[ แสดงกระทู้ท้งหมด]


การวางแผนใน chess

รายละเอียด

การที่เราคิดว่าหมากรุกคือการรุกขุนของคู่ต่อสู้ให้จนเท่านั้น
เป็นความคิดที่เรียบง่ายและเป็นนามธรรมเกินไป การเล่นหมากรุกที่ถูกต้อง คือ การสร้างความแตกต่าง หรือ
อสมมาตร ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับฝ่ายเรา

อสมมาตร (Imbalance) หมายถึง ความแตกต่างในการยืนหมาก หรือความแตกต่างในตำแหน่งหมากของแต่ละฝ่าย
ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่า ผู้เล่นมักจะไม่ค่อยคำนึงถึงความแตกต่างนี้มากนัก
โดยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการโจมตีขุนของคู่ต่อสู้มากกว่า
การรุกขุนให้จนนั้นเป็นผลที่ตามมาจากสภาพหมากที่หมดทางช่วยแล้วจริงๆ หรือถูกที่ชี้นำโดยอสมมาตร
เมื่อเราเข้าใจยิ่งขึ้นจะทราบว่า อสมมาตร ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อได้เปรียบเสมอไป แต่เป็นเพียง ความแตกต่าง
ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่ต้องเปลี่ยนความแตกต่างเหล่านี้ให้เป็นความได้เปรียบให้ได้

อสมมาตร สามารถจำแนกได้เป็นองค์ประกอบ 7 ประการ ดังนี้
- ตัวหมากที่มีประสิทธิภาพมากกว่า (Superior Minor Piece) คือ การเล่นระหว่างม้า และ บิชอพ
อีกนัยหนึ่งคือ ความพยามยามที่จะทำให้ม้าของเรามีประสิทธิภาพกว่าบิชอพของคู่ต่อสู้ หรือ
ความพยามยามที่จะทำให้บิชอพของเรามีประสิทธิภาพมากกว่าม้าของฝ่ายตรงข้าม
- โครงสร้างเบี้ย (Pawn Structure) ลักษณะโครงสร้างเบี้ย เป็นองค์ประกอบกว้างๆ ที่รวมถึง เบี้ยซ้อน,
เบี้ยโดดเดี่ยว, เบี้ยผ่าน, เบี้ยล้าหลัง
- พื้นที่ (Space) คือ การครอบครองพื้นที่บนกระดาน
- ตัวหมาก (Material) คือ การที่เราได้เปรียบตัวหมาก หรือมีตัวหมากที่มีค่ามากกว่าฝ่ายตรงข้าม
- การควบคุมคลองเรือ และตำแหน่งสำคัญ (Control of a Key File or Square) คลอง แถว และแนวทแยง
เป็นทางเดินของเรือและบิชอพ ขณะที่ตาสำคัญเป็นตำแหน่งที่ทำให้หมากของเราวางลงได้
ซึ่งแผนการดำเนินเกมส์ส่วนใหญ่ในระดับสูงล้วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมคลองเรือ หรือตาสำคัญทั้งสิ้น
- การขึ้นหมาก (Development) เมื่อเราขึ้นหมากได้เร็วกว่าจะทำให้เรามีอำนาจในส่วนใดส่วนหนึ่งของกระดาน
- การเป็นมือนำ (Initiative) การกำหนดจังหวะของเกมส์ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เล่นฝ่ายหนึ่งมีบิชอพขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมีม้าซึ่งเป็นความแตกต่างที่สำคัญ
เช่นเดียวกันกับกรณีที่ผู้เล่นฝ่ายหนึ่งมีโครงสร้างเบี้ยที่ดีกว่า ขณะที่คู่ต่อสู้ได้พื้นที่มากกว่า
รูปหมากในทั้งสองกรณีถือได้ว่ามีความแตกต่าง หรือ อสมมาตร นั่นเอง สิ่งที่เราต้องทำต่อมาก็คือ
การใช้ความแตกต่างเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์และกดดันคู่ต่อสู้ ดังนั้น
การกำหนดแผนการเล่นทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับ อสมมาตร ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้
บ่อยครั้งที่การกำหนดแผนการเล่นจะมีการคำนวณเพียงเล็กน้อย หรือบางครั้งไม่มีการคำนวณหมากที่ซับซ้อนเลย

โดย : v Guest [ 21/06/2005, 23:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ : 1

พอดีมีเกมจากการแข่งขันที่พัทยาที่ผมอยากให้น้องๆๆรุ่นเล็กๆๆได้
ดูกันเลยขอถือโอกาสมาโพสไว้ในกระทู้นี้เลย เห็นว่าพอใช้ขยาย
ความเนื้อหาของกระทู้ได้
http://www.thaibg.com/Chess/viewgame.php?id=23205308
เป็นเกมในรอบ 3 รุ่นต่ำกว่า 18 ปี ระหว่าง
Nguyen Huynh Minh Huy เวียดนาม (2195) กับ Pham
Duc Thang เวียดนาม (2229)
ยังไงคุณ v ก็ช่วยขยายความด้วยแล้วกัน หรือคุณ v มีตัวอย่างที่จะ
ลงอยู่แล้วก็ขอโทษด้วยที่มาแทรกเกมนี้ไว้

โดย : ขุนสันต์ Guest   [ 22/06/2005, 07:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ : 2

น่าเสียดาย จัง

ลองติดต่อกับ ทาง มู๋ตี๋เยอรมัน
ให้ช่วยเอาขึ้น ทาง
http://chess.thaibg.com ไหมครับ

เพราะยังงายเป็นที่รวม content chess อยู่แล้ว

โดย : ไร้น้ำตาล Guest   [ 22/06/2005, 13:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ : 3

ยากจริงๆด้วย พรุ่งนี้ค่อยดูอีกที

โดย : จอมเช่นศิษย์ขุนสันต์ Guest   [ 22/06/2005, 22:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ : 4

ส่งเป็นเมลเข้ามา somkid22@hotmail.com ได้เลยครับ
เด๋วจะช่วยเผ่ยแพร่ให้ครับ

โดย : มู๋ตี๋ Member   [ 22/06/2005, 22:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ : 5

ตอนนี้ส่งไฟล์ไปแล้วนะคะ คิดว่าคุณมู๋ตี๋คงช่วยเอาขึ้นเวปให้ ขอบคุณมั่กๆ

โดย : v Guest   [ 23/06/2005, 23:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ : 6

ตัวหมากที่มีประสิทธิภาพมากกว่า (Superior Minor Piece)
การสู้กันระหว่างม้ากับบิชอพ เป็นประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งใน chess
ผู้เล่นที่ดีย่อมจะเหลือม้าที่แรงกว่าบิชอพของคู่ต่อสู้ (หรือเหลือบิชอพที่แรงกว่าม้าของคู่ต่อสู้)
เมื่อเล่นกับผู้เล่นที่อ่อนกว่า ในทางตรงกันข้าม เมื่อเขาเล่นกับผู้เล่นที่เก่งกว่า
เขาย่อมจะมีม้าหรือบิชอพที่อ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับม้า และ บิชอพ
จะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์ในขณะนั้นและช่วยชี้นำทางเดินที่ถูกต้องให้เราได้

