|
|
[ กลับหน้าหลัก ]
มีหมากรุกไทยใน ซีเกมส์ 2ปีข้างหน้า ?
จริงหรือป่าวครับ ที่ว่าจะมีหมากรุกไทยในซีเกมส์ปีหน้า |
โดย : ผู้สนใจ [ 08/12/2005, 15:52:37 ] |
1
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะก่อนที่จะบรรจุเป็นกีฬาซีเกมส์ได้
เค้าจะต้องมีการสาธิตให้กับเพื่อนสาชิกชาติอื่นด้วยว่าจะยอมรับกันไหม
รู้มาว่าจะต้องลงคะแนนเสียงกันด้วย ไม่ใช่ว่าประเทศใดเป็นเจ้าภาพ
แล้วจะเอากีฬาพื้นบ้านตัวเองไปบรรจุได้ |
โดย : บัวสาย [ 08/12/2005, 15:58:49 ] |
2
ถ้ามีก็ทุเรศสุดๆ
ในกีฬาแห่งชาติมีหรือยัง?
หากไทยจัดมีหมากรุกไทย
พม่าจัดก็คงใส่หมากรุกพม่า
เขมรจัดก็คงใส่หมากรุกเขมร
เปรอะกันหมดแน่ |
โดย : คนในวัด [ 08/12/2005, 16:11:16 ] |
4
เขมร ลาว มีหมากรุกเหมือนไทยครับ ส่วนพม่าน่าจะคล้ายกัน
พอแข่งได้น่า
ไม่ควรถือกีฬาแห่งชาติเป็นเกณฑ์ครับ เพราะเค้าจะรอให้เป็นกีฬาสากลก่อนถึงจะอยากจัดแข่งในกีฬาแห่งชาติให้
ฮ่วยๆๆ |
โดย : กิ้ม [ 08/12/2005, 21:52:42 ] |
5
เขมรมีหมากรุกที่เดินเหมือนหมากรุกไทยทุกอย่าง (และเชื่อกันว่ามีมาก่อนไทยครับ)
ส่วนพม่าตัวหมากรุกเดินเหมือนกัน ต่างกันที่ตำแหน่งตอนเริ่มเกมครับ
หากมีในซีเกมส์คงไม่อาจใช้ชื่อหมากรุกไทยได้ ตอนนี้ปัญหาใหญ่
คงไม่ใช่การ
ยอมรับจากชาติในภูมิภาคนี้ แต่เป็นการยอมรับของโอลิมปิคไทย
ผมคิดว่า
ถ้าไม่จัดชิงแบบใส่จำนวนเหรียญไปเยอะ ก็น่าจะถือเป็นการประชา
สัมพันธ์หมากกระดาน
อีกชนิดหนึ่ง และเพื่อหาจุดมุ่งหมายใหม่ให้กับนักหมากรุกไทย
และบังเป็นการ
ส่งเสริมให้คนไทยกันเองรู้จักหมากรุกไทยกันมากขึ้นด้วยครับ
ตอนนี้สิ่งหนึ่งที่
ผมอยากทำมากสุดคือการเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่อหมากรุก
ในซีเกมลงใน
เว็ปสาธารณะต่างๆ เผื่อจะลดความรู้สึกแบบความคิดเห็นที่ 2
ลงได้ หรือหากผู้ใด
มีความสามารถก็ช่วยด้วยแล้วกัน ผมนั่งคิดมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่
ฟิลิบปินส์ แต่อย่าง
ที่บอกปัญหาใหญ่คือการให้โอลิมปิคไทยเห็นด้วยครับ และที่ผมคิดก็คือความรู้สึก
แบบความเห็นที่ สองนะครับ ต้องมีมากแน่ๆ(โอลิมปิคไทยก็คงต้องกังวลเรื่องนี้
นอกเหนือจากเรื่องงบประมาณ) หากเราจัดชิงไม่กี่เหรียญเพื่อแสดงถึงเจต
จำนงค์ต้องการเผยแพร่ หมากชนิดหนึ่งที่เล่นในภูมิภาคนี้ น่าจะลดความรู้สึกนี้ลงได้
หากหมากรุกมีในซีเกมครั้งหน้าได้ ก็คงช่วยกระตุ้นวงการหมากรุก
ในย่านนี้และทำให้
โอลิมปิคของแต่ละชาติยอมรับหมากรุกมากขึ้น
|
โดย : ขุนสันต์ [ 09/12/2005, 06:21:37 ] |
6
หากยัดหมากรุกไทยใส่ในซีเกมส์
เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ
ไม่น้อยกว่าไหว้ครูมวยไทยในอินดอร์เกมส์เลย |
โดย : อนาถ [ 09/12/2005, 06:43:03 ] |
7
ครับ เท่าที่ผมฟังมา มีมากกว่า 6 ชาติ น่ะครับที่โหวตให้กับหมากรุกไทย จะมีการบรรจุกีฬาอะไรเข้าไป
ต้องมีชาติสมาชิกเห็นพ้องด้วย
อย่างน้อย 4 ชาติ ที่เขาโหวตกันนี่เพราะเห็นว่า หมากรุกสากลเขาได้เหรียญทอง
หมากรุกไทยน่าจะง่ายกว่าและเป็นหมากรุกที่มีความใกล้เคียงหมากรุกสากลมากที่สุด ไม่เหมือนหมากรุกจีน หรือ
โชกิ หรือ โกะ เหรียญทองอยู่ในมือนักกีฬาของเขาแน่นอน เขาก็ส่งคนที่เล่นหมากรุกสากลนี่แหละครับ
ลงแข่งหมากรุกไทย ทางฟิลิปปินส์
เวียดนาม สิงคโปร์ เขาก็หมายมั้นปั้นมือไว้แล้ว และยังมองการณ์ไกลไปถึงจัดชิงแชมป์โลก เพราะหมากรุกสากล
ก็รู้รู้กันอยู่ว่า สู้พวกยุโรปกับอเมริกาไม่ได้
ปัญหาผมคิดว่าไม่ได้อยู่ที่โฮลิมปิคไทยหรอกครับแต่ปัญหา ก็คือ สมาคมหมากรุกไทย
ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นเลยครับ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า เพราะอะไร แต่ก็เอาใจช่วยคุณขุนสันต์ น่ะครับ
เรื่องชื่อนี่ ผมเสนอว่าให้ใช้ชื่อว่า Asean Chess ครับ ถ้าจะให้ผมเขียนบทความอะไรช่วย ก็เมล์
มาหาผมได้ครับ คุณขุนสันต์ |
โดย : +ยอดขุนโจร - [ 09/12/2005, 09:33:59 ] |
8
ปีดข่าวให้ดี อย่าให้ CEO ของ ....รู้นะ
เดี๋ยวโดนสกัดอีก.......
ขำกันไหมเนี่ย |
โดย : คนชอบขำ [ 09/12/2005, 10:20:47 ] |
9
ยอดขุนโจร อ่านเกมขาดเลยครับ
นับถือ นับถือ
แต่เท่าที่ผมทราบมา คนส่วนใหญ่จะรู้จักเราในนาม Makruk นะครับ
แต่ชื่อ Asean Chess นี่ก็ ฟังดูดีมากๆเลยนะ
ว่าแต่ ตะกร้อนี่ เขาใช้ชื่อว่าอะไรในซีเกมส์นะครับ
พอจะนำมาเทียบเคียงกันได้บ้างไหม
ส่วนคุณคนชอบขำ นั้น เป็นตลก แบบไม่สร้างสรรค์เลย
นำความเท็จ มาพูด เพื่อสร้างความร้าวฉานเปล่าๆ
ถ้าคนที่มีความคิดก็จะรู้ว่าว่า
ทำไมหมากรุกไทยถึงไม่มีการจัดแข่งขัน
ผมว่าน่าจะมาจากไม่มีคนทำ แม้แต่ สมาคมหมากรุกไทย ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นเลย
ขนาด Chess และหมากรุกจีน ยังมีสมาคม มีคนคอยดำเนินงานเลย
เมื่อไม่มีเจ้าภาพ ก็ไม่มีคนทำงาน ก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นใครอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ทำ
บางทีก็มีการแข่งขัน บางทีก็ไม่มี
|
โดย : ซึซึอิ [ 09/12/2005, 11:45:38 ] |
10
ความเห็นแบบ 2 กับ 6 คงต้องมีอยู่ในใจคนทั่วไปแน่ๆเลย
แต่ผมก็จะเป็นคนหนึ่งละ ที่อยากให้ หมากรุกไทย เข้าไปในซีเกมส์
และเห็นว่าเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ ที่มีหมากรุกไทย ในซีเกมส์ด้วย
แต่ผมไม่ได้คิดจะมุ่งนำหมากรุกไทยเข้าไปเพราะหวังจะได้เหรียญ
แต่เพราะอยากให้ได้มีการเผยแพร่ หมากกระดานต่างๆ ออกไปให้คนได้รู้จักกันให้มาก
อยากส่งเสริมให้คนเล่นหมากกระดานกันมากๆ ครับ
|
โดย : ซึซึอิ [ 09/12/2005, 11:51:11 ] |
11
ให้ประเทศไทยส่งหมากรุกสากลก่อนเถอะ แค่หมากรุกสากลยังไม่ส่งเลย
ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหมากกระดานเลยแล้วจะเอาหมากรุกไทยเข้าซีเกมส์หรอขำอ่ะ |
โดย : ไกลปืนเที่ยง [ 09/12/2005, 19:46:20 ] |
12
หมากรุกสากลสู้ไม่ได้ ก็ไม่ส่ง
จัดเองยัดหมากรุกไทยเข้าเลยดีกว่า ของตายดี
น่าอายมากกว่าที่จะคิดเป็นอย่างอื่น อย่าไปหาเหตุอย่างอื่นประกอบเพื่อความชอบธรรมหรือคิดว่าเข้าท่าเลย
ประเทศนี้ส่งเสริมกีฬาหมากรุกนักหรือ ???????????
