เป็น fw mail ที่นานมากละ ตั้งแต่ ปี 2002 นู่นแหนะ
แต่ทามะเอากลับมาอ่านใหม่ ซึ้งดีนะ เผื่อหลายๆคนที่ยังไม่ได้อ่าน
จะได้ซื้อเป้นเพื่อน อิอิ
"แด่เพื่อนที่ลืมเลือนกัน"
Diary สีน้ำเงิน
เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งมาจากเพื่อนคนนึง
เพื่อนซึ่งฉันทำเค้าหล่นหายไปกับกาลเวลานานพอดู
เกือบปีที่ไม่ได้เจอะเจอกันเลย
ครั้งสุดท้ายฉันรู้จากเพื่อนอีกคนเพียงว่า
เค้าป่วยแล้วลาออกจากงาน
แล้วพาตัวเองหนีความวุ่นวายของสังคมเมืองกลับไปช่วยกิจการของของที่บ้านที่เกาะ
แห่งหนึ่งในจังหวัด ตราด...
ฉันแกะกล่องพัสดุฯ แล้วฉันก็ได้พบ Diary สีน้ำเงิน เล่มหนา
ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก
พร้อมกับข้อความที่เขียนด้ายปากกาเส้นเล็ก ๆ ว่า
สำหรับความรู้สึกที่ดี ของความเป็นเพื่อน
พร้อมกับลายเซ็นของตัวเอง ....
นี่มัน Diary
ของฉันที่เคยเขียนไปได้เพียงครึ่งหน้าและได้ให้กับเพื่อนคนนี้ในวันหนึ่งที่
ฉันได้รู้เรื่องราวไม่สบายใจของเขา
และพบว่าที่เขาเล่าให้ฉันฟังมันไม่ใช่ความทุกข์ที่เค้าอยากจะระบายออกมาทั้งหมด
ฉันเลยแนะนำให้เขาเขียนในสิ่งที่เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
และให้บรรยายมันงหม
ลงใน Diary ของฉันเล่มนี้ แล้วบอกเขาด้วยว่า
ถ้าวันนึงที่เขาไว้ใจเพื่อนอย่างฉันเขาคงเล่าความทุกข์ของเขาทั้งหมดให้ฉันได้
รั บรู้ ฉันพลิกดู Diary สีน้ำเงินเล่มนี้อย่างคร่าว ๆ
จากหน้าแรกจนหน้าสุดท้าย
ไม่หน้าเชื่อเพื่อนของฉันคนนี้เขียนมามันจนหมดทุกหน้า ...
ไม่บ่อยครั้งนักที่ฉันจะได้เห็นผู้ชายมานั่งเขียนอะไรมากมายอย่างนี้
และในหน้าสุดท้าย ฉันก็พบรูปของตัวเอง
ที่ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นที่คั่นหนังสือ
กับข้อความหลังภาพที่ว่า
หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน
ฉันก็คงเป็นได้แค่เพียงเพื่อน
ฉันพลิกกลับมาที่หน้าแรก ตั้งต้นอ่านมันอย่างตั้งใจ
จากหนึ่ง เป็นสอง สาม และสี่ ตามลำดับเรื่อยมา ...
ฉันได้พบชื่อของตัวเองบ่อยครั้งใน
Diary สีน้ำเงินเล่มนี้
เหมือนกับเป็นการเล่าสู่กันฟังของเพื่อนกับเพื่อน
เรื่องราวที่ฉันได้รับรู้จาก Diary
หลายต่อหลายครั้งทำเอาฉันนั่งน้ำตาซึม ...
ไม่น่าเชื่อนะ ผู้ชายแข็ง ๆ กระด้าง ๆ
ที่มักจะทำอะไรให้คนอื่นได้ยิ้มได้หัวเราะอยู่ตลอดเวลาจะเก็บเอาอะไรมาคิดได้
้มากมายอย่างนี้ ฉันอ่านมันหน้าแล้วหน้าเล่า...