บิชอพ
เราสามารถจำแนกบิชอพออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ
- บิชอพที่ดี (Good Bishop) เกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างเบี้ยกลางกระดานส่วนใหญ่อยู่ตาเดินคนละสีกับ บิชอพ
และไม่ขัดขวางทางเดินของบิชอพ
- บิชอพที่แย่ (Bad Bishop) เกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างเบี้ยกลางกระดานส่วนใหญ่อยู่ตาเดินสีเดียวกันกับบิชอพ
และซึ่งขัดขวางทางเดินของบิชอพ
- บิชอพที่มีประสิทธิภาพ (Active Bishop) บิชอพที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งบิชอพที่ดี
หรือบิชอพที่แย่ก็ได้ ที่เราเรียกว่ามีประสิทธิภาพเนื่องจากมันใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพนั่นเอง

อย่าไปใส่ใจกับนิยามว่า “ดี” หรือ “แย่”
แต่เราควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ของบิชอพว่าสามารถใช้งานได้ดีมีพลังและมีประสิทธิภาพหรือไม่

โดย : v Guest   [ 24/06/2005, 23:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ : 7

การที่เราคิดว่าหมากรุกคือการรุกขุนของคู่ต่อสู้ให้จนเท่านั้น
เป็นความคิดที่เรียบง่ายและเป็นนามธรรมเกินไป

คิดว่าเป็นความเห็นของพวก เล่นหมากรุกไม่เป็น หรือเล่นไม่รุ่ง แล้วมาโจมตีมากกว่า
เออ แต่ว่า My System... ผู้เชี่ยวชาญจัดว่าเป็นหนังสือสำหรับ พวก Advance
ไม่เหมาะสำหรับเป็นหนังสือเล่มแรกที่อ่าน ไม่รู้ว่าจะแปลไปให้ใคร หรือ ขายใคร ไม่ลองแปลเล่มง่ายๆ หรือ
จะดีกว่า เป็นประโยชน์ด้วย

โดย : Bob Fischer Guest   [ 26/06/2005, 13:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ : 8

อืม ผมถึงเลิกเขียนไง

โดย : มู๋ตี๋ Guest   [ 26/06/2005, 20:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ : 9



รูปต่อมา ทั้งหมากดำและหมากขาวมีบิชอพที่แย่ แต่บิชอพของหมากขาวมีประสิทธิภาพมาก

โดย : v Guest   [ 26/06/2005, 21:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ : 10



ตามรูป บิชอพของหมากขาวสามารถหยุดเบี้ยดำได้หมด ซึ่งในกรณีนี้ บิชอพขาวแสดงอำนาจระยะไกลได้ดี
และเหนือกว่าม้าดำ

หลักเกณฑ์ของบิชอพ 3 หากเราโชคร้าย บังเอิญต้องมี “บิชอพที่แย่” คำแนะนำในกรณีนี้มี 3 ข้อ ดังนี้
- แลกบิชอพที่แย่ของเรากับบิชอพหรือม้าของฝ่ายตรงข้าม (หรือหมากอื่นที่มีศักย์สูงกว่า)
- ทำบิชอพให้เป็น “บิชอพที่ดี” โดยการเดินเบี้ยกลางกระดานออกจากตาสีเดียวกับบิชอพ
- ทำบิชอพให้มีประสิทธิภาพ โดยการเดินบิชอพออกจากโครงสร้างเบี้ย

โดย : v Guest   [ 26/06/2005, 21:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ : 11



ในรูปนี้ บิชอพของหมากขาว ดูเหมือนจะแพ้ม้าหมากดำ
แต่เราสามารถทำให้บิชอพตัวนี้กลับมามีประสิทธิภาพได้อีกครั้ง โดย 1.g3 ตามด้วย 2.Bh3 (ถ้า 1…Qd7 2.Kh2!
ยังคงสามารถนำบิชอพกลับมาสู่เกมส์ได้อีกครั้ง)





หลักเกณฑ์ของบิชอพ 4 ผู้เล่นที่มีบิชอพคู่ สู้กับม้าคู่ หรือสู้กับม้า+บิชอพ
โดยปกติแล้วจะรักษาบิชอพคู่ไว้ เพราะว่าเมื่อบิชอพ 2 ตัวทำงานด้วยกัน
จะช่วยกันคุมตาเดินจุดอ่อนของกันและกัน ครอบคลุมทั้งตาสีขาวและตาสีดำ แต่ถ้าคู่ต่อสู้ของเรามีบิชอพคู่
ให้เราแลกบิชอพออกเสียตัวหนึ่งให้กลายเป็นสถานการณ์ ม้าสู้บิชอพ หรือ บิชอพสู้บิชอพ
ซึ่งเดินได้ง่ายกว่า

คราวหน้ามาว่ากันต่อด้วยเรื่องหลักเกณฑ์ของม้า อิอิ ^^

อนึ่ง งานชิ้นนี้แปลมาจาก The Reassess Your Chess Workbook: How to Master Chess Imbalances , by IM
Jeremy Silman

เพื่อนที่เล่นหมากรุกท่านใดคิดว่าเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง สามารถข้ามกระทู้นี้ โดยไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ

my system แปลยากจังเลยต้องพักไว้ก่อน งุงิ

โดย : v Guest   [ 26/06/2005, 21:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ : 12

ผมได้อัพโหลดขึ้นไปให้แล้วนะครับ สามารถดาว์โหลดไปอันได้กันตามลิงค์นี้

http://chess.thaibg.com/download/vtina1.pdf

ให้ถือลิงค์นี้เป็นตัวอย่างที่แปลออกมาจากหนังสือ เพื่อการโฆษนาหนังสือ

โดย : มู๋ตี๋ Member   [ 26/06/2005, 23:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ : 13

ม้า (Knight)
ม้าเป็นหมากชนิดเดียวบนกระดานที่สามารถกระโดดข้ามหมากตัวอื่น
ด้วยคุณลักษณะพิเศษนี้ทำให้ม้ามีประสิทธิภาพมากในเกมปิด (Closed) แต่ค่อนข้างล่อแหลมต่อการถูกกินโดย
บิชอพ ในสถานการณ์ที่มีแนวเปิดสำหรับ บิชอพ และไม่มีเบี้ยคอยสนับสนุน (Steinitz
กล่าวว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะม้า คือ การยึดตำแหน่งที่คอยสนับสนุนม้าหรือที่เรียกว่า support
point)
Support Point หมายถึง ตายืนที่ไม่มีเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามมาไล่ได้ ซึ่งตายืนในแถวที่ 6 (นับจากฝั่งตนเอง)
เป็นตายืนที่ดีที่สุดสำหรับม้า ว่ากันว่า ม้าที่ยืนในตำแหน่งนี้มีค่าพอๆกับเรือ
หรือมีค่าพอๆกับบิชอพถ้ายืนในแถวที่ 5 หรือยืนในแถวที่ 4 ยังค่อนข้างดี
แต่คุณค่าของม้าจะลดน้อยลงในแถวที่ 3 แถวที่ 2 และแถวที่ 1 ตามลำดับ โดยเฉพาะในแถวที่ 1 และ 2
จะไม่ใช่ตายืนที่ดีสำหรับม้า

หลักเกณฑ์ของม้า 1 ม้า ต้องการจุดยืนที่มีเบี้ยสนับสนุน (Support Point) ในแดนหน้า เพื่อที่จะประสบความ
สำเร็จในการสู้กับบิชอพ

โดย : v Guest   [ 27/06/2005, 22:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ : 14