การส่งเสริมกีฬาต้องมาจากเนื้อใน
ไม่ใช่เริ่มจากการแข่งขันระหว่างประเทศ
พอเจ้าภาพเปลี่ยนประเภทหมากรุกที่จัดแข่งก็เปลี่ยนเป็นของชาตินั้น
อะไรกันนี่
คิดอะไรกันนี่
ทำอะไรกันนี่
ความเป็นชาตินิยมก็มีอยู่กันในทุกประเทศ มากบ้างน้อยบ้าง
ก็ควรส่งเสริมให้ถูกทางในจังหวะที่เหมาะสม
ไม่เช่นนั้นต่อไปก็คงมีแข่งแต่งกลอนแปด รำไทย รำกระบี่กระบอง ฯลฯ หากไทยเป็นเจ้าภาพครั้งต่อๆ ไป
และคุณค่าของกีฬาแห่งภูมิภาคนี้คงเสื่อมโทรมกระทั่งสิ้นสูญ
|
โดย : หมากรุกไทยแท้ [ 09/12/2005, 20:24:27 ] |
13
เรื่องบางเรื่องถ้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง พูดมากไปก็มีแต่เสียส่วนรวม
เงียบดีกว่าครับ |
โดย : ขอเตอะ [ 09/12/2005, 20:46:43 ] |
14
แล้วไม่มีหมากเก็บ หมากหนีบเหรอ |
โดย : หมากไทยๆ [ 09/12/2005, 21:21:58 ] |
15
ผมไม่เคยมีอกุศลจิต อย่างที่คุณหมากรุกไทยแท้ คิดไปเองหรอกนะครับ
ผมสนับสนุนเรื่องนี้ ก็มีเหตุผลอยากเผยแพร่หมากกระดาน
เพราะอยากให้เยาวชนนิยมเล่นหมากกระดาน
(จะอะไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบ ความถนัด ของแต่ละคน)
แน่นอน ผมไม่มีอำนาจจะผลักดัน หรือตัดสินใจ
ก็แค่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจ
และแน่นอนว่า ก็อาจมีความเห็นที่ไม่ต้องตรงกัน
อย่างไรก็ดี ผมมีตัวตนจริง และรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำเสมอมา
มีเบอร์ โทร และ email ที่ติดต่อได้จริงครับ |
โดย : ซึซึอิ - Դ : 09-110-2828 - [ 09/12/2005, 22:40:40 ] |
16
ขอแสดงความเห็นบางครับในฐานะที่เป็นคนๆหนึ่งที่เล่นทั้งหมากรุกไทยและหมากรุกสากลครับ
โดนส่วนตัวคิดว่าฟังดูแปลกๆครับ แต่พอคิดไปคิดมา ผมกลับเห็นด้วยครับเพราะอะไรน่ะเหรอ
ถ้าเราไม่ยึดติดกับคำว่าหมากรุกไทยนะครับ อาจเป็นคำว่า "หมากรุก" (Makruk)
ก็คงไม่น่าเกลียดนักอย่างความเห็นที่ 2 หรือ 6 หรอกครับ แต่กลับจะเป็นการพัฒนาวงการหมากรุกต่างหาก
ไม่เพียงจะพัฒนาหมากรุกไทยเท่านั้น แต่จะเสริมวงการหมากรุกสากลให้มีคนเล่นมากขึ้นอีกด้วย
คิดง่ายๆว่าคนไทยส่วนมากเล่นหมากรุกไทยเป็นกันอยู่แล้วครับ แต่ขาดการจัดการแข่งขันที่เป็นทางการ
หรือการจัดการที่ดีเลยทำให้เป็นแค่กีฬาพื้นบ้านในสายตาของหลายๆคน แต่ถ้าเราทำให้มันเป็นสากลขึ้นล่ะ
คนก้อต้องสนใจมากขึ้นอีก
อีกทั้งถ้าจริงอย่างที่ว่านักหมากรุกสากลชาติอื่นหันมาเล่นก้อจะช่วยให้เกมส์หมากพัฒนาขึ้นอีกอย่างไม่ต้อ
งสงสัยครับ รูปหมากที่เป็นความลับก้อจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ดูอย่างเซปัคตะกร้อสิ
ไม่ใช่กีฬาของชาติเรานะครับแต่เราก้อพัฒนาไม่เป็นรองใคร แม้ซีเกมส์หนนี้จะห่วยก้อเหอะนะ
แต่ไม่ค่อยชอบความเห็นที่6อ่ะ ไมถึงไม่ภูมิใจในความเป็นมวยไทยฟะ
เขาผลักดันกันแทบตายกว่าจะได้เป็นกีฬาสากลอ่ะไมพูดงี้....คนไทยหรือเปล่า??? |
โดย : KU55 [ 09/12/2005, 22:43:52 ] |
17
ที่ญี่ปุ่น เขาก็พยายามส่งเสริม โชกิ และโกะ ให้กับนานาชาติ
มีการส่งคนไปสอนให้รู้จักเล่น มีการจัดแข่งขัน พร้อมออกค่าใช้จ่าย เพื่อชักจูงให้นานาชาติหันมาสนใจเล่น
ประเด็น คือ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้คนนิยมเล่น
จะจัดแข่งใน ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์
หรือ เผยแพร่ด้วยวิธีใด ผมเองก็คิดว่าดีทั้งนั้น
แน่นอนว่า ควรส่งเสริมจากภายใน ก็ดีเช่นกัน
แต่จะใช้กลวิธีไหน ป่าล้อมเมือง หรือเมืองล้อมป่า
ก็ขึ้นกับความเหมาะสม ขอให้ทำเถอะ
อย่าปิดกั้นความคิด เพียงแค่เห็น ไปตามกระแส
เรื่องบางเรื่อง แม้กระแสจะเป็นเช่นไร ก็ต้องกล้าฝืน ถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควร และชอบด้วยหลักการ
ผมยก ตะกร้อ เป็นอุทาหรณ์ ทำไมถึงขนาดเผยแพร่และได้แข่งในระดับเอเชี่ยนเกมส์ได้
|
โดย : ซึซึอิ [ 09/12/2005, 22:54:37 ] |
18
ความคิดเห็น 2 6 11 12 เกะกะ ลูกตาครับ คนที่เข้ามาอ่านไม่ควรไปสนใจน่ะครับ
|
โดย : เทวดาจร [ 10/12/2005, 01:32:22 ] |
19
ผมว่าบรรจุแข่งน่ะได้แต่3ครั้งแรกไม่ควรนับเหรียญเพื่อให้ชาติอื่นได้มีเวลาพัฒนาการเล่นและเราก็จะไม่โดน
ด่าว่าจัดเพราะอยากได้เหรียญทองครับ |
โดย : จ้าวอสรพิษ [ 10/12/2005, 01:41:55 ] |
20
ขอบคุณครับยอดขุนโจร เมื่อถึงเวลาก็อาจต้องขอความร่วมมือจากผู้มีความสามารถทุกท่านครับ
ยอดขุนโจรมองปัญหานี้จากคนละมุมกับของผมนะครับ คือผมมองว่าถ้ายืนยันว่าจัดแน่การตั้ง
สมาคมก็ไม่ยาก(ปัจจัยพร้อม) แต่ยอดขุนโจรมองว่าแล้วไม่มีสมาคม
โอลิมปิคไทยจะไว้ใจใคร
ได้หรือ ผมมองแบบชาวบ้าน ยอดขุนโจรมองแบบคนมีประสบการณ์
ความจริงเรื่องข้อครหาเหล่านี้คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้จัดหรือไม่หรอกครับ
เพียงแต่ผมคิดว่าพวกเราน่าจะช่วยสนับสนุนกันได้ แม้เปลี่ยนความรู้สึกได้เพียงจำนวนเล็กน้อยก็ยังดี
สำหรับความเรื่องไหว้ครูมวยไทยในอินดอร์ แรกๆผมก็นึกว่าใครหนอทำไปได้ อยากได้เหรียญ
มากจนจัดใส่เข้าไป ต่อเมื่อถึงเวลาที่มีคนคิดจะเอาหมากรุกไทยเข้าไปบ้าง จึงเกิดคำถามขึ้นในใจ
ว่า หมากรุกไทยมีคุณค่าพอไหมที่จะเอาเข้ามา คำตอบของผมคือมีมากพอ เท่านั้นก็จบ
ทำให้หวนนึกถึงไหว้ครูมวยไทยในอินดอร์ทันที หลายๆคนอาจมีความรู้สึกไม่ดี เหมือนเรา
เอาเปรียบชาติอื่น ทำให้การไหว้ครูมวยไทยเสื่อมเสีย อาจมีคนมากมายเห็นเช่นนั้น แต่ตัวผมเอง
ไม่ควรคิดแบบนั้น เพราะการไหว้ครูมวยไทยมีคุณค่ามากพอ
มากพอจะหักล้างความรู้สึกว่าเอาเปรียบชาติอื่นได้
(เหมือนเวลาขายของเราต้องคิดว่าของเรามีคุณค่าพอสำหรับเงินของลูกค้านะครับ)
สำหรับความคิดเห็น 11
ไม่ใช่ประเทศไทยหรอกครับที่ไม่สนใจ ผู้ที่มีอำนาจในประเทศไทยต่างหากครับ
หรือคุณไกลปืนเที่ยงก็ไม่ให้ความสำคัญด้วย
และเช่นเดียวกับความคิดเห็นอื่นๆ ที่ผมมองตะกร้อเป็นตัวอย่าง
หากมัวคิดว่าเป็นแค่กีฬาพื้นบ้านที่มีแต่ช่างก่อสร้างเล่นกันแล้วละก็
คงไม่มีวันนี้หรอกครับ ที่สามารถจัดลีกอาชีพได้
ผมยอมรับว่านี่อาจเป็นเรื่องน่าอายที่ต้องมาหาเหตุอื่นเพื่อความชอบธรรม
แต่ผมคิดว่าผู้ที่มีหน้าที่ผลักดันควรจะยอมรับมันได้ คุณไม่
ใช่คนแรกหรอกที่พูดเช่นนี้ครับ
และหากโอลิมปิคไทยจะตัดหมากรุกไทยออกเพราะเกรงว่าจะต่อไปจะมีกีฬาพื้นบ้านเข้ามามากอีกเรื่อยๆ
อันนี้ผมทำใจยอมรับได้ แต่หากบอกว่าทำให้ซีเกมด้อยค่าลง หลายคนอาจมีสิทธิ์คิดได้
แต่ผมไม่มีครับ (บุญเท่าไรแล้วที่
จัดให้พวกยูได้เล่นกัน )
|
โดย : ขุนสันต์ [ 10/12/2005, 02:30:12 ] |
21
เห็นด้วยกับควมคิดที่18 |
โดย : latin [ 10/12/2005, 02:55:00 ] |
22
ขณะที่ บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการโอลิมปิกไทย กล่าวว่า การกระจายสนามของฟิลิปปินส์
ถือเป็นบทเรียนสำคัญของไทย รวมถึงปัญหาเรื่องจัดการแข่งขัน และการควบคุมการตัดสิน
ซึ่งเจ้าภาพทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในครั้งต่อไป ไทยจะทำให้ดีที่สุด
โดยจะบรรจุชนิดกีฬาสากลเป็นหลัก แต่จะไม่ทิ้งกีฬาพื้นบ้าน เพราะเป็นวัตถุประสงค์แรกเริ่มของซีเกมส์
เพราะต้องการยกระดับกีฬาพื้นบ้านสู่สากล
จากคมชัดลึก 6 ธันวาคม 2548 อย่างน้อยก็น่าจะมีหนึ่งเสียงแล้วนะ
แต่อ่านข่าวเต็มๆได้ที่http://www.komchadluek.net/news/2005/12-06/spo--14102.html
ตอนนี้กระทรวงกีฬาก็ยุ่งๆอยู่ แบ่งเป็นสองฝ่าย แล้วหมากรุกจะ
เลือกฝ่ายไหนดีละ เลือกผิดอาจตกกระป๋องได้นะครับ พยายาม
จะตั้งคณะกรรมการจัดแข่งขันแล้ว ขอให้ฝ่ายดำเนินการเร่งมือ
กันได้แล้วครับ ระดับลูกจ็อกอย่างผมจะได้เตรียมตัวถูก ผมยัง
อยากเห็นบรรยากาศแบบขุนทองคำอีกนะครับ ไม่งั้นต้องเพิ่งเด็รุ่นใหม่ไปเริ่มสร้างแต่เนื้อใน
อย่างคุณหมากรุกไทยแท้ว่าแล้วกัน |
โดย : ขุนสันต์ [ 10/12/2005, 03:02:54 ] |
23
ต้องเอากีฬาพื้นบ้านด้วยนะครับ ไม่งั้นจะมีซีเกมส์ไปทำไม
บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการโอลิมปิกไทย กล่าวว่า ....จะบรรจุชนิดกีฬาสากลเป็นหลัก
แต่จะไม่ทิ้งกีฬาพื้นบ้าน
เพราะเป็นวัตถุประสงค์แรกเริ่มของซีเกมส์เพราะต้องการยกระดับกีฬาพื้นบ้านสู่สากล
ชาติที่ฉลาดๆเขาพยายาม ส่งกีฬาพื้นบ้านของเขาสู่ระดับสากลทั้งนั้นครับ
เพียงแต่เขาทุนหนาและทุ่มเทจึงทำได้สำเร็จ อย่างยูโด คาราเต้ เทควนโด นี่กีฬาพื้นบ้านหมดเลยนะครับ
ถ้าคิดแบบไม่เอากีฬาพื้นบ้าน ตะกร้อคงไม่มีวันนี้ |
โดย : กิ้ม [ 10/12/2005, 07:56:20 ] |
24
เรื่องเหรียญนั้น ไม่แน่หรอกครับ เพราะกีฬานั้นตามกันทัน
อย่างเทควนโดเกาหลีก็ไม่ได้กวาดเหรียญในโอลิมปิค
เขาได้ความภูมิใจในฐานะชาติให้กำเนิดกีฬามากกว่า
|
โดย : กิ้ม [ 10/12/2005, 08:28:19 ] |
25
ตะกร้อที่เล่นกันในซีเกมส์
มิใช่กีฬาพื้นเมืองไทยแท้นักขอรับ จักไปกันใหญ่
ชาติที่เล่นตะกร้อ นอกจากไทย ยังมีมาเลฯ แลพม่า
เรียกกันไปต่างๆ แม้อุปกรณ์หลักจักเปนลูกหวายเฉกเดียวกัน
รูปแบบแลขนาดสนาม ตลอดจนกติกาก็ผิดแผกกัน
แต่จากการร่วมมือกันทั้งสามชาติ ก็ทำให้ได้เปนรูปแบบใหม่ที่รับกันได้
กระทั่งชื่อที่เรียกก็เปนคำผสมมิใช่เพียงชาติใดชาติหนึ่ง
พัฒนาการของตะกร้ออาจจักมองไม่เห็นชัดเจน ด้วยความนิยมอาจจักมิมากเยี่ยงบาสฯบอลฯแลวอลเล่ย์ เปนอาทิ
แต่ผู้คนในวงการและสนใจจักทราบดีถึงพัฒนาการ ตัวอย่างคือการเปลี่ยนมาเปนลูกพลาสติก เปนอาทิ
อย่ามีเพียงชาตินิยมอย่างเดียวเลย มองให้กว้างไปอีกสักนิด เซปัคตะกร้อ อาจเปนตัวอย่างที่ดีแลชัดเจน
ในอดีตหากเราดึงดันใส่ "ตะกร้อข้ามตาข่าย" เข้าไปในกีฬาภูมิภาค
ด้วยความตระหนักในคุณค่าแลภูมิใจในความเปนไทยเพียงอย่างเดียว เชื่อได้ว่ายากยิ่งนักที่จักมีเยี่ยงวันนี้
ดั่งนี้ หากแม้นมีชาติเพื่อนบ้านที่เล่นหมากกระดานคล้ายเราอย่างยิ่งแล้ว
ก็ควรจักจับมือกันให้เกิดรูปแบบที่ดี มีมาตรฐานและยอมรับกันถ้วนทั่ว
นี่จักเปนการผสมผสานวัฒนธรรมและสร้างความภูมิใจร่วมกันได้ดียิ่งกว่า
เตรียมความพร้อมกันให้ดีสำหรับวันข้างหน้า หากวางเป้าไว้เยี่ยงนั้นอย่างแน่วแน่
ย้อนกลับดูหมากรุกไทยในบ้านเราให้ชัดก่อนจักดีกว่า
เรารักและภูมิใจกับกีฬานี้กันเพียงใด
เราส่งเสริมกันเพียงใด
หากมีเพียงระดับรากหญ้าแล้ว ก็ยากยิ่ง
กติกาที่ใช้เล่นกันในวันนี้ มีมาตราฐานเพียงพอแล้วฤา ?
องค์กร บุคลากร ระบบต่างๆเราพร้อมแล้วฤา ?
กระทรวง..กีฬา มองเห็นหมากรุกไทยเปนกีฬาแล้วฤา ?