แล้วฉันก็พบว่าเพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าฉันรู้จักเขามากพอดู
มาวันนี้ฉันกลับรู้สึกว่าฉันไม่ได้รู้จักในตัวตนของเขาสักเท่าไหร่เลย
ฉันสัมผัสเค้าได้แค่เพียงเปลือกนอกที่เค้าแสดงออกมาให้คนอื่นได้รับรู้เพียง
แค่นั้น...
มีบางแง่มุมที่ไม่เคยได้รู้ ฉันก็ได้รู้
บางเรื่องที่ฉันลืมไปอย่างไม่ได้ใส่ใจก็กลับมาอยู่ในความทรงจำอีกครั้ง
ฉันได้อ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้ได้มากพอดู ถึงได้รู้ว่า
สาเหตุที่เธอกลับมาอยู่ที่เกาะ มาช่วยกิจการที่บ้าน
เพราะอาการป่วยของเธอนั่นเอง เธออยากกลับมาอยู่ใกล้ ๆ
กลับมาดูแลแม่ของเธอในวาระสุดท้ายของตัวเอง
..หมอบอกเธอว่า
โรคมะเร็งที่เธอเป็นอยู่มันจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก
เธอไม่กล้าแม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับแม่ซึ่งทำงานหนักมาทั้งชีวิต
โดยที่ทั้งแม่และเธอไม่เคยได้รับการใส่ใจดูแลจากผู้เป็นพ่อเลย
..เธอกลัวแม่ของเธอรับไม่ได้
..เธอไม่เคยบอกใครถึงสิ่งที่เธอเป็นอยู่
ทางบ้านรับรู้เพียงว่าเธอสุขภาพไม่ดี ....
ฉันนั่งนึกถึงแม่เธอที่เคยเจอะเจอเมื่อปีก่อน ผู้หญิงที่ดูเข้มแข็ง
แกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
แม่เธอบอกเสมอว่าที่ท่านอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเธอ
เธอเป็นกำลังใจในการต่อสู้และการดำเนินไปของชีวิต.....
แม่เธอจะรับได้ไหม ถ้าวันนึงรู้ว่า กำลังใจของแม่กำลังจะจากไป...
ฉันรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากอาการข้างเคียงของโรคผ่านตัวหนังสือ
ใน Diary สีน้ำเงิน เธอเขียนไว้ว่า หลายต่อหลายครั้งที่เธอร้องไห้
และคิดถึงเพื่อนอย่างฉัน ยิ่งช่วงท้าย ๆ ของ Diary
ฉันได้เห็นชื่อของตัวเองบ่อยครั้งขึ้น
บ่อยมากจนรู้สึกว่าเวลานั้นเธอคงอยากให้ฉันอยู่ใกล้ๆ เธอจริง ๆ
แต่เธอไม่เคยโกรธที่ฉันห่างหายมาอย่างนี้ เธอบอกว่า
เธอรู้ข่าวคราวและความเป็นไปของฉันตลอดจากเพื่อนอีกคน
เธอรู้ว่าฉันเองก็มีเรื่องทุกข์ใจที่ต้องเผชิญอยู่เช่นกันเธอถึงไม่เคยเรียกร้อง
ี่จะให้ฉันไปอยู่ข้างเธอยามนี้ ฉันอ่าน Diary สีน้ำเงินเล่มนี้จน
จบ ข้อความท้าย ๆ ของ Diary คล้ายจะเป็นการสั่งเสีย
เหมือนเธอรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ
และเธอกำลังต้องการเพื่อนสักคนในเวลานี้ และคน ๆ นั้นก็คือฉัน
หากเธอมองฉันผ่านมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ฉันก็คงเป็นได้แค่
เพียงเพื่อน
แล้วฉันก็พบข้อความนี้อีกครั้ง มันเป็นข้อความสุดท้ายใน Diary
สีน้ำเงินเล่มนี้ ..ฉันอ่านมันจนจบ
พร้อมกับปิดมันลงด้วยความรู้สึกผิด
นานแค่ไหนแล้วที่ฉันทำเพื่อนคนหนึ่งหายไปกับกาลเวลา
นี่ฉันเป็นเพื่อนชนิดไหนกันนี่
ยามที่เธอต้องการฉัน ฉันกลับห่างหายมาอย่างนี้
ฉันขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ฉันสัญญา
พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเหมือนก่อน
กลับไปอยู่ข้างๆ
เธอยามที่เธอต้องการเพื่อนสักคน ....