ตัวอย่างของม้าในเกมปิด ม้าขาวในตัวอย่างซ้ายมือนี้ค่อนข้างยืดหยุ่นและมีความสุขกับโครงสร้างเบี้ย
ม้าตัวนี้จะขยายอำนาจครอบคลุมได้ทั่ว หลังจาก Nd3 – f2 – e4 ซึ่งจะจ้องเบี้ยดำที่ตา d6
และกันเบี้ยผ่านของหมากดำที่ตา e5 , นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขยายเบี้ยฝั่งขุนของหมากขาว
รวมทั้งยังอาจเดินไป Ne4 – g5 – เพื่อลงบ่อที่ e6 ได้ด้วย


หลักเกณฑ์ของม้า 3 ม้า เป็นตัวหมากที่ดีที่สุดในการกันเบี้ยผ่านของฝ่ายตรงข้าม
ม้าสามารถหยุดเบี้ยผ่านได้
และยังคงมีประสิทธิภาพ เนื่องจากคุณสมบัติในการกระโดดข้ามหมากตัวอื่น

โดย : v Guest   [ 27/06/2005, 22:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ : 15



วางแผนมาก ระวังเวียนหัวอย่างนี้

โดย : อ้อม Member   [ 28/06/2005, 16:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ : 16

ไครกานน๊าคุณ V
เก่งจัง

แปลเขียนออกมาได้ดีมากค๊ะ
อ่านเข้าใจง่ายดีค๊ะ

ต้องขอบคุณมากน๊ะค๊ะ
ที่ได้สละเวลาแปลแล้วเอามาเผื่อที่นี้ด้วยอ่ะค๊ะ

โดย : YimSoo Guest   [ 28/06/2005, 21:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ : 17



ในรูปนี้แสดงให้เห็นเบี้ยซ้อนที่เป็นประโยชน์ โดยเบี้ยซ้อนของหมากขาวช่วยให้หมากขาวสามารถคุมตา d5, f5,
d4 และ ตา f4 ได้ รวมทั้งทำให้หมากขาวได้คลองเรือที่คลอง f
อนึ่ง รูปนี้มักเกิดจากการเปิดหมาก Giuoco Piano โดยหมากขาวนำบิชอพมาต่อที่ตำแหน่ง e3
และหมากดำกินแลกบิชอพ

หลักเกณฑ์ของเบี้ยซ้อน 3 เบี้ยซ้อนทำให้รูปทรงของหมากขาดความยืดหยุ่น และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
เบี้ยซ้อนนี้จะกลายเป็นจุดอ่อน หรือเป้านิ่งให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี

โดย : v Guest   [ 29/06/2005, 00:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ : 18

เบี้ยโดดเดี่ยว (Isolated Pawns)
เบี้ยโดดเดี่ยวเกิดขึ้นเมื่อคลองที่อยู่ติดกันกับเบี้ยตัวนั้น (ทั้งซ้ายและขวา) ไม่มีเบี้ยเหลืออยู่
ทำให้ไม่สามารถหาเบี้ยมาผูกมันได้ ผลที่ตามมาคือ มันมักจะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตี
ผู้เล่นส่วนใหญ่มักคิดว่า เบี้ยโดดเดี่ยวเป็นจุดอ่อนเสมอ
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจมีคุณลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างดังเช่นหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

หลักเกณฑ์ของเบี้ยโดดเดี่ยว 1 เบี้ยโดดเดี่ยวอาจเป็นเบี้ยผ่านที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถหยุดได้

หลักเกณฑ์ของเบี้ยโดดเดี่ยว 2 มันอาจอยู่ในตำแหน่งกลางกระดานและช่วยป้องกันตาสำคัญได้

หลักเกณฑ์ของเบี้ยโดดเดี่ยว 3 บางครั้งเราสามารถใช้เบี้ยโดดเดี่ยวนี้เพื่อการโจมตี
โดยเข็ญขึ้นไปแลกกับเบี้ย
ของฝ่ายตรงข้าม และทำให้รูปทรงเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามเสียไป

หลักเกณฑ์ของเบี้ยโดดเดี่ยว 4 แม้ว่าเบี้ยโดดเดี่ยวของเราจะไม่สามารถขยับได้
แต่เรือของเรามักใช้งานได้ดี
กว่าฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเราจะมีคลองเรือสองข้าง ขนาบซ้ายขวาเบี้ยโดด
เดี่ยวตัวนั้น

โดย : v Guest   [ 29/06/2005, 00:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ : 19



รูปต่อมา หมากดำจะเดินเบี้ย 1…a4 ทิ่มเข้ามาโจมตีเบี้ยคู่ริมกระดานของหมากขาว และภายหลังจากการแลกเบี้ย
อาทิ ….a x b3 หมากดำสามารถกำจัดเบี้ยโดดเดี่ยวที่เป็นจุดอ่อนของตนเองได้
และเปลี่ยนโครงเบี้ยของหมากขาวฝั่งควีนที่ดูสวยงาม ให้กลายเป็นเบี้ยโดดเดี่ยว แทน




หลักเกณฑ์ของเบี้ยโดดเดี่ยว 5 ถ้าคู่ต่อสู้ของเรามีเบี้ยโดดเดี่ยว
เราต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมตาสำคัญที่
อยู่ด้านหน้าเบี้ยตัวนั้นได้ ซึ่งนอกจากเราจะหยุดเบี้ยตัวนั้นไม่ให้บุกรุกเข้ามา
ได้แล้ว ตาสำคัญที่อยู่หน้าเบี้ยโดดเดี่ยวยังเป็นจุดยืนที่ดีของหมากเรา เนื่อง
จากคู่ต่อสู้ไม่มีเบี้ยมาขับไล่หมากเราได้

โดย : v Guest   [ 29/06/2005, 00:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ : 20




หลักเกณฑ์เบี้ยของโดดเดี่ยว 7 ตรงกันข้ามกับหลักเกณฑ์ข้อ 6
เมื่อเราเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่มีเบี้ยโดดเดี่ยว เรา
ควรแลกม้าและบิชอพออก (ตัวหมากของคู่ต่อสู้จะไม่มีทางใช้งานได้ดีถ้ามัน
อยู่นอกกระดาน ^^) ตามด้วยการซ้อนเรือ และ / หรือควีน ในคลองเดียวกัน
กับเบี้ยตัวนั้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้กับเบี้ยโดดเดี่ยวอย่างมาก


ในรูปนี้ สมมุติว่าต่อจากรูปที่แล้ว หมากขาวสามารถคุมตาสำคัญหน้าเบี้ยโดดเดี่ยวได้
และแลกม้ากับบิชอพออกไปได้ ตามด้วยการซ้อนเรือ และควีน บังคับให้หมากดำต้องคอยคุ้มกันเบี้ยตัวนี้
ในรูปนี้หมากขาวสามารถกินเบี้ยฟรีได้โดยเดินเบี้ย e4

โดย : v Guest   [ 29/06/2005, 00:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ : 21

เป็นกระทู้ที่ดีและน่าสนใจมากครับ

โดย : SaWaPoP Member   [ 29/06/2005, 08:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ : 22

เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆ ทั้งมือเก่ามือใหม่เลยทีเดียว

ที่จริงเรื่องนี้ ผมมีหนังสืออีกเล่มที่แนะนำให้ไปหาอ่าน เขียนโดยสุดยอด GM ของอเมริกาในอดีต คือ
ซามูเอล รีเซฟกี้ ชื่อหนังสือคือ The art of Positional Play หนังสือเล่มนี้
มีทั้งการนำเกมมาวิจารณ์แล้ว ยังมีข้อเสนอแนะ และข้อแนะนำในการเล่น
ผมอ่านดูแล้วเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่งน่ะครับ

