[ กลับหน้าหลัก ]


"ที่ม้าหินตัวนั้น"


ในมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางเขนเสียงเอะอะของคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงโขกหมากรุกกัน
อย่างเมามันสังเกตได้จากเสียงฝีปากของผู้เล่น
เสียงโขกของตัวหมากรุกพลาสติกลงบนลวดลายกระเบื้องที่เป็นตารางขนาด 8 x 8 ช่องบนโต๊ะม้าหิน
มันตั้งอยู่บนแท่นสูงจากพื้นขึ้นมาคล้ายๆกับเวทีประลองยุทธในหนังกำลังภายใน แต่ก็ไม่ใช่
เพราะคนที่เล่นอยู่ไม่ใช่เซียนรุ่นใหญ่ที่ไหน เขาเป็นเพื่อนและก็รุ่นพี่ของผมเอง

ผมยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับหมากรุก ก็สมัยที่อยู่ชั้นประถม5-6 จำได้ไม่ชัดนัก
ภาพนั้นยังติดตาอยู่อย่างลางๆ มีครูในโรงเรียนแทน 2-3คนกำลังนั่งเล่นกันอยู่
คนหนึ่งชื่อครู"ปิยะ" ผมจำชื่อได้ขึ้นใจเพราะแกเป็นครูของผมด้วย สอนเลข แล้วก็ตีเจ็บฉิบเป้ง
กระดานหมากรุกวางอยู่บนเก้าอี้ไม้แบบไม่มีพนักพิง ครู 2
คนหันหน้าเล่นกันแล้วก็มีนักเรียนยืนล้อมกันจนเต็ม

ผมเดินม้าเป็น ก็ตอนนี้ล่ะครับต้องเดินเป็นตัว "แอล"
ม้านี่เดินยากสุดแล้วเพราะมันเดินไม่เหมือนชาวบ้านนี่เอง แถมกระโดดได้อีกต่างหาก
จำได้ว่าวันนั้นพอถึงบ้านผมก็หัดเล่นทันที แถวบ้านผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง
เป็นเพื่อนกับน้องของผมที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน น้องของผมชื่อว่า "กัน" ส่วนเพื่อนของน้องผม
มันชื่อว่า "ลิต" มันเอากระดานหมากรุกมาให้ผมไม่รู้ไปเอาของใครมา จำได้ว่ากระดานเป็นไม้ 2
แผ่นต่อกัน เป็นกระดานหมากรุกที่หนักมาก หนักที่สุดที่ผมเคยเห็น อาจเพราะตอนนั้นเป็นเด็กด้วยกระมัง
กระดานก็มีแล้วแต่ไม่มีตัวหมากรุก
" เฮ้ย...ทำไงวะ ไม่มีตัวว่ะ" ลิตพูดพลางเอามือเกาหัว
ส่วนผมเดินไปที่กระป๋องลูกอมที่ผมขออาแป๊ะร้านขายของชำมา ภายในบรรจุฝาน้ำอัดลมจนเกือบเต็ม
ไม่นานผมก็มีหมากรุกชุดแรกในชีวิต จากฝาน้ำอัดลม บนฝาเขียนว่า "ขุน โคน เบี้ย ...."
นั่นก็เป็นเรื่องสมัยเด็กๆล่ะครับ


สองปีผ่านไปแท่นหมากรุกที่วางม้าหินตัวนั้นโดนทุบทิ้งไปแล้วเพราะเขาเอาพื้นที่ไปทำสโมสรนิสิตของคณะ
แต่ตัวม้าหินเองยังคงอยู่ แล้วก็ถึงคราวที่ผมได้กลับเล่นหมากรุกอีกครั้ง
เพราะรุ่นพี่คนนึงชวนให้เล่นตอนนั้นผมอยู่ปีสามแล้ว ช่วงเดือนกันยายนเห็นจะได้ ส่วนใหญ่ผมจะมา มหา'ลัย
แต่เช้าเพราะบ้านอยู่ไกลจากมหา'ลัยมาก
ถ้าออกช่วงเวลารถติดล่ะก็ต้องเผื่อเวลาใว้เลย 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย พี่คนที่ชวนผมเล่นหมากรุก
แกชื่อว่า"โอเล่"ครับเป็นซีเนียร์ของผมเอง ที่จริงควรจะจบไปนานแล้วแต่แกยังเล่นหมากรุกอยู่
(ฮ่า) ไม่รู้แกเป็นอะไรมาแต่เช้าทุกวัน ไม่ว่าวันนั้นแกจะเรียนช่วงบ่ายก็ตาม แกบอกว่า
รำคาญเสียงหลานที่บ้านเลยต้องออกแต่เช้า

