 02:28:18 ] |
38
ต้องกล่าวคำว่า .....ขอโทษจริง ๆ นะครับ
คือ หนังสือประเพณีจีนที่ผมนำมาเสนอนั้น
ได้หายไปในช่วงขณะที่ผมย้ายบ้าน
จึงไม่สามารถนำมาเสนอให้เพื่อน ๆ ที่สนใจได้อ่านกัน
หากหาเจอแล้วจะนำมาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ทีหลังนะครับ
ขอขอบคุณคับผม
จากใจสู่ใจที่ไม่เคยลืมเลือน
|
โดย : ประเพณีจีน [ 30/07/2006, 01:32:21 ] |
|
|
|
E-mail: webmaster@thaibg.com |
Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved |
|
|
|
|