โดย : Zyberman Member   [ 30/06/2005, 14:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ : 23

อยากอ่านเบี้ยล้าหลังอะ โพสต่อจิๆๆ

โดย : แบงค์2005 Member   [ 03/07/2005, 13:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ : 24

หากคุณเล่นเชสโดยไม่มีหลักการแล้ว เกมของคุณจะเป็นเกมที่ไม่สนุกเลย คุณไม่ได้ทำอะไรนอกจากขยับหมากไปมา
และถ้ามันบังเอิญกินกันได้คุณก็กิน เล่นกันพักนึงจับพลัดจับผลูคุณจึงเชคเมทกันได้
ฝรั่งจึงเรียกพวกหัดใหม่ว่า Woodpusher ฟังดูไม่ดีเลยใช่ไหมครับ

เชสเป็นเกมสงครามแบบหนึ่ง ที่ต้องเรียกว่าเกมก็เพราะเชสเป็นการช่วงชิงผลประโยชน์ระหว่างผู้เล่นสองฝ่าย
ต่างพยายามเอาเปรียบกันให้ได้มากที่สุด
ฝ่ายที่วางแผนรอบคอบและรัดกุมกว่าย่อมจะฉวยเอาทรัพยากรส่วนใหญ่ไปได้
แลสามารถใช้กำลังที่เหนือกว่านี้ทำลายกองทัพฝ่ายตรงข้ามได้โดยง่าย

ลองจินตนาการกระดานหมากรุกเป็นสมรภูมิ และให้ตัวหมากของเราเป็นกำลังพล
เราลำเลียงกองทัพออกจากค่ายไปยังแนวรบให้ได้เร็วและมากที่สุด เพื่อเตรียมการต่อสู้แบบตะลุมบอน
เมื่อฝุ่นบางตาลงเราจะพบซากความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย
และเรามักจะพบว่ามีฝ่ายหนึ่งเริ่มมีเปรียบเหนืออีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
หากฝ่ายแรกคิดว่ายังเอาเปรียบได้อีกก็จะพยายามต่อไป หรือถ้าห่างชั้นกันมากพอแล้ว
เขาจะเดินบุกไปเคาะประตูบ้าน "ท่านผู้นำ" ทันที
เมื่อท่านผู้นำถูกจับและรับคำตัดสินประหารแล้วก็เป็นอันจบเกม

เกมสงครามเป็นโมเดลที่ใช้อธิบายเชสดีที่สุด ช่วยให้คุณเข้าถึงหัวใจเชสได้อย่างลึกซึ้ง
เราพยายามตัดกำลังฝ่ายตรงข้าม ด้วยกับดักและอาวุธแบบต่างๆ เราพยายามครอบครองตำแหน่งสำคัญทางยุทธศาสตร์
เหมือนที่ร้านพิซซ่าฮัทบุกห้างเซนทรัล เพราะลูกค้าเยอะดี เราพยายาม "รุมกินโต๊ะ"
ทุกครั้งที่มีโอกาส แบบที่เด็กช่างกลนิยม เรามองหาจุดอ่อน เราตัดเส้นทางลำเลียง
เราเปิดแนวโจมตีพร้อมกันสองด้าน ฯลฯ

เราเรียกแผนระยะสั้น ซึ่งเน้นความได้เปรียบเฉพาะหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมทีเรียลว่า แทกติก (tactic)
และเรียกแผนระยะยาว ซึ่งเน้นความได้เปรียบของตำแหน่งบนกระดานว่า สเตรทจี (strategy)
คำที่คู่กับสเตรทจีเสมอคือ positional play
หมายถึงการมุ่งความสนใจไปยังตำแหน่งของตัวหมากบนกระดานมากกว่าแมทีเรียล คำแนะนำทั่วไปในการเล่นคือ
คุณต้องเปิดเกมโดยอาศัยสเตรทจีเป็นแนวทาง เพราะในช่วงแรกของเกมนั้นจะยังไม่มีการปะทะกันมากนัก
ความได้เปรียบเชิงตำแหน่งเป็นสิ่งเดียวที่คุณพอจะฉวยเอาไว้ได้
แต่ความได้เปรียบเชิงตำแหน่งนั้นคล้ายกับทรายในอุ้งมือ ด้วยว่ามันจะค่อยๆหนีไปจากมือคุณทีละน้อย
เป็นความได้เปรียบที่ไม่ค่อยยั่งยืนนัก คุณต้องหาทางเปลี่ยนความได้เปรียบเชิงตำแหน่งนี้
เป็นความได้เปรียบในเชิงแมทีเรียลโดยเร็ว ด้วยการงัดเอาบรรดาแทกติกและกับดักทั้งปวงขึ้นมาใช้
แทกติกจะให้ผลทันตา แต่ต้องอาศัยตาไวและตำแหน่งที่ดีงามเป็นพื้นฐาน อย่าเล่นแทกติกแผลงๆอย่าง
"ถ้าเธอมองไม่เห็นฉันจะกิน" หรือกับดักแบบ "วัดใจ" เด็ดขาด
(แทกติกนั้นใส่ไว้แล้วในหน้าแรกลองอ่านดูนะครับ)

คราวนี้เมื่อคุณมีเปรียบทางด้านแมทีเรียลแล้ว ก็ถึงช่วงเวลาสำคัญคือการเผด็จศึก
เพราะคุณต้องไม่ลืมว่าจุดหมายของเชสคือการล่าคิงศัตรู ถ้าคุณซื้อเชคเมทด้วยควีนได้จ่ายไปเลยครับ
จะไม่มีใครตำหนิคุณ หนำซ้ำทุกคนยังชอบใจแต้มเดินนั้นเสียอีก ด้วยเห็นว่าเป็นการลงทุนหนักอันคุ้มค่า
แต่ผมแนะนำว่าวิธีที่แน่นอนที่สุดในการจับคิงก็คือ จัดการกับบรรดากับองครักษ์ให้หมดเสียก่อน
พอคิงเหลือตัวเปล่าแล้วคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ใช่ไหมครับ

ทรัพยากรบนกระดานหมากรุกที่เรานิยมพูดถึงกันมีอยู่สี่อย่างครับ

1 - Material เป็นความได้เปรียบที่ค่อนข้างชัดเจน หมากสี่ตัวย่อมหาทางรุมหมากตัวเดียวได้เสมอ
แต่กว่าจะเล่นให้ฝ่ายตรงข้ามเหลือหนึ่งในขณะที่เราเหลือสี่นั้นคงเหนื่อยไม่ใช่เล่นครับ
ได้กล่าวไปแล้วว่าแทกติกจะนำความได้เปรียบด้านแมทีเรียลมาให้ ต้องดูว่าเราเสียหมากตัวไหนไป
และเราได้ตัวไหนคืนมา กำไรมากน้อยแค่ไหนเราดูจากราคาของหมากแต่ละตัวครับ
พอนนั้นราคาถูกที่สุด (แต่ต้องไม่ลืมว่ามันโปรโมทเป็นควีนได้) คิดเป็นหนึ่งแต้ม
ไนท์และบิชอพเป็นไมเนอร์พีซ ถือว่ามีค่าเทียมกัน ให้สามแต้ม
รุคเป็นเมเจอร์พีซ ให้ห้าแต้ม
ควีนเป็นเมเจอร์พีซเช่นกัน ให้เก้าแต้ม
คิง เมื่อไม่สามารถเอาคิงไปกินแลกได้ และการเสียคิงหมายถึงความพ่ายแพ้ จึงมีค่าเป็นอนันต์
ฉะนั้นหากคุณแลกไนท์กับรุคได้ ถือว่าประสบความสำเร็จครับ เพราะคุณได้กำไรสองแต้ม
หรือการเอาบิชอพแลกกับพอนสามตัวถือว่าเสมอกัน (แต่จะดีกว่าไหม
ถ้าคุณใช้บิชอพจัดการกับพอนจากที่ไกลๆโดยไม่เสียเลือดเนื้อ)