พี่โอเล่เปรียบเสมือนอาจารย์หมากรุกคนแรกของผม ฝีมือของแกไม่ธรรมดาเลย
ยิ่งฝีปากนี่ไม่เป็นรองใคร(ฮ่า) ถ้าเล่นหมากรุกในซุ้ม(ไม่ใช่ซุ้มหมากรุก
แต่เป็นซุ้มของภาควิชา)ของผมนี่ถ้าเล่นไม่เก่งก็ขอให้ปากไวไว้ก่อนไม่งั้นโดนข่มแย่
แต่ก็พี่ๆน้องๆกันทั้งนั้นไม่มีใครโกรธกันจริงๆหรอก แค่หยอกกันเล่น

ผมโดนจับกินเบี้ยฟรีอยู่นานกว่าจะมีฝีมือพอใช้ได้ คือรัดกุมขึ้น
พี่เขาบอกว่าหมากรุกนี่ให้ดีต้องเล่นกับคนฝีมือใกล้เคียงกันก่อนถ้าแพ้มากๆมันจะท้อง เอ้ย...ท้อ
ผมใช้เวลากว่า 2-3 เดือนกว่าชนะเพื่อนที่ฝีมือเหนือกว่าได้ พอชนะได้ก็เหมือนฝีมือก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
รู้สึกภูมิใจเป็นบ้า พอนานเข้าผมก็กลายเป็นขาประจำของโต๊ะหิน
ถ้ามาก็จะเห็นผมนั่งอยู่เสมอ
ถ้าไม่เล่นเองก็ดูคนอื่นเล่นผมเป็นคนไม่สูบบุหรี่แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะส่วนใหญ่ก็จะสูบบุหรี่
แต่ก็ชินแล้ว ไม่รู้ว่าติดหรือเปล่า นอกจากนั้นแล้วจากเป็นคนไม่ค่อยพูดฝีปากก็กล้าขึ้นด้วย
ไม่งั้นโดนกัดตลอด

มือหนึ่งของโต๊ะนี้นี่ต้องพี่โอเล่เลย พี่แกมีแต้มที่ไม่ธรรมดา
เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวสมชื่อของแก และมักมีแต้มทีเด็ดเสมอๆยามคับขัน ถ้าไม่ละเอียดพอนี่หลงกลเอาง่ายๆ
ส่วนอีกสองคนที่ผมคิดว่ามีฝีมือใกล้เคียงกับพี่เล่ เพื่อนของผมเองมันชื่อว่า "ซา"
ขาใหญ่ประจำรุ่นผมเลยไม่เชื่อไปวัดขามันดูได้ใหญ่จริงๆ ซานี่เป็นหมากบุกครับ เล่นดุดัน รวดเร็ว
แก้เกมเด็ดขาด แต่มีข้อเสียตรงที่มันไม่ค่อยละเอียดนี่ล่ะ เพราะมันเดินเร็วมากๆ
ถ้าใครไม่นิ่งพอเล่นกับมัน ไปเดินเร็วตามมันนี่เจ๊งเอาง่ายๆ
อีกคนนึงมันชื่อว่าไอ้ "เกีย"ครับ รู้สึกว่ามันจะเป็นประธานสโมฯด้วยถ้าผมจำไม่ผิด
มันอยู่คนละภาควิชากับผมแต่ก็ชอบมานั่งเล่นด้วย "เกีย" หรือ "ไอ้เกีย"
นี่เล่นละเอียดมาก
หมดจดทุกตาเดิน เป็นหมากรับที่เหนียวแน่นมาก มันจะไม่ยอมเดินถ้าไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้มีแผนอะไร