ขอคารวะต่อความคิดเห็นของทุกท่าน
เพียงขอแทรกแซมสักเล็กน้อย ขาดเหลือ ผิดพลาด ฤาล่วงเกินอันใด
โปรดอภัย
|
โดย : คนหมากรุกไทย [ 10/12/2005, 10:21:39 ] |
26
เพิ่มเติม
เดิมกีฬาตะกร้อในย่านเอเซียอาคเนย์
มาเลเซีย เรียก Sepak Raga (ซีปักรากา)
ฟิลิปปินส์ เรียก Sipak (ซิปัก)
ในไทยเรียก takraw (ตะกร้อ)
ไทยกับมาเลเซีย ต่างแย่งกันเป็นต้นตำหรับ
ขณะที่ฟิลิปปินส์กับพม่าต่างเจี๋ยมเจี้ยม
ชื่อของกีฬานี้ จึงเป็น sepaktakraw
โดยไม่มีการสรุปว่า ใครเป็นชาติให้กำเหนิดแท้จริง
แต่ทั้ง 2 ชาติก็ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจ
ที่คงยากจะหาชาติอื่นเทียบได้อีกนาน |
โดย : เพิ่มเติมคนหมากรุกไทย [ 10/12/2005, 12:37:06 ] |
27
........ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการโอลิมปิกไทย กล่าวว่า ....จะบรรจุชนิดกีฬาสากลเป็นหลัก
แต่จะไม่ทิ้งกีฬาพื้นบ้าน
เพราะเป็นวัตถุประสงค์แรกเริ่มของซีเกมส์เพราะต้องการยกระดับกีฬาพื้นบ้านสู่สากล ........
อ่านแล้ววังเวง......
หากเป็นวัตถุประสงค์เช่นนั้นจริง ทำไมไม่ประชุมสรุปให้เป็นเรื่องราวกันไป
กำหนดให้ชัดเจนว่ากีฬาอะไรควรส่งเสริม อะไรที่ไม่ควร กีฬาพื้นเมืองของชาติต่างๆ
ส่วนใหญ่ก็เล่นกันมาเป็นร้อยปี อันนี้เห็นแต่เจ้าภาพอ้าง เอาความได้เปรียบและความเกรงใจ
หรือบางครั้งก็แลกเปลี่ยนประโยชน์กัน ประเภทคราวนี้ฉันโหวตให้ คราวหน้าต้องโหวตให้ฉัน
|
โดย : เล่นด้วย [ 10/12/2005, 14:45:09 ] |
29
Quu มายุ่งไรในหมากรุกไทยจ๊ะ |
โดย : latin [ 11/12/2005, 01:27:49 ] |
30
Quu ก็เปนคนไทยคนหนึ่ง
แลใช่แต่จักเล่นแต่หมากรุกฝรั่ง
หมากรุกไทยแลหมากป้องก็เล่นมิน้อยเลย
การแสดงความคิดเห็นจึงมีสิทธิ์มิน้อยกว่าผู้ใด
แม้จักจุ๊ดจู๋ แลชวนให้ต้องตีความว่ามีความหมายอันใดฤาไม่
ฤาอ่านแล้วชวนให้ปวดเศียรยิ่งขึ้นก็ตามเถิด |
โดย : คนหมากรุกไทยอีกผู้หนึ่ง [ 11/12/2005, 09:47:03 ] |
31
ตะกร้อข้ามตาข่ายนั้นเดิมเป็นกีฬาพื้นบ้านครับ
มาเลย์เป็นผู้เสนอให้แข่งก่อน จึงได้นามเซปัคนำหน้าตะกร้อ
พม่าไม่เกี่ยว เพิ่งมาแข่งกะเขาทีหลัง
ฟิลิบปินส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เคยติดอันดับกะเขาปล่าว ความนิยมเล่นไม่มีแน่ๆ
ทำไมรังเกียจกีฬาพื้นบ้านนักละครับ
ชาตินิยมในเรื่องดีๆผิดตรงไหนหรือ |
โดย : กิ้ม [ 11/12/2005, 09:57:49 ] |
32
บก. chess จากเยอรมันเคยพยายามที่จะติดต่อ คนไทยหลายๆ คน ทางเมล์ เพื่อจะได้ตำราหมากรุกไทย ภาษาอังกฤษ
เพราะ ตัวเขาเองลองเล่นหมากรุกไทยแล้ว ปรากฎว่า แพ้ ทั้งทั้งที่ในความคิดของเขา
หมากรุกไทยไม่น่ามีอะไรซับซ้อนกว่าหมากรุกสากล แถมยังมีความยุติธรรมกว่า
ตรงที่คนเดินก่อนไม่ได้เปรียบคนเดินหลังมากมายเหมือนในหมากรุกสากล ไม่ใช่กีฬาพื้นบ้าน ธรรมดาน่ะครับ
ชาวโลกเขาสนใจหมากรุกไทยมากกว่า ตะกร้อ มวยไทย และแผนที่ที่ตั้งประเทศไทย ซะอีก
ในอดีตกลุ่มสุราก็ทำทุกอย่างเพื่อหมากรุกไทย ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์เขาก็ทำทุกอย่าง เพื่อหมากรุกไทย
ขนาดนี้แล้ว ช่วยกันผลักดัน สู่เวทีโลกกันหน่อย ให้กลุ่มสปอนเซอร์ เขาได้ชื่นใจกันบ้าง |
โดย : เนตรสยบมาร [ 11/12/2005, 10:36:32 ] |
33
ความเห็นของกิ้ม
ทำไมรังเกียจกีฬาพื้นบ้านนักละครับ
ชาตินิยมในเรื่องดีๆผิดตรงไหนหรือ
มีความเห็นอันไหนที่บ่งว่ารังเกียจกีฬาพื้นบ้านหรือ
อย่าไปสาดสีคนอื่นที่คิดต่างออกไปสิ จะกลายเป็นคับแคบไป
ชาตินิยมให้ดูความเหมาะสมด้วย
ชาตินิยมในกลุ่มคนชาติเดียวกันไม่มีปัญหา และไม่ต้องส่งเสริมหรอก เป็นเรื่องปกติที่มีอยู่แล้ว
หากใช้สติและปัญญาคิดประกอบ น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก |
โดย : คนในมุ้ง [ 11/12/2005, 10:52:48 ] |
34
พี่กิ้ม ใจเย็นเย็น น่ะครับ อย่าไปสนใจคนที่ไม่เปิดเผยตัว |
โดย : เทวดาจร [ 11/12/2005, 11:59:52 ] |
35
อืม เราว่าเราเราก็ไม่ได้สาดสีใครนะ ชื่อก็ใช้ชื่อจริงเสนอความเห็น
เพียงแต่แปลกใจที่เห็นคนไทยบางส่วนจะรู้สึกเดือดร้อนมาก
ถ้ากีฬาหรือการละเล่นของไทยจะถูกบรรจุเข้าเข้าในซีเกมส์ ก็อ่านมาเยอะ
"ชาตินิยมให้ดูความเหมาะสมด้วย
ชาตินิยมในกลุ่มคนชาติเดียวกันไม่มีปัญหา และไม่ต้องส่งเสริมหรอก เป็นเรื่องปกติที่มีอยู่แล้ว
หากใช้สติและปัญญาคิดประกอบ น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก"
คำพูดอย่างนี้เสียอีกจะให้ตีความว่าไงเนี่ย |
โดย : กิ้ม [ 11/12/2005, 12:47:31 ] |
36
เคยคุยกับคนที่ทำงานในสมาคมกีฬาไทยฯ
ท่านกล่าวว่าลำบากมากที่จะให้คนไทยสนใจเล่นของไทย
เพราะส่วนใหญ่จะสนใจของที่ดูเป็นสากลมากกว่า
แม้กระทั่งในวงการกีฬาเองก็ไม่ต้องการจัดกีฬาพื้นบ้านในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ
หากกีฬาพื้นบ้านนั้นไม่เป็นกีฬาสากลก่อน
การรวมตัวกับเพื่อนบ้านเพื่อผลักดันให้มีแข่งในระดับภูมิภาคได้ผลดีกว่าการพยายามเผยแพร่ในประเทศมาก
เห็นได้จากตะกร้อ ปัจสีลัต ซึ่งหลังจากได้มีแข่งแล้ว ความนิยมเล่นมีมากขึ้น ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ไม่ต้องรอสมาคมอนุรักษ์ไว้แบบหดหายไปเรื่อยๆอีก
อันที่จริงหากการละเล่นของไทยจะหายตายจากไป
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะการละเล่นสมัยเรายังเด็ก
ก็หายไปจะหมดแล้ว
ยังแปลกใจที่รู้ว่ากาบัดดี้หรือตี่จับของไทย
เคยเป็นกีฬายอดฮิตของภูมิภาคนี้จนถึงอินเดียมาก่อน
ถ้าอีกหน่อยคนไทยจะเล่นเชสมากกว่าหมากรุกไทย
ก็ไม่แปลก วิถีทางเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
ผมก็แค่มีความเห็นหนึ่ง
คิดว่าเสนอความเห็นสุภาพและมีมารยาทมากพอ
จะว่าคับแคบก็แล้วแต่ท่านครับ
|
โดย : กิ้ม [ 11/12/2005, 13:04:02 ] |
37
ความคับแคบที่ว่า ไม่ใช่ความรู้แคบ แต่การสรุปว่าคนที่คิดต่างคือคนรังเกียจกีฬาพื้นบ้านนี้ออกจะเกินเลย
และคับแคบต่อการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น
การคาดหวังว่ากีฬาภูมิภาคจะช่วยพัฒนากีฬาพื้นบ้านของไทย เป็นอีกหนึ่งแนวคิด
แต่ลองมองความเป็นจริงที่เกิดขึ้นไหม..
หมากรุกสากล
@ตอนซีเกมส์ที่เวียตนาม
เราส่งทีมชายไป โดยคาดหมายว่าจะได้เหรียญ
จะเป็นโดยไม่ได้ดู rating ของผู้เล่นเราเทียบกับปรtเทศอื่น หรือ ดูแล้วผิด หรือ ใส่อคติมากไป
กระทั่งมือหนึ่งหมากรุกไทยอย่างเซียนป่องก็กล่าวก่อนไปแข่งว่าหากไม่ได้เหรียญใดๆ จะเลิกเล่นหมากรุกสากล
แต่ที่สุดสำหรับกีฬานี้ คือ เรากลับบ้านมือเปล่า
@ตอนซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์
ในการพิจารณาประเภทกีฬาที่จะส่งไปแข่ง หมากรุกสากลได้รับการคัดเลือกให้เป็นอีกหนึ่งประเภทกีฬาที่จะ
"ไม่ส่ง" เหตุผลสำคัญที่สุดน่าจะเป็นด้วยโอกาสที่จะได้เหรียญนั้นชัดเจนที่สุดว่า
"จะไม่ได้"
เราก็เริ่มมาได้คิดว่าหมากรุกไทยเรานี้ดีมีคุณค่า และควรบรรจุเป็นอีกหนึ่งประเภทกีฬาของซีเกมส์
ในฐานะที่เป็นกีฬาพื้นบ้านที่ควรส่งเสริมอย่างยิ่งยวด
.......หลังจากเรารู้ตัวว่าหมากรุกสากลเราล้าหลังนัก..
.......หลังจากเรารู้ว่าเราหมดหวังได้เหรียญใดๆจากหมากรุกสากล..
.......หลังจากที่เราไม่ส่งคนไปร่วมแข่งหมากรุกสากลอีก..
ทำไมความคิดที่จะส่งเสริมหมากรุกไทยพึ่งมาเชี่ยวกราดเอาช่วงนี้..
ทำไมคิดว่าควรไปเริ่มที่ซีเกมส์ แทนที่จะเป็นภายในประเทศก่อน..
ในกีฬามหาวิทยาลัยมีบ้างไม่มีบ้าง ก็ไม่เห็นตัวใหญ่ๆจะเดือดร้อน..
ในกีฬาแห่งชาติมีบ้างหรือยัง..
การส่งเสริมและความนิยมภายในประเทศเพียงนี้ จะไปคาดหวังสูงจากประเทศอื่นได้อย่างไร..
องค์กรเราเข็มแข็งหรือไม่..
ระบบเราดีแค่ไหน แค่ Rating ที่ทางแม่โขงเคยพยายามเริ่มทำ ถึงวันนี้ยังมีให้เห็นอีกหรือไม่..
แค่บันทึกเกมการแข่งขัน ก็มีเรื่องให้ถกกันอีกยืดยาว..
ทางยุโรปอเมริกา ก็ให้ความสนใจหมากรุกไทยบ้าง
..เน้นว่าบ้างเท่านั้น แต่ที่เรายังห่างไกลมาก (และเทียบไม่ได้ด้านความนิยม) ก็คือ
หมากล้อมและหมากรุกจีน มีการแข่งขันระหว่างประเทศ ทั้งในระดับภูมิภาค ถึงกระทั่งการชิงแชมป์โลก
เฉพาะการจัดแข่งในยุโรปแต่ละประเภทก็มีการแข่งขันระหว่างประเทศปีละหลายรายการ
ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ กระทั่งโอลิกปิค
โดยพื้นฐาน เป็นกีฬาสมัครเล่นทั้งหมด
ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนให้นักกีฬาอาชีพเข้าร่วมการแข่งขันได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด
ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง
ดังนั้น หากเทียบเคียงกับกีฬาอาชีพต่างๆแล้ว แชมป์โอลิมปิค
ศักดิ์ศรีหรือการยอมรับก็ยังด้อยกว่าแชมป์โลกในกีฬาประเภทเดียวกัน
สำหรับกีฬาที่มีพื้นฐานสมัครเล่นมาก่อนเช่นว่ายน้ำ หรือ กรีฑา ในโอลิมปิคยังต้องถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด
เราคิดว่าหมากรุกไทยควรเป็นกีฬาสมัครเล่นหรืออาชีพล่ะ..