2 - Space เกณฑ์อันหนึ่งซึ่งใช้วัดความได้เปรียบของตำแหน่งก็คือ space count
หมายถึงจำนวนนับตากินที่ยื่นเข้าไปในแดนศัตรู ฝ่ายที่มี space count
มากกว่าย่อมจำกัดตาเดินของฝ่ายตรงข้ามได้ และแทกติกที่เรามองเห็นจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า




ฝ่ายขาว: ควีนบน b3 ให้ space count 2 ไนท์บน c3 ให้ 2 บิชอพบน c4 ให้ 5 พอนบน e4 ให้ 2 และบิชอพ g5
ให้ 2 รวม space count 13 ตา
ฝ่ายดำ: พอนบน e5 ให้ 2 ควีนบน e7 ให้ 2 ไนท์บน f6 ให้ 2 รวม 6 ตา
ฝ่ายขาวได้เปรียบด้าน space และมีโอกาสชนะค่อนข้างมาก
หมากนายส่วนใหญ่จะมีตากินมากที่สุดเมื่อถูกวางไว้กลางกระดาน ถ้าคุณอยากได้เปรียบด้าน space
ก็ต้องหาทางยึดศูนย์กลาง (center คือสี่ตากลางกระดาน) เอาไว้ให้ได้

3 - Time คือ tempo หรือจังหวะการเดิน ให้สังเกตว่าผู้เล่นสองฝ่ายผลัดกันเดินคนละหนึ่งตา
หลักการข้อนี้มีอยู่ว่าจังหวะเดินแต่ละก้าวนั้นมีค่ามาก คุณต้องใช้มันให้คุ้มค่า
ถ้าคุณใช้มันไม่คุ้มค่าแล้วมันจะโกรธและลงโทษคุณ สมมติว่าในช่วงเปิดเกมคุณถอยไนท์กลับเข้ามา
เพียงเพราะคุณอยากเดินอย่างนั้น นี่เป็นตาเดินที่ไม่มีประโยชน์เลย
ตาเดินนี้มีค่าเท่ากับปล่อยให้ศัตรูของคุณเดินได้สองตาติดกัน
ซึ่งอาจทำให้ตำแหน่งของคุณถึงกับเสียศูนย์ได้ง่ายๆ
นักหมากรุกหัดใหม่มักมองข้ามหลักการนี้ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ที่เซียนหมากรุกไม่แนะนำให้รีบเอาควีนมาเดินแต่แรก เพราะเสี่ยงมากกับการเสีย tempo
เมื่อควีนถูกไล่ให้วิ่งวุ่นไปมาบนกระดานโดยไม่เกิดประโยชน์ การเช็คคิงศัตรูแบบไม่มีเหตุผลก็ทำให้เราเสีย
tempo ได้เช่นกัน นักเล่นหัดใหม่สอบตกข้อนี้กันเป็นแถว รู้แล้วอย่าทำนะครับ

4 - Pawn Structure ในกระดานมีพอนมากถึงสิบหกตัว หน้าที่ของมันนั้นหลากหลาย เช่น ใช้เป็นกำแพงให้คิง
ใช้เป็นเหยื่อล่อ ใช้เป็นตัวบุก ใช้เป็นตัวเฝ้าหมากนายอื่นๆ ใช้โปรโมท
เพราะฉะนั้นโครงสร้างพอนจึงมีความสำคัญขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พอนนั้นเปรียบเสมือนเด็กเล็ก
ซึ่งจะเติบโตและเพิ่มคุณค่าในวันข้างหน้า (ด้วยการโปรโมท) แต่กว่าจะถึงวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะศัตรูย่อมหาทางจับพอนกินทุกครั้งที่มีโอกาส
การใช้หมากนายไปเพื่อดูแลพอนนั้นไม่ใช่เรื่องดีงามอะไรเลย เหมือนเป็นการดูถูกคนของตัวเอง
หนทางที่เหมาะสมสำหรับจัดการเรื่องนี้คือให้พอนดูแลกันเอง
โครงสร้างพอนซึ่งบรรดาพอนสามารถดูแลปกป้องกันเองได้นั้น ถือเป็นตำแหน่งดี
ส่วนพอนซึ่งดูแลกันเองไม่ได้นั้นเป็นจุดอ่อนสำหรับล่อเป้าโดยเฉพาะ จุดอ่อนในโครงสร้างพอนนั้น
มีหลายแบบเช่น
พอนซ้อนสอง(doubled pawns) เกิดเมื่อพอนเดินตากินไปตกหน้าพอนอีกตัวหนึ่ง
พอนซ้อนสาม(tripled pawns) เกิดจากตากินเช่นกันเป็นจุดอ่อนซึ่งแย่มากๆ
พอนเดี่ยว(isolated pawn) หมายถึงพอนซึ่งไม่มีเพื่อนพอนในคอลัมน์ติดกันคอยดูแลเลย
โอกาสตายมีมากเป็นพิเศษ
พอนหลัง(backward pawn) คือพอนซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานเฝ้าพอนตัวอื่นๆ จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
เพราะถ้าฐานพังลงแล้วเป็นไปได้มากว่าพอนทั้งสาย(pawn chain)อาจจะถล่มลงมาด้วย
คุณจึงต้องเฝ้าระวังพอนหลังนี้ให้ดี ตัวอย่างเช่น พอนหนึ่งตัวเฝ้าพอนที่อยู่ติดกันสองตัว
เมื่อฐานนี้ถูกทำลาย พอนที่เหลืออีกสองตัวจะตกตาร้ายทันที
เพราะฉะนั้นเวลาเดินพอนดูให้ดีนะครับ อย่าให้มีตำหนิในโครงสร้างพอนเด็ดขาด

คราวนี้คุณก็ได้ไอเดียเรื่องสเตรทจีไปบ้างแล้ว บทเรียนอีกอันหนึ่งซึ่งสำคัญพอกันก็คือ
เรื่องเฟส(phase)ของเกม ถ้าคุณเล่นเชสโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเฟสของเกมเลย นับว่าคุณเสียเปรียบมาก
ความรู้เรื่องสเตรทจีของคุณจะด้อยค่าลงทันที บทเรียนเรื่องเฟสต่างๆในเกมจะช่วยคุณปรับตัว
ให้เข้ากับรูปเกมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม ในหนึ่งเกมเราจะแบ่งออกได้เป็นสามเฟส ได้แก่
ระยะเปิดหมาก(Opening) ระยะกลางเกม(Middlegame) และระยะจบเกม(Endgame)