แล้วพรุ่งนี้ฉันจะรีบไปหาเธอแต่เช้า
กลับไปทำหน้าที่ของเพื่อนที่พึงทำให้เพื่อน ..ฉันสัญญา
เธอคงกำลังรอฉันอยู่
....
วันนี้ฉันมาหาเธอที่บ้าน แต่สิ่งที่ฉันพบ ....
คือร่างของเธอที่นอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน....พบแม่ของเธอที่กำลังร้องไห้แทบขาดใจ
แม่โผเข้ากอดฉันเหมือนกำลังจะบอกว่า เธอไปแล้ว เธอจากไปแล้ว......
ฉันมาช้าไป มาช้าไปจริง ๆ
ฉันมาไม่ทันลมหายใจสุดท้ายของเธอด้วยซ้ำ ...
แม่เธอเล่าให้ฉันฟังหลังจากงานศพของเธอผ่านไป ...
แม่บอกว่าเธอมักจะพูดคุยถึงเรื่องราวของฉันให้แม่เธอได้รับรู้เสมอ
...เมื่อไหร่ที่เธอรับรู้ว่าฉันกำลังทุกข์ก็ดูเหมือนเธอกำลังทุกข์ไปกับฉันด้วย
แม่เคยบอกให้เธอมาหาฉันแต่เธอปฏิเสธ
เพราะเธอไม่อยากให้ฉันเห็นเธอในสภาพก่อนที่เธอจะจากไป
เธอกลัวว่าฉันจะเป็นห่วงเป็นกังวลไปกับเรื่องราวของเธอ
..แม่เธอบอกกับฉันว่าเธอห่วงฉันมาก
แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอ เธอยังบอกกับแม่ว่า
ถ้าฉันมาที่บ้าน แสดงว่าฉันคงไม่ค่อยสบายใจ
รู้สึกแย่กับชีวิต ..ฉันถึงพาตัวเองมาหาทะเลมาหาเพื่อนอย่างเธอ
..เธอฝากให้แม่ดูแลฉันแทนเธอด้วย
น้ำตาฉันยังคงอาบแก้ม ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ
ความห่วงใยที่เธอมีให้กันเสมอจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเธอทะเลหน้าบ้านเธอที่
ฉันเคยบอกว่า เป็นทะเลที่สวยที่สุด วันนี้มันดูเศร้าไปถนัดตา
...หลับให้สบายเถอะเพื่อน ฉันจะไม่มีวันลืมเพื่อนอย่างเธอไปได้เลย
..ฉันสัญญา...
วันนี้ฉันนั่งสำรวจตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับถามตัวเองว่า
ฉันทำใครหล่นหายไปกับกาลเวลาอีกไหม ... แล้วถ้าฉันพบว่ามี
ฉันจะรีบกลับไปทวงถามให้เค้ากลับมาด้วยความรู้สึกดีๆ
และจะพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาเค้าไว้กับฉันตลอดไป
อ่านจบแล้วอย่านะ........อย่าแอบร้องให้คนเดียว
อันเพื่อนดี มีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนมีเกลือนิดหน่อยด้วยราคา
ดีกว่าค่าน้ำเค็มเต็มทะเล
ลองทบทวนดูว่าคุณลืมสิ่งใดไปบ้างระหว่างมิตรภาพของคำว่า " เพื่อน"
Jim...