หมากรุกสากล เป็นหมากกระดานที่มีผู้นิยมากที่สุดในโลก
และเป็นกีฬาอาชีพ
จะมีในโอลิมปิคหรือไม่ ก็ไม่ทำให้กีฬาหมากนี้ยิ่งใหญ่หรืออ่อนด้อยลงแต่อย่างใด
การนำหมากรุกสากลบรรจุในซีเกมส์
น่าจะมองว่าเป็นโอกาสดียิ่งที่เราจะได้พัฒนากีฬาประเภทนี้ร่วมกับเพื่อนบ้าน
(แต่เราก็ทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดอีกครั้งหนึ่งไป)
เหมือนเราจะบอกว่าอย่าไปสนใจมันเลย(หมารุกสากล) มาสนใจหมากรุกไทยกันดีกว่า..
เรากำลังบอกเพื่อนบ้านเรา หรือคนไทยด้วยกันเองล่ะ.. |
โดย : คนในมุ้ง [ 11/12/2005, 13:57:43 ] |
38
ความคิดใครเนี่ยะ
_ _ _ _ไม่ควรถือกีฬาแห่งชาติเป็นเกณฑ์ครับ
เพราะเค้าจะรอให้เป็นกีฬาสากลก่อนถึงจะอยากจัดแข่งในกีฬาแห่งชาติให้_ _ _ _
อ่านแล้วจะเป็นลม พระเจ้าช่วย_ _ _ _ |
โดย : จะเป็นลม [ 11/12/2005, 15:48:00 ] |
39
อืม ก็พอเข้าใจคนในมุ้งน่ะครับ จริงๆ แล้ว คนในมุ้ง ก็มีความเป็น
ชาตินิยม สูง ไม่ต้องการ ให้ประเทศไทย ล้าหลัง หมากรุกสากล จนถูกเพื่อนบ้านในภูมิภาค ทิ้งห่าง
แต่เราก็ส่งเสริม 2 อย่าง พร้อมกัน
ได้นี่ ครับ เหมือนกับ เราเรียน ภาษาอังกฤษ ควบคู่ ไปกับ ภาษาไทย เพียงแต่คงต้องยอมรับ ว่า
นักการเมืองไทย ไม่สนใจหมากรุก
( อาจเป็นเพราะไม่มีช่องทางทำเงินได้มากเหมือน กีฬาประเภทอื่น)
ส่วน ความคิดที่ว่า
_ _ _ _ไม่ควรถือกีฬาแห่งชาติเป็นเกณฑ์ครับ
เพราะเค้าจะรอให้เป็นกีฬาสากลก่อนถึงจะอยากจัดแข่งในกีฬาแห่งชาติให้_ _ _ _
เป็นความคิดของ พี่กิ้ม ครับ เจ้าของ คห. ที่ 4 ตามหาได้ครับที่เวปหมากรุกไทยในไทยบีจี ใช้ชื่อ ว่า
+กิ้ม ถ้าเจอก็แนะนำตัวเลยครับ ว่า เป็นเจ้าของ คห. ที่ 38 ของกระทู้ซีเกมส์หมากรุกไทย
และก็อย่าลืมให้เบอร์โทร กับ ที่อยู่ ด้วยน่ะครับ จะได้ไม่ผิดหวัง |
โดย : เทวดาจร [ 11/12/2005, 20:28:01 ] |
40
_ _ _ _ไม่ควรถือกีฬาแห่งชาติเป็นเกณฑ์ครับ
เพราะเค้าจะรอให้เป็นกีฬาสากลก่อนถึงจะอยากจัดแข่งในกีฬาแห่งชาติให้_ _ _ _
ผมเขียนเองครับ
ในฐานะที่คลุกคลีกับวงการกีฬามานาน
"เค้า"ในที่นี้คือคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันกีฬาในไทย หรือผู้จัดงบประมาณให้ เช่น
ระดับมหาวิทยาลัย,กีฬาแห่งชาติฯลฯ
ในที่ประชุมจัดการแข่งขัน บ่อยครั้งที่ให้ตัดกีฬาที่ไม่ใช่กีฬาสากลออกไป
นี่คือสิ่งที่"เค้า"ทำกันมาโดยตลอด
ทำให้กีฬาไทยบางประเภทที่มีแข่งกันยาวนานหายไปในที่สุด
ถ้าแบ่งในส่วนของผู้รับผิดชอบกีฬาไทย
ผู้รับผิดชอบส่วนย่อย เช่น สมาคมกีฬาไทยฯ ก็พยายามผลักดันให้มีการแข่งในกีฬาแห่งชาติ
แต่เจ้าภาพ ถ้าไม่มีนักกีฬาลงแข่งด้วยก็ไม่อยากจัดเพราะใช้งบทั้งค่ากรรมการและอื่นๆค่อนข้างมาก
และถ้าเจ้าภาพอยากจัดแข่ง ก็ต้องมีผู้ส่งเข้าแข่งขันจากเขตต่างๆมากพอ จึงจะจัดได้
นักกีฬาบางเขตที่อยากแข่งขัน ติดต่อกีฬาจังหวัด
คำตอบที่ได้รับคือจะต้องออกค่าใช้จ่ายและจัดการเองทั้งหมด(ต้องเดินเรื่องทั้งหมดเองเลยนะครับ)
ยังมีกฎระเบียบบางประการ เช่น นักกีฬาที่จะลงแข่งต้องเป็นนักกีฬาในจังหวัดนั้นๆมาก่อนอย่าง 1
ปีอีก(ก็มันไม่เคยส่งแข่งจะเป็นนักกีฬามาก่อนได้ไง)
ผมถึงอยากให้โอกาสกับกีฬาไทยเหล่านี้ให้มาก
เพราะผู้ทำงานผลักดัน ต้องเข็นครกหนักคือการสนับสนุนจากระดับสูงที่เกี่ยวข้องด้านกีฬาอยู่แล้ว
ยังต้องมาเข็นครก อีกใบ คือ มวลชนที่ไม่อยากให้มีการจัดกีฬาพื้นบ้านอีก |
โดย : กิ้ม [ 12/12/2005, 09:56:37 ] |
41
จะเป็นลมอีกรอบ ......โอยๆ |
โดย : จะเป็นลม [ 12/12/2005, 10:20:08 ] |
42
ความเห็น 25 ของคุณหมากรุกไทยเข้าประเด็นเร็วจัง
ตัวผมเองคาดหวังว่าจะอาศัยซีเกมส์ก่อร่างสร้างตัวองค์กรหมากรุกไทยให้เป็นรูปธรรมสักที(อาจจะผิดวิธีก็ได้
ครับ) ผมเชื่อว่าบรรดาผู้ที่รับผิดชอบเองก็ทราบดีถึงปัญหาเหล่านั้น แต่ไม่ออกมาพูดให้ฟังเท่านั้น
ซึ่งในท้ายที่สุดผลที่ได้อาจไม่คุ้มกับสิ่งที่จะต้องเสียไป (ก็แล้วแต่ความคิดแต่ละท่านครับ)
เรื่องการไม่ส่งนักหมากรุกสากลไปแข่งซีเกมส์ ยังมีสาเหตุหลักอีกข้อคือสมาคมขาดการต่ออายุ
จึงเสมือนไม่มีผู้รับผิดชอบ ไม่สามารถยื่นเรื่องหรือดำเนิการอุทรณ์ใดๆได้ และการส่งไปแข่งในซีเกมส์
ฯลฯ
ก็มีเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งเราต้องปฎิบัติตาม เมื่อเราไม่สามารถทำได้ตามนั้น ก็ต้องยอมรับ
และมุ่งกับมาหาหนทางพัฒนากัน
ต่อไป
ทำไงได้เมื่อผู้พิจารณาให้ความสำคัญกับเหรียญรางวัลมากกว่าการได้มีส่วนร่วมของผู้ชื่นชอบกีฬานั้นๆ
ยังมีเวทีอื่นๆให้ส่งอีกครับ
ถ้าอ่านความเห็นที่ 40 ของคุณกิ้ม ก็คงมองเห็นปัญหาแล้วนะครับ
เราควรทำอะไรก่อนดีละครับ
หากไม่พร้อมจริงเป็นแค่กีฬาสาธิตก็ยังดี หวังครั้งต่อจากไทยที่ลาวแล้วต่อด้วยเขมร
จะได้เห็นหมากรุกไทยในซีเกมส์
|
โดย : ขุนสันต์ [ 13/12/2005, 02:04:58 ] |
43
จากคห.42
"ทำไงได้เมื่อผู้พิจารณาให้ความสำคัญกับเหรียญรางวัลมากกว่าการได้มีส่วนร่วมของผู้ชื่นชอบกีฬานั้นๆ
ยังมีเวทีอื่นๆให้ส่งอีกครับ "
ท่านขุนสันต์ครับหากไม่ใช่กีฬาแห่งชาติหรือกีฬาระหว่างประเทศแล้ว
ทั้งผู้จัดแข่งและผู้เข้าร่วมแข่งกีฬาไทยแทบจะไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆเลย
เรียกว่าคนจัดก็เข้าเนื้อ คนแข่งก็ต้องออกค่าใช้จ่ายในการเก็บตัวนักกีฬา ค่าเดินทาง ที่พัก ทั้งหมดเอง
แม้กระทั่งการลางานไปแข่งก็จะยากกว่าการลาไปแข่งกีฬาแห่งชาติหรือทีมชาติ
(เว้นแต่จะเป็นกีฬาที่หาสปอนเซอร์ได้ ซึ่งคงมีแค่เรือพายและว่าวเท่านั้น
คงเพราะโยงเข้ากับการท่องเที่ยวได้)
|
โดย : กิ้ม [ 13/12/2005, 11:08:08 ] |
44
คุณกิ้ม ให้ข้อมูลไว้ใน คห 40 ชัดเจนเหลือเกิน
ดังนี้
"เค้า"ในที่นี้คือคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันกีฬาในไทย หรือผู้จัดงบประมาณให้ เช่น
ระดับมหาวิทยาลัย,กีฬาแห่งชาติฯลฯ
ในที่ประชุมจัดการแข่งขัน บ่อยครั้งที่ให้ตัดกีฬาที่ไม่ใช่กีฬาสากลออกไป
นี่คือสิ่งที่"เค้า"ทำกันมาโดยตลอด
ทำให้กีฬาไทยบางประเภทที่มีแข่งกันยาวนานหายไปในที่สุด...