ระยะเปิดหมาก(Opening) อยู่ในช่วงสิบถึงสิบห้าตาแรก
(ขาวและดำเดินข้างละหนึ่งครั้งนับรวมเป็นหนึ่งตาเดิน) จุดมุ่งหมายสำคัญของเฟสนี้คือ
การเร่งส่งกำลังไปยังแนวรบให้ได้มากและมีคุณภาพที่สุด เพื่อให้พร้อมสำหรับเฟสต่อไป
ส่งกำลังให้ได้มากเป็นไปได้ด้วยการเดินหมากแต่ละตัวเพียงหนึ่งครั้งในช่วงเปิดหมาก
ส่วนการเปิดอย่างมีคุณภาพหมายถึง การวางหมากคุมศูนย์กลางให้ได้มากที่สุด
และคิงของฝ่ายตัวอยู่ในตำแหน่งปลอดภัยแล้ว (เวลาบุกเราจะได้ไม่ต้องพะวงหลังมากนัก)
ตัวเดินที่มีบทบาทมากในเฟสนี้คือ พอน ไนท์และบิชอพ

ระยะกลางเกม(Middlegame) เป็นระยะแห่งการตะลุมบอน(จริงๆครับ) เพื่อชิงความได้เปรียบด้านแมทีเรียล
ฝ่ายที่ตำแหน่งดีกว่าและเลือกใช้แทกติกได้อย่างเหมาะสม จะมีอนาคตสดใสเมื่อถึงเวลาของเฟสสุดท้าย
เมเจอร์พีซอย่างรุคและควีนจะมีบทบาทเป็นอย่างมากในเฟสนี้ ถ้าเชคเมทกันไม่ได้
เกมจะเคลื่อนเข้าสู่เฟสสุดท้าย

ระยะจบเกม(Endgame) เฟสนี้ตัวหมากในกระดานจะเหลือน้อยเต็มที โดยมากจะเหลือคิง รุค และพอน
คิงซึ่งเคยหลบๆซ่อนๆก็จะสำคัญขึ้นทันที คิงอาจจะร่วมมือกับรุคเพื่อเชคเมทคิงศัตรู
หรือคอยคุ้มกันพอนไปจนถึงแถวสุดท้ายเพื่อโปรโมทแล้วหาทางเชคเมทภายหลัง
เทคนิกในการส่งพอนให้ถึงจุดหมายก็คือ ใช้รุคเฝ้าพอนฝ่ายเราจากด้านหลัง แล้วดันพอนขึ้นไปเรื่อยๆ
(ในทางกลับกันจะจัดการกับพอนศัตรูคุณก็ต้องอ้อมไปด้านหลังเช่นกัน)

เสน่ห์ของเกมนี้คงอยู่ที่ความตึงเครียดเล็กๆซึ่งมันมอบให้
ผู้เล่นที่รู้มรรยาทเชสจะต้องเอาจริงและเล่นเต็มฝีมือเสมอ การอ่อนให้นั้นเป็นการดูถูกซึ่งหน้า
และการยื้อเกมโดยไม่มีเหตุผลนั้นเป็นการกระทำที่น่าขายหน้าที่สุด แม้มันจะเป็นเกมที่เครียด
เพราะมรรยาทเชสเรียกร้องให้เราจริงจังเช่นนั้น แต่คุณต้องไม่ลืมเรื่องน้ำใจนักกีฬาเด็ดขาด
เชสไม่ใช่สงคราม มันเป็นแค่เกมหนึ่งที่เราเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น คนที่เราเล่นด้วยก็ไม่ใช่ใคร
ก็เพื่อนๆเรานี่แหละ แพ้บ้างชนะบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถนอมน้ำใจกันไว้ดีกว่า อย่าไปซีเรียสอะไรมากมาย
เล่นเอามันเถอะครับ อิอิ

โดย : แบงค์2005 Member   [ 03/07/2005, 17:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ : 25




ครั้งที่แล้วเราพูดถึงเรื่องกำลังหรือ material ไปแล้ว เราพยายามเล่นแทกติกก็เพื่อเอาเปรียบ material
ของฝ่ายตรงข้ามนี่เอง material อันนั้นหมายถึงมูลค่าหมากนายทุกตัวบนกระดานนับรวมกัน
ยังมีบางกรณีที่แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมี material เท่ากัน แต่ลักษณะการกระจายของหมากนาย
อาจเป็นผลให้ฝ่ายหนึ่งมีกำลังเหนือกว่าฝ่ายหนึ่งบนบางส่วนของกระดานได้



เราลองมาพิจารณากระดานนี้กัน ถ้านับแต้มบนกระดานจะเห็นว่า
ทั้งสองฝ่ายมีกำลังเท่ากันคือฝ่ายละยี่สิบแต้ม หากไม่พูดถึงตำแหน่งบนกระดานนี้แล้ว โดยส่วนตัวผมจะถูกใจ
Q+R ของฝ่ายขาวมากกว่า R+R+B ของฝ่ายดำ เพราะ Q เหมาะมากกับการเล่นแทกติกพลิกแพลง
ยิ่งเป็นท้ายเกมซึ่งกระดานค่อนข้างโล่งแล้ว Q ยิ่งเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

แต่น่าเศร้าที่ Q ขาวบนกระดานนี้ต้องตายทั้งเป็น เพียงเพราะความผิดพลาดของเจ้าของ เดินพอนของตัวมาขัดขา
Q ดำไม่ปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดไป ปิดตายทางออกสุดท้ายด้วย R ผลคือ R ของฝ่ายขาวต้องลุยกับ R+R+B
ของฝ่ายดำโดยลำพัง และต้องแพ้ไปในที่สุด

โดย : แบงค์2005 Member   [ 03/07/2005, 18:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ : 26

เบี้ยล้าหลัง (Backward Pawns)
เบี้ยล้าหลัง คือ เบี้ยที่อยู่หลังเบี้ยตัวอื่น และไม่สามารถนำเบี้ยตัวอื่นมาผูกได้

หลักเกณฑ์เบี้ยล้าหลัง 1 เบี้ยล้าหลังอาจเป็นจุดอ่อนหากอยู่ในคลองเรือของฝ่ายตรงข้าม
แต่หากเบี้ยล้าหลังนั้น
ไม่อยู่ในคลองเรือฝ่ายตรงข้าม เบี้ยตัวนั้นอาจไม่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญนัก

หลักเกณฑ์เบี้ยล้าหลัง 2 แม้ว่าเบี้ยล้าหลังจะอยู่ในคลองเรือของฝ่ายตรงข้าม
แต่ถ้าหากมีตัวคุ้มกันอย่างแข็งแรง
ก็สามารถต้านทานการโจมตีได้

หลักเกณฑ์เบี้ยล้าหลัง 3 บ่อยครั้งที่เบี้ยล้าหลังไม่ได้เป็นจุดอ่อนในตัวมันเอง
แต่จุดอ่อนกลับกลายเป็นตาที่อยู่
ด้านหน้าเบี้ยล้าหลังนั้นๆ ซึ่งหากตาเดินนั้นได้รับการคุ้มกันจากหมากตัวอื่นเบี้ยล้าหลัง
ตัวนั้นก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

หลักเกณฑ์เบี้ยล้าหลัง 4 เบี้ยล้าหลังมักจะมีประโยชน์ในแง่ที่ว่า
มันช่วยคุ้มกันเบี้ยที่อยู่ด้านหนัามันได้

หลักเกณฑ์เบี้ยล้าหลัง 5 บ่อยครั้งที่เบี้ยล้าหลังนั้น “ล้าหลัง” เพียงแค่ชื่อ
ซึ่งหากเบี้ยตัวนั้นสามารถเดินไป
ข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย ก็จะไม่เป็นเบี้ยล้าหลังอีกต่อไป

โดย : v Guest   [ 05/07/2005, 00:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ : 27