เพราะหมากรุกนี่ล่ะผมเลยต้องเรียนห้าปีจบ ทั้งที่หลักสูตรเขาให้เรียนแค่ 4 ปี (ฮ่า)
วันนึงๆผมเล่นแต่หมากรุก จนเพื่อนๆของผมสงสัยว่ามันไม่เรียนหรือไงถึงได้นั่งเล่นได้ทั้งวันอย่างนั้น
จำได้ว่าช่วงก่อนที่ผมจะเรียนจบเนี่ยกระดานบนโต๊ะหินมันเริ่มแตกแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
พอเรียนจบผมก็ไม่ได้เล่นหมากรุกอีกเลย จนเวลาผ่านไปหลายปี ผมได้กลับมาเล่นสิ่งที่รักอีกครั้ง ก็ที่เวป
Thaibg นี่ล่ะไม่ต้องไปไหนไกล มีหลายโต๊ะ มีคนหลายระดับฝีมือให้เล่นด้วย
ถึงบรรยากาศการเล่นจะไม่เหมือนเล่นบนกระดานแต่ก็ดีกว่าไม่มีเล่นจริงไหมครับ
....เฮ้อพูดถึงหมากรุกทีไรก็อดนึกถึงพี่โอเล่แกไม่ได้
ยังจำได้ว่าผมตะลอนไปทั่วมหาลัยกะพี่แกเพื่อหาคนเล่นหมากรุกด้วย(คล้ายๆเดินสาย) แต่ไม่ค่อยมีคนเล่นเลย
จะมีก็ที่คณะ
ข้างๆจะมีตาแก่คนนึงนั่งเล่นประจำ เห็นบอกว่าถ้าใครชนะแกได้จะขึ้นชื่อแปะบอร์ดไว้เลย แกว่าอย่างนั้น
แต่พี่โอเล่แกก็เอาชนะได้ ผมแอบอมยิ้มในใจเมื่อเห็นตาลุงแกทำหน้าบอกไม่ถูก

น่าเสียดายที่กีฬามหาลัยปีนั้นไม่มีจัดหมากรุก เห็นทางชมรมบอกว่าเขาแข่งแต่ "โกะ"
กันครับผมคิดในใจสงสัยอาจจะไม่มีแข่งหมากรุกไทยอีกก็เป็นได้เพราะคนไม่ค่อยนิยมกันแล้ว
พี่เล่แกบ้าหมากรุกมากพอๆกับผม มีครั้งนึงแกเล่าให้ฟังว่าแกไปหาเซียนหมากรุกท่านหนึ่ง
ปัจจุบันอายุมากแล้วแต่ก็ยังอยู่ในวงการ พี่แกไปหาจำไม่ได้ว่าที่ไหน
แต่ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเซียนท่านนั้นเป็นครูหมากรุกให้ทางโรงเรียนสาธิตของมหาลัยด้วย
ท่านให้พี่เล่เล่นกับศิษย์ของแกแล้วก็แนะวิธีฝึกให้ แล้วก็ให้ชีตตำรามาเล่มนึง
ซึ่งตอนนี้มันอยู่ที่ผมแล้ว แล้ว"ผลเป็นไงพี่"ผมถามพี่เล่ "ก็....ชนะเดะ" พี่เล่
แกเล่าให้ฟังว่าเวลาเล่นแกจะมือสั่นๆ ถ้าใครไม่รู้จักพี่แกจะนึกว่าพี่แกตื่น
แต่ไม่ใช่ครับพี่แกเป็นแอลกอฮอลิซึ่มทำอะไรก็สั่นไปหมดล่ะ อิอิ
ที่พิมพ์มายืดยาวนี่ก็คิดถึงพี่โอเล่แกเพราะติดต่อแกไม่ได้เลย หวังว่าพี่เล่แกจะหลงมาเล่นในไทยบีจีบ้าง
แล้วก็มาเจอผม

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณเวป thaibg.com ที่ทำให้ผม(และอีกหลายคน) มีเวปหมากกระดานดีๆเล่น นะครับ

โดย : เตียบ้อกี๋ Member [ 13/10/2005, 22:29:46 ]

 
  E-mail: webmaster@thaibg.com Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved  
 
  Sponsors