จะได้ไม่เข้าใจผิด เกี่ยวกับเรื่องหมากรุก หายไปจากกีฬาระดับมหาวิทยาลัย เพราะอะไรอีก |
โดย : ซึซึอิ [ 13/12/2005, 13:29:10 ] |
45
หมากล้อมมีความเป็นสากลกว่าหมากรุกสากลตรงไหน...... |
โดย : มั่วจังกึม [ 13/12/2005, 13:33:06 ] |
46
ความเป็นสากล ผมว่าผู้จัดคงเห็นว่ามีพอๆ กัน ในหมากกระดานทั้งสองประเภท
แต่ปัจจัย อีกข้อ ใน คห 40 ก็บอกไว้อีกนะครับ ดังนี้
คำตอบที่ได้รับคือจะต้องออกค่าใช้จ่ายและจัดการเองทั้งหมด(ต้องเดินเรื่องทั้งหมดเองเลยนะครับ)
หน่วยงานใด ทำได้ ก็คงมีการจัดแข่งขึ้นมานะครับ |
โดย : ซึซึอิ [ 13/12/2005, 13:39:20 ] |
47
หากเพราะหมากรุกไทยยังไม่เป็นสากลจึงไม่บรรจุลงกีฬาแห่งชาติ
ได้โปรดนำหมากรุกสากลที่สุดแสนจะสากลมาใส่ก่อนเถิด
สำหรับกีฬามหาวิทยาลัยที่ช่วงหนึ่ง ตัดหมากรุกไทยหมารุกสากลหมากฮอสออก
มีแต่หมากล้อม...............แสดงว่า หมากล้อมเป็นสากลยิ่งกว่าหมากรุกสากลไปแล้วหรือ
(ถูกใจซึซึอิมากเลย)
น่าจะเจ็บสีข้างกันบ้างนะพระเดชพระคุณ
และหากการไม่บรรจุหมากรุกไทยลงในกีฬาแห่งชาติเพราะกลัวว่าจะหาคนแข่งไม่ได้ แล้วจะไปคาดหวังอะไรในซีเกมส์
ในเมื่อกีฬาพื้นบ้านของไทย แต่คนไทยไม่ให้ความใส่ใจกันขนาดนี้ คนชาติอื่นจะมาหลงไหลได้ปลื้มหรือ.. |
โดย : คนในมุ้ง [ 13/12/2005, 13:56:52 ] |
48
มีความเป็นไปได้ที่ หมากรุกสากล จะถูกบรรจุอยู่ใน กีฬาแห่งชาตินะครับ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับสมาคมหมากรุกสากล
หากผมมีเรื่องอันใด ที่ผมพอจะช่วยได้ก็ยินดี (ผมทิ้งเบอร์ไว้ให้แล้ว)
เพราะอยากเห็น คนเล่นหมากกระดานกันเยอะๆ
จะเป็นอะไรก็ตาม
ลองคิดดูนะ คนไทย มี 60 กว่าล้านคน
มีคนเล่นหมากกระดานกันอยู่สักเท่าไรเชียว (ต่อให้รวมหมากกระดานทั้งหมดเข้าด้วยกัน)
ผมยังเชื่อว่า ใครชอบหมากกระดานอะไร ก็เล่นกันไปเถอะ หมากอะไรก็มีข้อดีทั้งนั้น แต่อย่าหมกมุ่น
จนเสียงานการก็พอ
|
โดย : ซึซึอิ - Դ : 09-110-2828 [ 13/12/2005, 14:19:51 ] |
49
ซึซึอิขอเป็นกำลังใจให้กับสมาคมหมากรุกสากล
โอย ๆ ๆ เป็นลมดีกว่า |
โดย : จะเป็นลม [ 14/12/2005, 08:24:25 ] |
51
มิน่า ทำไมหมู่นี้ลมแรงผิดปกติ ที่แท้ก็มีคนเป็นลมบ่อยนี่เอง |
โดย : เทวดาจร [ 14/12/2005, 21:12:36 ] |
52
มีด้านดีหลายด้านให้มอง ลดอคติ ก็จะเห็นด้านดีของการได้เข้าไปแข่งขันในกีฬาระดับนานาชาติ
ฟุตบอลก็กำเนิดจากอังกฤษ แล้วถึงค่อยแพร่หลายไปทั่วโลก เทกวนโด
คาราเต้ก็เป็นอีกหลายตัวอย่างที่เข้าไปจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก อดีตไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ ไม่มีคนทำ
ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะทำไม่ได้ ไม่มีองค์กรเราก็สร้างองค์กร หมื่นลี้เริ่มที่ก้าวแรก |
โดย : ไทยเหนือ [ 15/12/2005, 20:18:33 ] |
53
ลองอ่านแล้วตีความกันดู
จากมติชนสุดสัปดาห์
วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1321
กีฬาพาที
อณิมาน
เจ้าภาพ-เจ้าเหรียญทอง รอ"ต้นตำรับ"ปฏิวัติซีเกมส์
ปิดฉากลงอย่างบริบูรณ์ไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์
ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
ท่ามกลางบรรยากาศอันร้อนระอุอันมีไทยเราเข้าไปเกี่ยวเนื่องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สืบเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ต่อผลการแข่งขันที่น่าเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ ชนิดกีฬา
นำมาซึ่งกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากนักการเมืองและสื่อมวลชนของฟิลิปปินส์
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการโหมกระพือให้รุนแรงขึ้นเมื่อสื่อท้องถิ่น* "ตีความ"*
และนำเสนอถ้อยคำที่ไม่รุนแรงขึ้นกว่าเก่า โดยเฉพาะการโปรยหัวข่าวโดยระบุอย่างจำเพาะเจาะจงว่า*
"นายกฯ ไทยกล่าวหาฟิลิปปินส์โกงซีเกมส์"*
แม้ว่าในเนื้อหาข่าวจะไม่มีถ้อยความใดชี้ชัดลงไปตามนั้นก็ตาม
ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
นักการเมืองของฟิลิปปินส์ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยขอโทษรัฐบาลฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
ก่อนที่สื่อจะยิ่งโหมกระพือข่าว
และมีกลุ่มม็อบจัดตั้งไปยืนประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงมะนิลา
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า
องค์ประกอบสำคัญของความขัดแย้งในครั้งนี้คือการดึงกีฬาเข้าไปเกี่ยวพันกับการเมืองถึงกว่าครึ่ง
เนื่องเพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีบุคคลระดับผู้นำรัฐบาลคนใดออกมาวิพากษ์วิจารณ์การแข่งขันกีฬาเช่นนี้เลย
อย่างไรก็ดี คำพูดตอนหนึ่งของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับ* "เจตนารมณ์"*
ที่เปลี่ยนไปของมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องในวงการกีฬาทั
้งภูมิภาคต่างไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน
จากประวัติศาสตร์การแข่งขันซีเกมส์ 23 ครั้งที่ผ่านมา ในช่วงต้น
ไทยเราจะผูกขาดตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาโดยตลอด กระทั่ง อินโดนีเซีย เข้าร่วมสหพันธ์ซีเกมส์
และร่วมแข่งขันครั้งแรกที่มาเลเซียในปี 2520
นับแต่นั้นขั้วอำนาจก็เปลี่ยนมือไปยังทัพนักกีฬาอิเหนาอย่างเกือบสมบูรณ์
จะเว้นเพียงครั้งเดียวคือครั้งที่ 13 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพและครองเจ้าเหรียญทองในปี 2528
รวมแล้วทั้งไทยและอินโดนีเซียต่างครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองกันฝ่ายละ 9 ครั้ง และมีพม่าแทรกแซงอยู่ 2
ครั้ง ส่วนที่เหลือ มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ได้ครองความยิ่งใหญ่ชาติละ 1 ครั้ง
แต่นับตั้งแต่ซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2538 เป็นต้นมา ทุกๆ
ประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ยกเว้นประเทศเล็กๆ อย่างบรูไนในซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ปี 2542
จะต้องครองตำแหน่ง* "เจ้าเหรียญทอง"* ทุกครั้ง!
ความได้เปรียบด้านสนามกับเสียงเชียร์อาจจะเป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่เพราะได้เป็น* "เจ้าภาพ"*
นี่เองที่ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด
เมื่อครั้ง* "เชียงใหม่เกมส์"*
ไทยเราอาศัยความเป็นเจ้าภาพสร้างข้อได้เปรียบเหนือชาติอื่นต่างๆ นานา อาทิ
การจัดโปรแกรมชิงเหรียญว่ายน้ำโดยเอารายการความหวังของคู่แข่งสำคัญอย่าง *โจเซลิน โยว*
เงือกสาวสิงคโปร์มาจัดติดๆ กัน เพื่อที่โยวจะได้ลงไม่ครบทุกรายการ หรือการจัดแข่งขันวิ่ง 4 คูณ 200 เมตร
ซึ่งไม่เคยปรากฏในมหกรรมกีฬาระดับสากล อีกทั้งการกวาดเหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น 12 รุ่น
ของไทยก็ยังคงทิ้งข้อกังขาในความรู้สึกของเพื่อนร่วมภูมิภาคหลายๆ แห่ง
อย่างไรก็ดี ซีเกมส์ในครั้งนั้นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นและ* "แรงบันดาลใจ"*
ให้กับเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งต่อๆ มาอย่างไม่ได้ตั้งใจไปทันที
เมื่อการแข่งขันเวียนไปจัดที่อินโดนีเซียอีกครั้งในอีก 2 ปีถัดมา
เจ้าภาพสามารถกอบโกยเหรียญทองเป็นประวัติกาลถึง 194 เหรียญด้วยกัน
พอซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่บรูไน
ไทยจึงประกาศศักดาขึ้นครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองนอกบ้านโดยเบียดแย่งกับมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นที่สนุก
สนาน (ไทย 64 มาเลเซีย 57 อินโดนีเซีย 44)
นับตั้งแต่นั้น ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 21-23 ตามลำดับ
ต่างคว้าเหรียญทองได้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองอย่างไร้คู่แข่ง
ท่ามกลางเสียงสะท้อนเรื่องคำตัดสินที่ไม่เป็นธรรมในหมู่ผู้ร่วมแข่งขันเป็นระยะๆ
**...ความเป็นไปดังกล่าวนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งวงในวงนอกว่า
เจตนารมณ์การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงทำให้มาตรฐานกีฬาซีเกมส์เปลี่ยนไปด้วย**
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณออกมา สื่อมวลชนหลายๆ ชาติ ไม่นับฟิลิปปินส์
จึงแสดงความคาดหวังว่า ถ้อยคำนี้อาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับมหกรรมกีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เหมือนกับที่โฆษกรัฐบาลแถลงไปก่อนหน้านี้ว่า ซีเกมส์ ครั้งที่ 24
ที่ประเทศไทยในปี พ.ศ.2550 จะเป็นซีเกมส์ที่บริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้
นั่นคือ "คำมั่น"
ที่ผู้ให้กำเนิดกีฬาซีเกมส์และต้นตำรับเจ้าภาพ-เจ้าเหรียญทองอย่างไทยเราต้องไม่ลืมเป็นอันขาด!!
หน้า 94 |
โดย : ลอกมา [ 16/12/2005, 11:09:43 ] |
54
สรุป ความเห็นที่ 53 คือ เห็นด้วยกับการมีหมากรุกไทย และหมากรุกสากลในซีเกมส์ 2 ปีข้างหน้า เพราะ
เป็นกีฬาที่บริสุทธิ์ยุติธรรมไม่มีการให้คะแนนในการตัดสิน |
โดย : เทวดาจร [ 16/12/2005, 21:08:29 ] |
55
จากความคิดเห็นที่ 53
มีความน่าสนใจหลายประการ และอาจโยงใยมาเกี่ยวข้องกับหมากรุกไทย
หัวเรื่องที่โปรยคือ เจ้าภาพ-เจ้าเหรียญทอง รอ"ต้นตำรับ"ปฏิวัติซีเกมส์
คำถามคือ ใครเป็นต้นตำรับ .. และ ปฏิวัติ อะไร ..
คำตอบอาจมองเห็นได้คร่าวๆ อย่างรวดเร็วจากหัวเรื่องที่โปรย
เมื่ออ่านจากเนื้อความก็จะพอสรุปได้ว่า การที่ประเทศเจ้าภาพ "ต้อง" เป็นเจ้าเหรียญทอง
กลายเป็น "เจตนารมณ์" ของประเทศที่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพไปแล้ว
เห็นได้จากการจัดซีเกมส์ครั้งท้ายๆ หลายครั้ง ที่ประเทศเจ้าภาพล้วนเป็นเจ้าเหรียญทองแบบหายห่วง
และประเทศที่ได้รับเกียรติให้เป็น "ต้นตำรับ" ก็คือ ประเทศไทย !!!
ก่อนที่จะแสดงออกซึ่งอารมณ์ ที่มาจากความพอใจหรือไม่พอใจ..
จากการที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย..
ลองอ่านและทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนว่า นี่คือการกล่าวหาใส่ความ..
หรือการตีแผ่ความจริง..
และเหมาะสมหรือไม่..
ผู้เขียนบทความนี้ สมควรได้รับการก่นประนามสุดๆ .. หรือขอบคุณและสดุดีอย่างสูงส่ง..
"เจตนารมณ์" จาก "ต้นตำรับ" นำไปสู่ "แรงบรรดาลใจ"
แก่ประเทศเจ้าภาพครั้งต่อๆ มา
เจตนาและความแน่วแน่อย่างรุนแรงที่จะเป็นเจ้าเหรียญทองเมื่อได้เป็นเจ้าภาพ
ซึ่งนอกจากเกียรติยศชื่อเสียงที่คาดว่าจะได้รับจากประเทศอื่น ๆ
แสดงถึงความสำเร็จและความเป็นเลิศเหนือกว่าประเทศใดในภูมิภาค
ยังเป็นการตอบสนองทำให้คนในชาติพอใจ ภูมิใจ และสุขใจ
อันอาจเป็นการแสดงออกของแนวคิดชาตินิยม(ที่ไม่น่าจะถูกต้องและยั่งยืน)
หากเจตนารมณ์ของซีเกมส์ที่ควรจะเป็นการส่งเสริมกีฬาและสร้างความสมานสามัคคีในกลุ่มประเทศภูมิภาคเดียวกัน
ต้องกลับกลายเป็นว่าเพื่อความเป็นเลิศของประเทศเจ้าภาพ
การจัดซีเกมส์แต่ละครั้งจึงน่าจะเท่ากับเพื่อส่งเสริมยกย่องและแสดงถึงความสำเร็จด้านกีฬาของประเทศเจ้าภาพ
......................ก่อนการแข่งขันจะเริ่มด้วยซ้ำ !!
เมื่อรอบของการเป็นเจ้าภาพวนกลับมายังประเทศไทย
ประเทศที่เป็น "ต้นตำรับ" แห่ง "เจตนารมณ์" อันนำไปสู่ "แรงบรรดาลใจ" (
แบบ "ทีใครทีมัน".. ) และถูกนำไปแสดงให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม (
ประเทศเจ้าภาพส่วนใหญ่สามารถปฏิบัติได้ตามเจตนารมณ์
.........เว้นแต่บรูไนที่ยังล้มเหลวและต้องปรับปรุงอีกมาก ! )
ก็เป็นที่จับตาว่า "ต้นตำรับ" จะยังคง "เจตนารมณ์" เดิมต่อไปหรือไม่..
นั่นคือการออกมารั้งให้ฉุกคิดของผู้เขียนบทความข้างต้น
อันเป็นการมองโดยเจตนาดีประกอบด้วยความรู้ในวงกว้าง
มิใช่โดยความรู้สึกชาตินิยมเพียงอย่างเดียว
และคาดหวังที่จะเห็นการ "ปฏิวัติ" โดยการยกเลิก "เจตนารมณ์" เดิมๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
และสำหรับหมากรุกไทย
การออกมาเปรยของบิ๊กวงการกีฬาที่จะนำกีฬาพื้นบ้านบรรจุในซีเกมส์ จึงเป็นที่กังขาว่าเพื่อสืบสาน
"เจตนารมณ์" เดิมของต้นตำรับ หรือไม่..
ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเหลียวแลกีฬาประเภทนี้เลย
ส่วนใหญ่เราจะคิดเพียงว่าหมากรุกไทยมี "คุณค่า" พอที่จะบรรจุลงแข่งในซีเกมส์
จะโดยเพราะเป็นกีฬาที่ชอบและคิดว่าเป็นพัฒนการอีกขั้นหนึ่ง หรือเพราะชาตินิยมก็ตามแต่
อยากให้มองมุมกลับว่าหากการแข่งซีเกมส์ มี "เจตนารมณ์" ที่สืบสาน "แรงบรรดาลใจ"
กันเช่นนี้แล้ว จะมี "คุณค่า" เพียงพอที่หมากรุกไทยจะเข้าไปข้องเกี่ยวหรือไม่..