ในรูปต่อมา เบี้ยล้าหลังของหมากขาวในตา d6 ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เช่นเดียวกับตา d5
ที่ได้รับการป้องกันจากม้าและบิชอพ ทั้งนี้ หมากดำสามารถเดินเบี้ยล้าหลังตัวนี้ขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
ดังนั้นเราไม่จัดว่าเบี้ยล้าหลังที่ตา d6 ของหมากดำเป็นจุดอ่อน

โดย : v Guest   [ 05/07/2005, 00:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ : 28



ในรูปนี้ เบี้ยผ่านของหมากขาวถูกกันโดยม้าหมากดำ ซึ่งหากหมากดำไม่สามารถหยุดเบี้ยตัวนี้ได้
หมากขาวจะเดินเบี้ยตัวนี้ไปตา d5 แต่ในกรณีนี้ เบี้ยผ่านกลายเป็นตัวขัดขวางตาเดินของบิชอพ
และปิดกั้นคลองเรือของตนเอง นอกจากนี้ เบี้ยผ่านตัวนี้ยังแย่งจุดยืนที่ดีของม้าไปด้วย


หลักเกณฑ์เบี้ยผ่าน 4 ในกรณีที่เบี้ยผ่านไม่ถูกปิดกั้น
เบี้ยผ่านจะเดินฝ่าแนวป้องกันมุ่งไปยังขอบกระดานฝั่งตรงข้าม สร้างปัญหาให้กับแนวรับของคู่ต่อสู้
โดยปกติแล้ว เบี้ยผ่านจะเริ่มสร้างแรงกดดันให้คู่ต่อสู้เมื่อมันอยู่แถวที่ 5 เป็นต้นไป

หลักเกณฑ์เบี้ยผ่าน 5 โดยทั่วไป ผู้เล่นที่มีเบี้ยผ่านมักจะแลกม้าและบิชอพออก (โดยเฉพาะม้า)
ซึ่งตัวหมากเหล่านี้จะเป็นตัวปิดกั้นเบี้ยผ่าน และจะเหลือเรือและควีนเอาไว้ ทั้งนี้
ควีนที่เหลืออยู่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถนำขุนมาปิดกั้นเบี้ยผ่านได้

โดย : v Guest   [ 05/07/2005, 00:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ : 29

ขอบคุณสำหรับความเห็นเพิ่มเติมค่ะ

โดย : v Guest   [ 05/07/2005, 00:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ : 30

ขอบคุณครับ จะติดตามอ่านอีกนะครับ

โดย : แมวอ้วนตัวจิง Member   [ 06/07/2005, 14:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ : 31



ในรูปนี้ หมากขาวมีข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ ทำให้ขยับตัวหมากได้สะดวกและรวดเร็วกว่า

โดย : v Guest   [ 06/07/2005, 23:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ : 32



ในรูปนี้ หมากขาวเสียเปรียบระหว่างม้ากับเบี้ย สู้เรือหมากดำ หมากดำดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ความได้เปรียบของหมากดำยังไม่มีประโยชน์มากนัก เนื่องจากไม่มีคลองให้เรือวิ่ง ดังนั้น หมากดำเดิน
1...b5! เปิดคลอง b ทำให้หมากดำนำเรือบุกรุกเข้ามาในแนวรับของหมากขาวได้

โดย : v Guest   [ 06/07/2005, 23:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ : 33

อืมม

โดย : แบงค์2005 Member   [ 07/07/2005, 18:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ : 34

การควบคุมหรือการยึดคลองสำคัญ (Control of a Key File)

“เรือ..จำเป็นต้องมีคลองให้วิ่ง” เราได้ยินประโยคนี้บ่อยครั้ง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ
มีผู้เล่นเพียงส่วนน้อยที่สามารถใช้ประโยชน์จากวลีดังกล่าวได้อย่างเต็มที่

เราคงไม่ปฏิเสธได้ว่า เรือ เป็นตัวหมากที่ทรงอานุภาพมากตัวหนึ่ง
แต่ทำไมเราจึงปล่อยให้เรือของเรานิ่งอยู่กับที่ตรงมุมกระดานโดยไม่ทำประโยชน์เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง?
คำตอบของคำถามนี้อยู่ที่การเคลื่อนพลของหมากตัวอื่น
เราสามารถนำม้าออกมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยการเดินขึ้นมาอยู่แถวที่สาม หรือเราเพียงแค่เดินเบี้ยที่ d2
ขึ้นไป บิชอพ ของเราที่ c1 ก็สามารถครอบคลุมแนวทแยง c1 – h6 ได้

ในทางตรงกันข้าม การนำเรือออกมาเล่นหรือนำเรือบุกเข้าไปในเขตแดนของคู่ต่อสู้นั้นยากกว่า
แต่หากเราสามารถนำเรือบุกรุกเข้าไปในตำแหน่งหมากของคู่ต่อสู้ได้ ด้วยความแรงของเรือ
จะแสดงอานุภาพออกมาอย่างเห็นได้ชัด

หลักเกณฑ์ของเรือ 1 เรือของเราจะไม่มีประโยชน์ ถ้าหากไม่มีคลองให้วิ่ง

หลักเกณฑ์ของเรือ 2 แม้ว่าเราจะยึดคลองเรือได้แล้ว
แต่คลองเรือที่เปิดอยู่จะสร้างปัญหาให้แก่คู่ต่อสู้ได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถนำเรือไปวางได้
หากไม่มีตำแหน่งให้วาง คลองเรือนั้นก็ไร้ประโยชน์

หลักเกณฑ์ของเรือ 3 โดยทั่วไป คู่ต่อสู้คงไม่ยกคลองเรือให้แก่เราโดยง่าย ดังนั้นเรามีหน้าที่ต้อง “ยึด”
คลองเรือนั้น และนำเรือออกมาใช้

หลักเกณฑ์ของเรือ 4 เมื่อมีคลองเรือเปิดอยู่
มักจะนำไปสู่การประจันหน้ากันระหว่างเรือของเรากับของฝ่ายตรงข้าม ผลที่ตามมา คือ การแลกเรือ
ซึ่งมักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราหลีกเลี่ยงการแลกเรือ ก็เท่ากับว่าเรายกคลองเรือให้แก่อีกฝ่ายนั่นเอง

คลอง , แถว , และแนวทแยง เป็นทางเดินของตัวหมากเรา ขณะที่ตาสำคัญ เป็นที่ยืนของตัวหมาก ในหมากรุกชั้นสูง
แผนการส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการยึดตาสำคัญ คลองเรือ
หรือการสร้างตาเดินที่เป็นจุดอ่อนในโครงสร้างหมากของฝ่ายตรงข้าม

โดย : v Guest   [ 07/07/2005, 23:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ : 35

การควบคุมหรือการยึดตำแหน่งสำคัญ (Control of a Key Square)

การเดินหมาก
หรือการทุ่มเททรัพยากรเพื่อยึดตำแหน่งสำคัญเพียงตาเดียวอาจเป็นแนวคิดที่เข้าใจยากอยู่บ้างสำหรับมือใหม่
แต่กระนั้นการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งนั้นมีความสำคัญไม่แพ้การได้เปรียบกำลังพล
และผู้เล่นมือใหม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อที่จะพัฒนาการเดินหมากของตน

หลักเกณฑ์ฯ 1 เหตุผลที่เราต้องยึดตำแหน่งตาที่สำคัญไว้ เนื่องจากตำแหน่งนั้นจะเป็นฐาน (บ่อ)
ให้เราสามารถนำม้า และ / หรือ บิชอพไปวางได้ (เราสามารถนำควีนและเรือไปวางได้เช่นกัน
แต่เป็นเพียงบางครั้งเท่านั้น)

หลักเกณฑ์ฯ 2 เมื่อเรานำหมากไปลงบ่อได้
ตัวหมากนั้นย่อมเหนือกว่าตัวหมากชนิดเดียวกันของฝ่ายตรงข้ามซึ่งไม่มีตำแหน่งยืนที่ดี

หลักเกณฑ์ฯ 3 บ่อยครั้งที่แผนการเล่นทั้งหมดอาจขึ้นอยู่กับการยึดตำแหน่งสำคัญฯ นั้นไว้

โดย : v Guest   [ 07/07/2005, 23:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ : 36




ในรูปนี้หมากขาวต้องบังคับเพื่อยึดเอาตำแหน่ง d5 ด้วยการเดิน 1.b5 ทำลายเบี้ย c6 ที่คุ้มกันตำแหน่ง d5
อยู่ ภายหลังจาก 1...c5 หมากขาวสามารถยึดตำแหน่ง d5 ได้ทันที (1…cxb5 2.axb5
ทำให้เรือของหมากขาวได้โจมตีเบี้ย a7โดยอัตโนมัติ)

โดย : v Guest   [ 07/07/2005, 23:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ : 37



ขอบคุณมาก ที่นำมาให้อ่าน อยากรู้มานานแล้ว

นับถือ นับถือ

โดย : WiMAX Guest   [ 08/07/2005, 22:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ : 38



ในรูปนี้หมากขาวขึ้นหมากได้เร็วกว่า นำตัวหมากทุกตัวออกมาใช้ประสานงานกันได้ดี
ขณะที่หมากดำเพิ่งเดินหมากได้เพียง ม้า ควีน และบิชอพ ตัวหมากส่วนใหญ่ยังนิ่งอยู่กับที่
แต่น่าเสียดายที่ตำแหน่งกลางกระดานยังปิดตายอยู่ เบี้ยหมากดำและหมากขาวล็อกซึ่งกันและกัน
ทำให้หมากขาวยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอสมมาตรข้อนี้ได้

โดย : v Guest   [ 09/07/2005, 18:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ : 39

มือนำ (Initiative)

ผู้เล่นที่สามารถบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามเดินหมากตอบรับการเดินของเขาได้ เราเรียกผู้เล่นคนนั้นว่าได้เปรียบ
“มือนำ” การที่เราสามารถควบคุมตำแหน่งหมากบนกระดานได้อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ทั้งที่เป็นปัจจัยระยะยาว (static advantages) หรือปัจจัยชั่วคราวที่เปลี่ยนแปลงได้ (dynamic
advantages) เช่น การที่เราโจมตีเบี้ยอ่อนแอของฝ่ายตรงข้าม
และทำให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นยุ่งอยู่กับการป้องกันเบี้ยดังกล่าว
กรณีเช่นนี้เราได้เปรียบมือนำโดยมีพื้นฐานจากปัจจัยระยะยาว (static advantage)
หากเป็นเช่นนั้นเราอาจเลือกกลยุทธ์บีบฝ่ายตรงข้ามช้าๆ ได้
เนื่องจากเบี้ยอ่อนแอของฝ่ายตรงข้ามเป็นความได้เปรียบที่ส่งผลในระยะยาว
หรือหากเราได้เปรียบการขึ้นหมากที่รวดเร็วกว่า
และเรากำลังใช้ความได้เปรียบนั้นโจมตีขุนฝ่ายตรงข้ามเพื่อหวังผลรุกจน
(ดังตัวอย่างที่เพิ่งอ้างถึงก่อนหน้า) ในกรณีนี้เราได้เปรียบมือนำโดยมีพื้นฐานจากปัจจัยชั่วคราว
(dynamic advantage) และเราจำเป็นต้องเปิดหมากบุกอย่างรวดเร็วก่อนที่ความได้เปรียบนี้จะหายไป

แนวคิดเรื่องการได้มือนำ มีความสำคัญมากในหมากรุกชั้นสูง
ที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต่างพยายามแย่งชิงความได้เปรียบนี้
ที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญนักในสายตาของมือสมัครเล่น
เราสามารถเห็นตัวอย่างการเล่นเพื่อแย่งชิงมือนำได้มากมายจากการแข่งขันระหว่าง GM
การเซ่นเบี้ยเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่อาจใช้แย่งชิงความได้เปรียบดังกล่าว
แต่บ่อยครั้งที่การเซ่นเบี้ยกลับกลายเป็นราคาที่สูงเกินไป T T (สังเกตว่าผู้แต่งใช้คำว่า
...การเซ่นเบี้ยเป็น “เทคนิค” อย่างหนึ่ง...ไม่ใช่ “กลยุทธ์” )

หลักเกณฑ์มือนำ 1 หากเป็นไปได้ เราควรและจำเป็นต้องบีบบังคับรูปเกมให้เป็นดังที่เราต้องการเสมอ

หลักเกณฑ์มือนำ 2 อย่า! เดินตอบรับหมากของฝ่ายตรงข้ามที่เดินขู่ หรือบีบบังคับเราทุกตา
ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้มือนำ และสุดท้ายหมากของเราจะหาทางตอบโต้ไม่ได้เลย (ดูตัวอย่าง)

หลักเกณฑ์มือนำ 3 การได้เปรียบมือนำ เหมือนกับการได้เปรียบการเปิดหมากที่เร็วกว่า
ทั้งสองปัจจัยนี้เป็นความได้เปรียบที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะซึ่งจะเลือนหายไป หากเราไม่รีบใช้มัน

โดย : v Guest   [ 09/07/2005, 18:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ : 40

^^ ขอบคุณครับ..
จะมีต่อไหมเนี่ย...

โดย : แบงค์2005 Member   [ 09/07/2005, 18:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ : 41

ในส่วนเนื้อหาทฤษฎีจบตรงนี้แล้วค่ะ ต่อไปเป็นการวิเคราะห์ตำแหน่งหมากจากเกมจริง
แต่ไม่ใช่วิเคราะห์ตลอดทั้งเกม ซึ่งเป็นตัวอย่างจากหนังสือเล่มเดียวกัน คาดว่าจะตั้งเป็นกระทู้ใหม่ค่ะ
เนื่องจากกระทู้นี้ยาวมากแล้ว และเครื่องคอมพ์ฯใช้เวลานานกว่าจะเปิดหมดทุกความเห็น

โดย : v Guest   [ 09/07/2005, 23:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ : 42

เล่นม่ายค่อยเป็นอ่ะ T T เป็นพวกทฤษฎีจัด

โดย : v Guest   [ 11/07/2005, 13:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ : 43

เมื่อไหร่จะตั้งกระทู้เพิ่มอะครับ

โดย : แบงค์2005 Member   [ 15/07/2005, 18:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ : 44

โหสุดยอดเลย น่าเอาไปลงในวรสาร

โดย : oo Guest   [ 25/07/2005, 14:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ : 45

http://www.thaibg.com/board/view.php?topic=13047

โดย : ตั้งกระทู้ใหม่ ชื่อ อสมมาตร ค่ะ Guest   [ 25/07/2005, 22:19:54 ]

  ขนส่งสินค้าจากจีน
  E-mail: webmaster@thaibg.com
Copyright 2002-2023 ThaiBG.com, All Rights Reserved