การออกมาทักท้วงถึงการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมของกรรมการตัดสิน
โดยนายกรัฐมนตรีไทยต่อซีเกมส์ครั้งล่าสุดที่ฟิลิปปินน์ อันอาจกล่าวว่าเป็นการทุจริตระดับปฏิบัติ
ซึ่งจะทำให้ถูกจับตาเป็นพิเศษเมื่อเราต้องมาเป็นเจ้าภาพ
แต่เพื่อคง "เจตนารมณ์" ในฐานะ "ต้นตำรับ"
เราจึงเปลี่ยนเป็นการทุจริตระดับนโยบาย(หรือไม่) .. !!!!!!!
การนำกีฬาที่เพื่อนบ้านไม่คุ้นเคยเข้ามาแข่งขัน เป็นการประกันจำนวนเหรียญที่จะได้รับอย่างแน่นอน
เหตุผลความชอบธรรมก็หามาอ้างกันไป
เราคิดกันแง่ความยุติธรรมและความชอบธรรมเพียงใด..
กลายเป็นประหนึ่ง "หลักการอยู่เหนือเหตุผล"
หรือให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้นคือ "นโยบายอยู่เหนือเหตุผล"
เพื่อตอกย้ำ "เจตนารมณ์" ที่เรา "ได้รับเกียรติ" ให้เป็น "ต้นตำรับ" ..
หมากรุกไทยเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเพื่อคง "เจตนารมณ์" เท่านั้นหรือ..
ไม่ต่างจาก "วิ่ง 4x200 เมตร" ในซีเกมส์ครั้งจัดที่เชียงใหม่..
ไม่ต่างจาก "ไหว้ครูมวยไทย" ในอินเดอร์เกมส์ครั้งแรกที่เราเป็นเจ้าภาพ..
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เราคิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่หมากรุกไทยที่เรารักกันหรือไม่..
และหากเราคิดว่าประเภทกีฬาที่เราบรรจุเข้าไปมีคุณค่าพอ กระทั่งมองข้ามเหตุผลอื่นๆ ไปทั้งหมด
สมมุตินะ..สมมุติ
.......ที่ฟิลิปปินส์ มีการประกวดร้องเพลงสากล ก็มีชาติต่างๆ เข้าร่วมกันแข่งขันหลายประเทศ
แต่ประเทศไทยไม่ส่ง
.......พอถึงเวลาที่เราเป็นเจ้าภาพ เราก็จะให้มีการแข่งขันประกวดร้องเพลงไทย..
เราบอกว่าเพลงไทยนี้ดีมีคุณค่า มีสุนทรรียภาพทางภาษา มีความผสมกลมกลืนกันอย่างไพเราะ ฯลฯ
เราคิดกันไหมว่าชาติเพื่อนบ้านเราจะคิดอย่างไร..
การร้องเพลงในภาษาที่เขาไม่เข้าใจความหมาย ไม่เคยรู้ถึงท่วงทำนอง ไม่รู้ถึงข้อกำหนดใดๆเลย
.....อาจกระทั่งไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ !!
นึกภาพดูแล้ว .....ไม่จืดจริง ๆ
และซีเกมส์ครั้งถัดไปอีก หากประเทศลาวที่ป็นเจ้าภาพและมี "แรงบรรดาลใจ" ที่จะคง
"เจตนารมณ์" ของ "ต้นตำรับ" แล้วเราต้องไปแข่งประกวดร้องเพลงลาวล่ะ..
และโดยการสมมุติอีกเช่นกัน..ย้ำว่าสมมุติ
หากให้มีการแข่งประกวดร้องเพลงไทยในระดับภูมิภาคได้แล้ว
ต่อไปหากในระดับเดียวกันจะให้มีแข่ง หมอลำ หรือลิเก เพิ่มเติม ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่ที่สุดแล้ว หากจะให้ "หลักการอยู่เหนือเหตุผล" จริงๆ แล้ว
ขอให้คาดผลที่จะตามมาในที่สุดกันให้มากๆ
และสำรวจดูถึง . . . . .
+ ความพร้อมและคำถามจากชาติอื่นๆ ..
+ ความพร้อมของเราเอง..
+ เราเข้าใจสภาพของกีฬานี้กันเพียงใด
บางทีเราอาจจะได้คำตอบว่า จะส่งเสริมและพัฒนากีฬาหมากรุกไทย (ถึงบรรทัดนี้ น้ำตาร่วงไปหลายแหมะ)
ไปในทิศทางใด..
ควรจะผูกติดหรือคาดหวังกับกีฬาภูมิภาคที่ 2 ปีจัดครั้ง..
และเราไม่ได้เป็นเจ้าภาพทุกครั้งหรือไม่..
แค่หากเราไม่ต้องการให้ได้ชื่อว่าเอาเปรียบโดยการเข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมของชาติเพื่อนบ้าน ...
ก็จะแสดงความไม่พร้อมของเราเองให้ปรากฏ
|
โดย : คนในมุ้ง [ 17/12/2005, 16:06:34 ] |
56
ไม่เห็นด้วยกับการนำการร้องเพลงมาเปรียบเทียบอ่ะ เพราะมันไม่ใช่กีฬา
แล้วมันก้อเป็นการให้คะแนนจากกรรมการไม่ใช่เหรอ ไม่เข้าท่าครับ |
โดย : KU55 [ 18/12/2005, 01:30:30 ] |
57
ไม่อยากให้มองด้านเดียวว่าการจัดแข่งกีฬาพื้นบ้านเป็นการงกเหรียญ
เพราะอีกด้านหนึ่งที่มีคือเจตนาในการเผยแพร่กีฬาที่ตัวเองรักยังมีอยู่
ยกตัวอย่างให้เห็นนะครับ เช่น
ระดับสูงวงการกีฬาของไทยไม่เคยมาเหลียวแลกีฬาที่ไม่ใช่กีฬาสากล
แต่นายกสมาคมกีฬาไทยฯ(ดูแลหมากรุกไทยด้วย)อยากผลักดันหมากรุกไทยเข้าสู่ซีเกมส์
เจตนาหลักของฝ่ายหลังไม่ใช่เหรียญนะครับแต่ต้องการให้กีฬาที่ตนเองรักมีคนเล่นมากขึ้นและอยู่สืบต่อไปอย่า
งถาวร
เพราะฝ่ายหลังรู้ว่าการบรรจุในซีเกมส์จะทำให้คนหันมานิยมเล่นมากขึ้น
ภาพพจน์ของผู้เล่นหมากรุกไทยจะดีมากขึ้น
ผู้บริหารระดับวงการกีฬาจะมาใส่ใจและจัดงบประมาณให้มากขึ้น
อิทธิพลของกีฬาระดับสากลมีผลต่อผู้ที่จะหันมาเล่นมากนะครับ
ลองคิดเล่นๆดูว่าถ้าหมากรุกสากลถูกบรรจุเข้าซีเกมส์อย่างถาวร
ก็จะมีแข่งขันในกีฬาแห่งชาติอย่างถาวรตามไปด้วย
ก็จะมีแข่งระดับเขตเพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งอีก
ในที่สุดก็จะมีกระดานหมากรุกสากลไปตั้งข้างๆกระดานหมากรุกไทยแทบทุกซุ้มหมากรุกในเวลาที่รวดเร็วมาก
ไม่ช้าผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะเล่นเป็นทั้งไทยและสากล
แต่ผู้เล่นรุ่นใหม่ๆจะเน้นเล่นหมากรุกสากลมากกว่าแน่นอน
แล้วที่สุดเมื่อเนิ่นนานไป
หมากรุกไทยจะเป็นเช่นเดียวกับ สกา
ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่รู้จักชื่อและยังอยู่ในความรับผิดชอบของสมาคมกีฬาไทยฯ
แต่ไม่มีเล่นจริงๆให้เห็นอีกแล้วในปัจจุบัน |
โดย : กิ้ม [ 18/12/2005, 08:58:18 ] |
58
เห็นด้วยกับกิ้มและ KU55 หมากรุกไทยเป็นกีฬา ส่วนการร้องเพลงไม่ใช่
การเขียนของคุณคนในมุ้งถ้าอ่านดูผิวเผินภาษาจะสละสรวย
แต่ถ้าพิจารณาในแง่หลักการใช้เหตุและผลถือว่าใช้หลักเหตุและผลผิด ตัวอย่างเช่น "
หมากรุกไทยเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเพื่อคง "เจตนารมณ์" เท่านั้นหรือ..
ไม่ต่างจาก "วิ่ง 4x200 เมตร" ในซีเกมส์ครั้งจัดที่เชียงใหม่..
ไม่ต่างจาก "ไหว้ครูมวยไทย" ในอินเดอร์เกมส์ครั้งแรกที่เราเป็นเจ้าภาพ..
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เราคิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่หมากรุกไทยที่เรารักกันหรือไม่.."
ในการใช้เหตุผลอย่างนี้ถือว่าผิด เพราะ ถ้าหมากรุกไทยเป็นเครื่องมือเพื่อคงเจตนารมภ็ ไม่ต่างจากวิ่ง
4X200 เมตรแล้วจะเกิดความเสียหายกับกีฬาหมากรุกไทย ซึ่งไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน
หมากรุกไทยเสียหายไม่ได้เกิดจากการได้เป็นเครื่องมือเพื่อคงเจตนารมภ์
การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นควรที่จะใช้หลักการและเหตุผลที่ถูกต้อง
และควรที่จะมองหลายๆมุมที่คนอื่นเขามอง เปิดโลกทรรศน์ให้กว้างๆครับ สังคมจะได้น่าอยู่
|
โดย : ไทยเหนือ [ 18/12/2005, 16:37:13 ] |
59
ชาติสมาชิกที่เป็นเจ้าภาพ ก็ได้รับสิทธิในการประชาสัมพันธ์กีฬาพื้นบ้านตนอยู่แล้ว
ไม่ใช่เรืองน่าเกลียดอะไร ถ้าได้รับสิทธิในเรื่องนี้แต่ไม่ยอมใช้ก็น่าเสียดาย ถ้าเวียดนาม
มีหมากรุกเวียดนาม อินโดนีเซีย มีหมากรุกอินโดนีเซีย มาเลเซียมี หมากรุกมาเลเซีย
พอเป็นเจ้าภาพแล้วบรรจุลงไปใน กีฬาซีเกมส์ ผมก็ว่าดีน่ะ จะได้มีความรู้กว้างขวางขึ้น
ผมก็อยากเล่นหมากรุกลาว หมากรุกมาเลเซีย หมากรุกอินโดนีเซียเป็น แต่เสียดายที่ชาติเหล่านี้ไม่มี
หมากรุกประจำชาติ |
โดย : เทวดาจร [ 19/12/2005, 10:40:41 ] |
60
มองในแง่ความเป็นสากล
จริงๆแล้ว ผมเห็นว่า หมากรุกไทย (Mak Ruk ที่ชาวต่างชาติรู้จัก)
นั้น มีความเป็นสากล ไม่แพ้ Chess เลยทีเดียว
เพราะ รูปลักษณะของตัวหมาก ที่เป็นแบบสัญลักษณ์
ต่างจาก โชกิ หรือหมากรุกจีน ที่ใช้ตัวหนังสือ แทนตัวหมาก
ดังนั้น ชาติใดๆ ก็สามารถหัดเล่นหมากรุกไทยได้ โดยไม่ต้องเรียนภาษาไทยเลย
อีกทั้งกติกาการเดิน เบื้องต้นก็คล้ายคลึงกับ Chess อยู่แล้ว
ดังนั้น การยกระดับมากรุกไทย ซึ่งถือเป็นกีฬาพื้นบ้าน
ให้ก้าวสู่สากล น่าจะมีโอกาสเป็นที่ยอมรับสูงครับ
ส่วนประเด็น เรื่องการนำเข้ามาเพื่อหวังโกยเหรียญทอง
เป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง
ต้องพยายามอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจให้ถูกต้อง
อาจมีบางส่วน เข้าใจผิด ออกมาบริภาษ กันบ้าง
ก็ขอให้คนทำงานอย่าท้อถอยนะครับ
|
โดย : ซึซึอิ [ 19/12/2005, 11:35:16 ] |
61
หมากรุกไทยยังคงถูกมองว่าเป็นเกมการพนันมากกว่าเป็นเกมกีฬา
การรีบนำเข้าไปแข่งซีเกมส์นั้นผมว่ายังเร็วไป แต่หากเราช่วยกันวางรากฐานค่อยๆ
พัฒนาให้เป็นระบบมากกว่านี้ ถึงมันจะช้าไปบ้าง
แต่ผมว่าในระยะยาวหมากรุกไทยของเราคงเป็นที่ยอมรับของนานาชาติได้ และอย่ามองว่าคนที่มองต่างมุมจากท่าน
เป็นฝ่ายที่ไม่เข้าท่า เหรียญยังมีสองด้านน่ะครับ |
โดย : กชกรพรพรรณ [ 20/12/2005, 02:04:33 ] |
62
เป็นเรื่องที่ผมยากที่ทำใจ เมื่อเห็นวูซู
ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบร่ายรำ(ยุทธลีลา)ได้รับการยอมรับจากคนไทยว่ามีแข่งได้
แต่เมื่อการไหว้ครูมวยไทยมีแข่งนั้น.....
คห2
"หากยัดหมากรุกไทยใส่ในซีเกมส์
เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ
ไม่น้อยกว่าไหว้ครูมวยไทยในอินดอร์เกมส์เลย"
ทั้งที่การไหว้ครูมวยไทยนั้นเป็นการผสานของการต่อสู้และนาฎศิลป์ของไทยและยังมีโยคะผสานเข้าไปอีก
แถมระหว่างรำต้องใช้สมาธิสูงมากด้วย
เรียกว่ามีคุณประโยชน์ด้านสุขภาพหลากหลายมากกว่ากีฬาหลายประเภทอีก
เพราะเหตุใดเราจึงรีบต่อต้านกีฬาของเราเอง
ทั้งที่เรายังรู้จักกีฬาของเราไม่ดีพอด้วยซ้ำ
ทั้งที่กีฬาเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลและอำนาจในการเผยแพร่วัฒนธรรมยิ่งกว่าการประชาสัมพันธ์ใดๆเสียอีก
รัฐบาลต้องเสียงบประมาณให้กรมศิลปฯในการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆไว้มากมายแต่ละปี
แต่ทำได้แค่เพียงให้รู้ว่าเราเคยมีศิลปะวัฒนธรรมเหล่านี้อยู่เท่านั้น |
โดย : กิ้ม [ 21/12/2005, 08:47:12 ] |
63
จากความเห็นแรกๆ ประเทศแถบนี้หลายประเทศมีหมากรุกที่กติกาเหมือนหมากรุกไทย
เพราะงั้นเอาเข้าจริงๆแน่ใจหรือว่าไทยจะได้เปรียบ กีฬานี้มันโกงกันยากด้วยนะครับ
จริงสิ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ไม่จัดกีฬานี้ เพราะมันไม่แน่ว่าจะใช้โกยเหรียญได้ |
โดย : _Opera_ [ 21/12/2005, 11:14:01 ] |
64
จุดประสงค์ไม่ใช่โกยเหรียญครับ แต่เพื่อการพัฒนาของวงการหมากรุกต่างหาก ถ้าคิดจะโกยเหรียญ
แค่คิดก้อผิดแล้วครับท่าน |
โดย : KU55 [ 21/12/2005, 21:21:58 ] |
65
เพิ่มเติมให้ คห.26 ตะกร้อคิงส์คัพปีนี้ คู่ชิง กลายเป็น ไทย Vs ญี่ปุ่นครับ |
โดย : MrDrunk [ 22/12/2005, 15:31:46 ] |
66
ก๊อปมาจาก ความคิดเห็นที่ : 31
ตะกร้อข้ามตาข่ายนั้นเดิมเป็นกีฬาพื้นบ้านครับ
มาเลย์เป็นผู้เสนอให้แข่งก่อน จึงได้นามเซปัคนำหน้าตะกร้อ
พม่าไม่เกี่ยว เพิ่งมาแข่งกะเขาทีหลัง
ฟิลิบปินส์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เคยติดอันดับกะเขาปล่าว ความนิยมเล่นไม่มีแน่ๆ
ทำไมรังเกียจกีฬาพื้นบ้านนักละครับ
ชาตินิยมในเรื่องดีๆผิดตรงไหนหรือ
ขอก๊อปข้อมูลบางส่วนมาจาก http://www.takrawthai.com/history/takraw/evo.htm
- - ปี พ.ศ. 2502 ได้มีการจัดกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร
และในการจัดการแข่งขันครั้งนั้นมีคณะนักตะกร้อพม่ามาแสดงตะกร้อพลิกแพลงตามแบบของพม่าให้คนไทยได้ชมกัน
ต่อมาเมื่อถึงกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2504 ประเทศพม่าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
ได้เชิญคณะนักตะกร้อไทยไปแสดงการเตะตะกร้อประเภทต่างๆเริ่มด้วยการเตะตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อข้ามตาข่าย
ตะกร้อพลิกแพลง และตะกร้อวง ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวพม่าเป็นอันมาก โดยเฉพาะตะกร้อข้ามตาข่าย
เมื่อกีฬาตะกร้อเริ่มแพร่หลายและเป็นที่สนใจของต่างประเทศมากขึ้น
ประเทศไทยและพม่าจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือเพื่อกำหนดกติกา และระเบียบการต่างๆ
ทั้งส่วนที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ทั้งนี้เพื่อให้มีการบรรจุกีฬาตะกร้อเข้าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งต่อไป
ดังนั้นในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จึงได้บรรจุกีฬาตะกร้อเข้าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งโดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3
ประเภทคือ ประเภทตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง และตะกร้อข้ามตาข่าย
ต่อมาประเทศมาลาเชีย ได้เข้าร่วมประชุมในการตั้งกฎเกณฑ์กติกา การแข่งขันกีฬาตะกร้อด้วย
โดยผสมผสานตะกร้อข้ามตาข่ายไทยกับมาเลเซียเข้าด้วยกัน
กลายเป็นกฎระเบียนกติกาการแข่งขันกีฬาตะกร้อประเภทใหม่ เรียกว่า เซปัก-ตะกร้อ (Sepak Takraw)
ซึ่งมีคำว่า เซปัก (Sepak) เป็นภาษามาเลเซีย และคำว่า ตะกร้อ (Takraw) เป็นภาษาไทยได้เริ่มการแข่งขัน
เซปัก-ตะกร้อ ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เป็นครั้งแรก
และมีการแข่งขันเซปักตะกร้อในกีฬาแหลมทองครั้งต่อๆไป ทุกครั้งจนถึงปัจจุบันนี้ - -
ไม่ว่าอ่านอย่างไร ก็ไม่เห็นว่าประเทศที่เริ่มคือมาเลย์เซียเลย
และที่ว่าพม่าไม่เกี่ยวนั้น ความจริงดูเหมือนพม่าไม่ใช่จะไม่เกี่ยวแต่มาก่อนมาเลย์หลายปี |
โดย : ก๊อปมา [ 22/12/2005, 17:46:55 ] |
67
ต่อ ความคิดเห็นที่ : 65
เพิ่มเติมให้ คห.26 ตะกร้อคิงส์คัพปีนี้ คู่ชิง กลายเป็น ไทย Vs ญี่ปุ่นครับ
ข่าวจริงคือ ไทยตัดเชือกกับญี่ปุ่น ที่พลิกล๊อคชนะเวียตนาม ไทยชนะเข้าไปชิงกับมาเลย์เซีย
ชิงชัยเหรียญทองในคิงส์คัพ (เฉพาะชาย)
ประเภททีม ไทยชนะมาเลเซีย 2 ทีมรวด
ประเภทตะกร้อคู่ทีมชาย (D.1) ไทยเอ ชนะไทยบี
ประเภทตะกร้อคู่ทีมชาย (D.2) เกาหลีใต้เอ ชนะเกาหลีใต้บี
ตะกร้อลอดห่วงสากล ทีมไทยชนะแชมป์ซีเกมส์(23) เมียนม่าร์ |
โดย : ก๊อปมา [ 22/12/2005, 18:08:04 ] |
68
ความเห็นที่๖๖ ครับ
เรื่องทีผมเล่ามาจากกรรมการสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ระดับอาวุโสท่านหนึ่ง(อายุท่าน ๘๐ปีแล้ว)
ซึ่งอาจไม่เหมือนกับบทความดังกล่าวในหลายจุด
แต่อย่างไรก็มาจากปากคำของคนในกลุ่มคณะผู้ผลักดันตะกร้อไทยเข้าสู่ซีเกมส์ตั้งแต่เริ่มแรก
(สมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทยเกิดขึ้นมาภายหลังนะครับ)
ผมคงต้องคุยกับท่านเรื่องนี้ในคราวหน้าที่เจอแน่ครับ เพราะสงสัยเหมือนกันว่าพม่าหายไปไหน
ถึงมีชื่อแค่เซปัค-ตะกร้อ ไม่มีชื่อพม่ามาปรากฎอยู่ด้วย |
โดย : กิ้ม [ 23/12/2005, 17:14:37 ] |
69
อ่านมากๆได้ความรู้ดีครับ
อ่านจากเวปของสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทยซึ่งรับผิดชอบโดยตรงบ้างดีกว่าปฐมเหตุแห่งการบรรจุเข้าสู่กีฬาระดั
บชาติ
ข้อความในเวปบางเวปทำโดยผู้จัดทำเอง อาจใส่ข้อมูลความเห็นส่วนตัวลงไป
ข้อมูลดีๆยิ่งอ่านยิ่งได้ความรู้ครับ
อ่านบทความในอินเตอร์เน็ทก็เหมือนอ่านหนังสือพิมพ์
ไม่อ่านก็จะโง่ แต่ถ้าเชื่อหมดก็จะแย่เหมือนกัน
จาก เวปของสมาคมตะกร้อฯhttp://www.takrawthai.com/history/takraw/his_takraw.htm
ปฐมเหตุแห่งการบรรจุเข้าสู่กีฬาระดับชาติ
ระหว่างเดือน มีนาคม เมษายน 2508 สมาคมกีฬาไทยฯ ได้จัดงานเทศกาลกีฬาไทย
โดยมีการแข่งขันว่าว,กระบี่กระบอง และตะกร้อ ณ.ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ซึ่งในปีนั้น สมาคมกีฬาตะกร้อ
จากปีนังประเทศมาเลเซีย ได้นำวิธีการเล่นตะกร้อของมาเลเซีย คือ เซปัก โบลา จาริง
มาเผยแพร่ให้คนไทยรู้จักในเชิงเชื่อสัมพันธ์ไมตรี และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกติกาของไทยด้วย
สมาคมกีฬาไทย ฯ ได้จัดให้มีการแข่งขันสาธิตตะกร้อของทั้งสองประเทศ ระหว่างไทยกับมาเลเซียขึ้น
โดยผลัดกันเล่นตามกติกาของมาเลเซีย 1 วัน , เล่นแบบกติกาของไทย 1 วัน
กติกาของไทยสมัยก่อน เรียกว่า ตะกร้อข้ามตาข่าย มีฝ่ายละ 3 คน เรียกว่า มือหนึ่ง มือสอง- มือสาม
สนามแข่งขันกันอยู่ในปัจจุบัน โดยคะแนนจบเกมที่ 15 แต้ม และเปลี่ยนแปลงมาเป็น 21 แต้ม ในปัจจุบัน
การสาธิตระหว่างไทย กับ มาเลเซีย
วันแรก เล่นกติกาของไทย ปรากฏว่า ไทย ชนะด้วยคะแนน 21 ต่อ 0
นักกีฬาตะกร้อไทย ประกอบด้วย
1. จ.ส.ต. เจริญ ศรีจามร (เสียชีวิตแล้ว)
2. ร.อ. จำเนียร แสงสม (เสียชีวิตแล้ว)
3. นายชาญ ธรรมวงษ์ (เสียชีวิตแล้ว)
วันที่สอง เล่นกติกาของมาเลเซีย ปรากฏว่า มาเลเซีย ชนะด้วยคะแนน 15 ต่อ 1
นักกีฬาตะกร้อไทย ประกอบด้วย
1. ส.อ. สวัลย์ วงศ์พิพัฒน์ (เสียชีวิตแล้ว)
2. นายประเสริฐ นิ่มงามศรี (เสียชีวิตแล้ว)
3. นายสำเริง หวังวิชา (ยังมีชีวิต)
เมื่อผลการสาธิตหรือทดสอบออกมารูปนี้ แสดงให้เห็นว่าต่างฝ่ายก็ถนัดหรือมีความสามารถในกติกาของตน
จึงได้มีการพิจารณาร่วมกันกำหนดกติกาการเล่นตะกร้อขึ้นใหม่
เพื่อจะได้บรรจุเข้าเข่งขันในกีฬาเซียพเกมส์ต่อไป
ข้อตกลงมีว่าวิธีการเล่นและรูปแบบของสนามแข่งขัน ให้ถือเอารูปแบบของมาเลเซีย ส่วนอุปกรณ์การแข่งขัน
(ลูกตะกร้อ เน็ต) และขนาดความสูงของเน็ต ให้ถือเอารูปแบบของไทย และได้ตั้งชื่อกีฬานี้ว่า เซปัก
ตะกร้อ เป็นภาษาของ 2 ชาติรวมกัน กล่าวคือ คำว่า เซปัก เป็นภาษามาเลเซีย แปลว่า เตะ
คำว่าตะกร้อเป็นภาษาไทย
กีฬาเซปักตะกร้อ ได้บรรจุเข้าแข่งขันในเซียพเกมส์ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2508 ปรากฏว่าทีมไทย แพ้มาเลเซีย
อย่างราบคาบ (แพ้ทั้ง 3 ทีม)
สังเกตนะครับเขาบอก
"กีฬาเซปักตะกร้อ ได้บรรจุเข้าแข่งขันในเซียพเกมส์ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2508 " |
โดย : กิ้ม [ 23/12/2005, 17:34:19 ] |
70
555 จะเชื่ออะไรดีเนี่ย
เพราะทั้ง ๒ บทความมาจากเวปเดียวกันเลย แต่อยู่คนละหน้า
เออ เอาเป็นว่าต้องค้นหาความจริงต่อไป อิอิ |
โดย : กิ้ม [ 23/12/2005, 17:44:29 ] |
71
ประดาความจริงที่กอร์ปโดยข้อมูลและสถิตินานาในเรื่องการแข่งขันตะกร้อนั้น
ล้วนมีการบันทึกแลถูกเก็บไว้แล้ว อยู่ที่จักค้นหาเยี่ยงไรแลจักนำข้อมูลใดมากล่าวอ้าง
จึงนำมาเพิ่มเติมเพื่อความแตกฉานยิ่งขึ้น
****************************
ประวัติการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๑ - ๒๐
ครั้งที่ ๑ กีฬาแหลมทอง ( ซีเกมส์ ) จัดขึ้นครั้งแรกในระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๒
ได้ทำพิธีเปิดที่สนามกีฬาแห่งชาติ พระบาท - สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯมีพระ - ราชดำรัสกล่าวเปิดการแข่งขัน โดยมีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ๖
ประเทศ คือ พม่า ลาว ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด ๖๕๓ คน
เป็นนักกีฬาชาย ๔๘๐ คน นักกีฬาหญิง ๓๘ คน และเจ้าหน้าที่ ๑๓๕ คน มีการแข่งขัน ๑๒ ชนิดกีฬา คือ กรีฑา
แบดมินตัน บาสเกตบอล มวยสากล จักรยาน ฟุตบอล เทนนิส ยิงปืน ว่ายน้ำ เทเบิล - เทนนิส วอลเลย์บอล
ยกน้ำหนัก สำหรับประเทศไทย ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด ๑๙๔ คน แบ่งเป็นชาย ๑๑๕
คน หญิง ๒๑ คน เจ้าหน้าที่ ๑๘ คน
ครั้งที่ ๒ กีฬาแหลมทองครั้งที่ ๒ ประเทศพม่าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๖
ธันวาคม ๒๕๐๔ มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ๗ ประเทศ คือ สิงคโปร์ ลาว ไทย เวียดนาม พม่า มาเลเซีย
และกัมพูชา มีชนิดกีฬาที่ทำการแข่งขัน ๑๓ ประเภท คือ กรีฑา แบดมินตัน บาสเกตบอล มวยสากล จักรยาน ฟุตบอล
เทนนิส ยิงปืน ว่ายน้ำ เทเบิล - เทนนิส วอลเลย์บอล ยกน้ำหนัก และเรือใบ มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด
๘๒๑ คน เป็นนักกีฬาชาย ๕๖๔ คน นักกีฬาหญิง ๕๙ คน และเจ้าหน้าที่ ๑๙๘ คน สำหรับประเทศไทย
ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด ๑๔๐ คน แบ่งเป็นชาย ๑๑๙ คน หญิง ๒๑ คน เจ้าหน้าที่ไม่มีข้อมูล
ครั้งที่ ๓ กีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๓ ประเทศกัมพูชา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในปี ๒๕๐๖
แต่เมื่อถึงกำหนด กัมพูชาไม่สามารถจัดการแข่งขันได้
เนื่องจากระยะนั้นเขมรได้ตัดสัมพันธ์ไมตรีกับไทยกรณีพิพาทเรื่องเขาพระวิหารกับไทย
ซึ่งกัมพูชาเห็นว่าประเทศไทยเป็นเจ้าของกีฬาแหลมทอง จึงไม่ยอมจัดการแข่งขันตามกำหนด
การแข่งขันกีฬาแหลมทองจึงต้องเลื่อนออกมาจัดใน ปี ๒๕๐๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๘ การแข่งขันกีฬาแหลมทอง ประเทศมาเลเซีย
มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ๗ ประเทศ คือ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา ไทย สิงคโปร์ และ มาเลเซีย
มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด ๑ , ๓๑๐ คน เป็นนักกีฬาชาย ๗๓๗ คน นักกีฬาหญิง ๒๑๖ คน และเจ้าหน้าที่
๓๕๗ คน มี ๑๔ ประเภทกีฬา คือ กรีฑา แบดมินตัน บาสเกตบอล มวยสากล จักรยาน ยูโด เทนนิส ยิงปืน
เซปัคตะกร้อ ว่ายน้ำ เทเบิลเทนนิส วอลเลย์บอล ฟุตบอล และ ยกน้ำหนัก
****************************
เปนเพียงส่วนหนึ่งนำมาจาก
http://www.mots.go.th/phitsanulok/sport.htm#1
อยากให้ค้นเปนการเพิ่มเติมว่าเหตุใดไหว้ครูมวยไทยในอินดอรเกมส์จึงถูกวิจารณ์ว่าเปนการยัดเยียด
ทั้งที่ในซีเกมส์ก็มีแข่งเฉกกัน แต่กระแสการวิจารณ์กลับเบาบางยิ่งกว่านัก
แลเหตุใดการส่งเสริมกีฬาที่มีลักษณะเปนการประกวด มิต่างจากเพาะกาย ลีลาศ แลร้องเพลงไทยนี้
จึงมีผู้สรุปว่าที่ผ่านมาเปนวิธีการอันมิควรยิ่งนัก |
โดย : คนหมากรุกฯ [ 24/12/2005, 10:43:26 ] |
72
วันนี้ได้พบกับท่านอาจารย์อาวุโสของสมาคมกีฬาไทยฯ ผมยังได้ถามเรื่องตะกร้อนี้อีก
ท่านยืนยันว่าไทยและมาเลย์ร่วมกันผลักดันจริง
ส่วนพม่าขณะนั้นท่านกล่าวว่ายังเล่นตะกร้อข้ามตาข่ายยังไม่เป็นครับ
|
โดย : กิ้ม [ 24/12/2005, 23:12:01 ] |
73
เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดนะครับว่าข้อมูลหรือบทความจากเวปนั้นบางทีก็มั่วได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ที่สำคัญ ๒ บทความที่ขัดแย้งกันอยู่ในเวปเดียวกันเลย
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเวปของสมาคมเสียอีก |
โดย : กิ้ม [ 24/12/2005, 23:24:56 ] |
74
ข้อมูลนี้น่าจะยืนยันบางอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น
ครั้งที่ ๕ กีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๕ ประเทศพม่าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ที่เมืองร่างกุ้ง
ในระหว่างวันที่ ๖ - ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๒ มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ๙๒๐คน ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมี ๖
ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว ไทย และพม่า ส่วนกัมพูชาขอถอนตัว มีกีฬาที่ทำการแข่งขัน ๑๕
ประเภทคือ กรีฑา แบดมินตัน บาสเกตบอล มวยสากล จักรยาน ฟุตบอล ยูโด เทนนิส ยิงปืน ว่ายน้ำ เทเบิลเทนนิส
วอลเลย์บอล ยกน้ำ - หนัก เรือใบ และยิมนาสติก
สังเกตได้ว่าพม่ามิได้บรรจุกีฬาเซปัคตะกร้อลงไปเมื่อตนเป็นเจ้าภาพ |
โดย : กิ้ม [ 24/12/2005, 23:31:49 ] |
75
เอาง่ายๆเลยนะครับ
ประเทศไทยส่งตัวแทนไปแข่งเกมออนไลน์ระดับโลก และได้แชมป์มาหลายงานแล้ว
เด็กไทยก็เล่นเกมออนไลน์กันเต็มบ้านเต็มเมือง ผมอยากถามว่า
เกมออนไลน์น่าสนับสนุนในระดับนานาชาติมากกว่าหมากกระดานหรือไม่ |
โดย : นายใจวิ่ง [ 25/12/2005, 00:54:28 ] |
76
เกมออนไลน์ ไม่ใช่กีฬานะน้อง |
โดย : KU55 [ 25/12/2005, 01:01:13 ] |
78
อ่านกระทู้นี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ากิ้มนี่มั่วสุดขีด
ไม่รู้จริง ไม่รู้จักค้นคว้า จับใจความไม่ได้ ทำให้สรุปไม่เป็น
ชาตินิยมแบบผิดๆ
และใช้สีข้างมากกว่าสมอง
การเตะลูกหวาย มีอยู่ 4-5ชาติที่เล่น รูปแบบต่างกัน
พม่าก็มีเล่น แต่รูปแบบแตกต่างออกไป ส่วนใหญ่(น่าจะทั้งหมดด้วยซ้ำ)ไม่ใช้สนาม หรือกำหนดรูปแบบ เช่นขนาดหรือเส้นต่างๆ
แต่ไม่มีแบบใช้ตาข่ายเป็นอุปกรณ์ประกอบ ในครั้งแรกๆ ครั้งแรกที่บรรจุแข่งในซีเกมส์
ก็เป็นแบบผสมผสานกับของไทย ซึ่งไม่มีแบบที่มีตาข่าย
มาเลเซียกับไทย ก็มีการเล่นตะกร้อในลักษณะต่างๆ ที่คล้ายกันคือแบบมีตาข่ายกั้น
และกำหนดขนาดของสนามชัดเจน ก็เรียกกันง่ายๆ ให้เข้าใจว่า ตะกร้อข้ามตาข่าย
อันเป็นต้นแบบของกีฬาตะกร้อที่ถูกบรรจุใส่ในซีเกมส์ต่อมา
ชื่อกีฬานี้จึงเป็นการผสมระหว่างภาษามาเลเซียกับไทยที่เดิมมีการเล่นแบบเตะข้ามตาข่ายอยู่แล้วแต่พม่าไม่ม
ี
ส่วนเกมออนไลน์มีหลายรูปแบบ มีหลายร้อยหลายพันเกม ไม่ต้องมีแข่งชิงแชมป์อะไร
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็เล่นอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ที่เล่นก็ไม่รู้หรอกว่ามีชิงแชมป์หรือไม่ชิงแชมป์อะไร
เหมือนกับจะสรุปว่าเพราะมีการประกวดนางงามระดับโลก จึงทำให้ผู้หญิงไทยแต่งตัวแต่งหน้าให้สวยงาม
ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย |
โดย : ก๊อปมา [ 25/12/2005, 07:42:20 ] |
79
จากคห.๗๒ นะครับ
"ส่วนพม่าขณะนั้นท่านกล่าวว่ายังเล่นตะกร้อข้ามตาข่ายยังไม่เป็นครับ"
ตะกร้อข้ามตาข่ายนะครับ อ่านให้ชัดๆ
และจากคห ๗๘
"อ่านกระทู้นี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ากิ้มนี่มั่วสุดขีด
ไม่รู้จริง ไม่รู้จักค้นคว้า จับใจความไม่ได้ ทำให้สรุปไม่เป็น
ชาตินิยมแบบผิดๆ
และใช้สีข้างมากกว่าสมอง"
แต่คห.๖๖ ของท่านก็อปมานี่นำเสนอข้อมูลผิดๆมหาศาล
ส่วนผมก็นำเสนอข้อมูลจากทั้งเอกสารและบุคคล
แล้วมั่วตรงไหน ไม่รู้จักค้นคว้าตรงไหน
และจับใจความไม่ได้ตรงไหน หุๆๆๆ
ถ้อยคำของท่านใช้เบาๆหน่อยก็ได้ครับ คนในเวปด้วยกัน
อย่านึกว่าในเวปใช้นามแฝงไม่มีใครเห็น เผื่อลูกท่านที่บ้านมันเห็นเข้าจะนึกยังไง
ก็ว่ากันไปครับ
ตอนนี้คนที่อ่านตั้งแต่กระทู้แรกๆคงรู้แล้วว่าท่านว่าใคร ใช้สีข้างมากกว่าสมอง
แถมยังมารยาทที่เหมือนคนขาดอะไรไปอีก
ความเป็นผู้ใหญ่นะครับ มีรึเปล่า ?
|
โดย : กิ้ม [ 25/12/2005, 08:41:56 ] |
80
เถียงกันเรื่องหมากรุก ดีดี ไหงกลายเป็นตะกร้อไปได้ |
โดย : เทวดาจร [ 25/12/2005, 10:47:10 ] |
81
จะพัฒนากีฬาอะไรก็ได้แต่ขอให้มีการพัฒนาทางจิตใจ น้ำใจนักกีฬา ทางสมอง ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ
เถียงกันไปเรื่อยๆอย่างเลื่อนลอย พัฒนาอะไรก็ดีทั้งนั้น ต้องพัฒนาที่ตัวบุคคลด้วย
ไม่ใช่จะเอากีฬาอันโน้นอันนี้มาลง แต่หากไม่พัฒนาแล้วก็อย่าไปเสียเวลาเลย เสียดาย |
โดย : venice [ 26/12/2005, 11:51:25 ] |
82
ผมว่าการจะสนับสนุนหมากรุกไทยในซีเกมส์ก็เป๊นเรื่องที่น่าจะสนับสนุนนะครับเราจะไปพูดว่าเราเล่นหมากรุกสา
กลไม่ชนะแต่จะมาส่งหมากรุกไทย ในแง่นี้นั้นเพราะคนไทยจะชอบและเล่นและรู้จักหมากรุกไทยมากกว่า
ก็เรามีหมากรุกไทยที่คนในชาติเราเล่นกันมากก็ต้องเผยแพร่สิครับพอคนเขาสนใจก็จะได้มีคนให้เลือกมากการจะเอ
ากีฬาอะไรไปเผยแพร่ให้ชาวโลกเขาได้รู้ไม่ได้หมายถึงเราจะเอาชนะอย่างเดียว
สิ่งสำคัญคือให้คนรู้จักและสนุกกับการเล่น ผมเล่นหมากรุกไทยมาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ผมก็ยังหัดเล่นหมากรุกสากล หมากรุกจีนบ้าง ก็ไม่เห็นผิดอะไรเรามีอะไรก็ควรเผยแพร่ให้ชาวโลกรู้นะครับ
ทำไมอังกฤษเป็นต้นตำหรับฟุตบอลเขายังมาเผยแพร่ให้คนทั่วโลกคนก็คลั้งไคร้กัน
หมากรุกไทยอาจจะเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกก็ได้อย่าหวังแต่เรื่องชัยชนะ |
โดย : เบิ้มบางแค - [ 14/02/2006, 23:19:40 ] |
84
นั่นสิครับ ผมว่าฝีมือด้านหมากรุกไทยของประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ก็น่าจะมีอยู่พอสมควรนะ
จะบอกว่าเอามาจัดเพราะอยากได้เหรียญอย่างที่หลายความเห็นกล่าวมาก็คงไม่ใช่ |
โดย : _Opera_ [ 23/02/2006, 10:41:56 ] |
|
|
|
E-mail: webmaster@thaibg.com |
Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved |
|
|
|
|