[ กลับหน้าหลัก ]


เกล็ดเล็กน้อย น่ารู้ไว้ครับ

ผมมีเรื่องอยากบอกต่อ ให้ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปได้รับรู้
> > > > > >>> เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้
> > > > > >>> > เรื่องมีอยู่ว่า
รถของผมถูกชนในซอยข้างสำนักงานเขตบางกะปิ
> > > > > >>> ผมจึงไปแจ้งความที่สน.ลาดพร้าว
> > > > > >>>
> เพื่อที่จะนำเอกสารไปประกอบการเคลมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ผมทำ
> > > > > ประกันไว ้>>> แต่เมื่อนำ
> > > > > พ.ร.บ.รถยนต์ไปถ่ายเอกสาร ปรากฏคำว่า "ปลอม" ขึ้นมา
> > > > > >>> ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจ
> > > > > >>> แต่เมื่อนำไปเคลมเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันไม่ยอมเคลมให้
> > > > > >>> หาว่าเอกสารของผมเป็นของปลอม ทำให้ผมเครียดมาก
> > > > > >>> > ผมได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์
> > > > > >>> เจ้าหน้าที่ชื่อ
> > > > > >>> "คุณบุปผา" ให้คำแนะนำผมอย่างดีมาก
> > > > > >>> ว่านี่เป็นเทคนิคหนึ่งในการป้องกันการปลอมแปลง
พ.ร.บ.รถยนต์
> > > > > >>> แต่ถ้าถ่ายเอกสารแล้วไม่ขึ้นคำว่า "ปลอม"
> > > > > >>> พ.ร.บ.ฉบับนั้นอาจจะเป็นของปลอมที่แท้จริงก็ได้
> > > > > >>> ผมก็กลับไปบอกเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยอีกครั้ง
> > แต่เจ้าหน้าที่ไม่
> > > > > เชื่อ
> > > > > >>> จนต้องให้คุณบุปผาโทรศัพท์ไปยืนยันให้
> > > > > >>> ทางบริษัทประกันภัยจึงยินยอมทำเรื่องให้ผม ผมว่า
> > > > > >>> นอกจากเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยฯ
> จะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
> > > > > >>> ก็ยังมีอีกหลายคนไม่รู้
> > > > > >>> > เพราะตอนแรกผมเกรงว่าจะถูกหลอกจากร้านที่ไปทำ
พ.ร.บ.รถยนต์
> > > > > >>> จึงได้ไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว
ว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเอกสารปลอม
> > > > > >>> เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของปลอม หรือของจริง
> > > > > >>> และยอมรับแจ้งความ
> > > > > >>> > ผมอยากเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ทุกๆ บริษัท
> > > > > >>> ทำการอบรมสัมมนาพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
> > > > > >>> อย่างบริษัทที่ผมทำประกัน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่
> > เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ
> > > > > ดัง
> > > > > >>> พนักงานของเขายังไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
> > > > > >>> > ถ้าผมไม่โทรสอบถามจากกรมการประกันภัย ผมก็คงเคลมไม่ได้
> > > > > >>> และต้องเสียเงินซ่อมรถเองแน่ๆ
> > > > > >>>
> และอยากให้กรมการประกันภัยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกรณีนี้ให้มากขึ้น
> > > > > >>> มิเช่นนั้น
> > > > > >>>
> > ผู้ขับขี่บางคนอาจจะเป็นเหมือนผมและอาจจะเสียโอกาสในการได้เคลมประกัน
> > > > > >>> เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
> > > > > >>> > เชาวลิต หาญธนชาติ
> > > > > >>> >
> > > > > >>> > ตอบ คุณเชาวลิต หาญธนชาติ
> > > > > >>> > ถือว่า คุณเชาวลิต รอบคอบมาก
ถึงไม่ต้องเสียเงินซ่อมรถเอง
> > > > > >>> เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลุงแจ่มได้สอบถามไปยัง
คุณบุปผา
> > > > > >>> > เจ้าหน้าที่ของกรมการประกันภัย ที่คุณเชาวลิตพูดถึง
> > ได้รับคำชี้แจง
> > > > > ว่า
> > > > > >>> นี่เป็นเทคนิค
หรือกุศโลบายในการป้องกันการปลอมแปลงกรมทัณฑ์
> > > > > >>> ที่เคยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ไปแล้ว
> แต่อาจจะไม่ทั่วถึง
> > > > > >>> ดังนั้น
> > > > > >>> จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
อีกครั้งว่า
เมื่อ
> > > > > กระดาษ
> > > > > >>> พ.ร.บ.รถยนต์ถูกความร้อนของเครื่องถ่ายเอกสาร
> > > > > >>> > เมื่อกระดาษ
พ.ร.บ.รถยนต์ถูกความร้อนของเครื่องถ่ายเอกสาร
> > > > > >>> ก็จะปรากฏคำว่า
> > > > > >>> "ปลอม"
> > > > > >>>
> > เพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่อาจจะมีการนำไปถ่ายเอกสารสีให้เหมือนของ
> > > > > จริง
> > > > > >>> และนำมาแอบอ้างใช้ นอกจากนี้ก็ยังมีการป้องกันการปลอมแปลง
พ.ร.บ.
> > รถ
> > > > > ยนต์
> > > > > >>> อีกหลายจุด เช่น ในเนื้อกระดาษ พ.ร.บ. จะมีเส้นใยสีชมพู
> > ถ้าส่องกับไฟ
> > > > > >>> จะเห็นตรากระทรวงพาณิชย์อยู่ในเนื้อกระดาษ เป็นต้น

โดย : นิทาน Guest [ 08/05/2005, 05:31:40 ]

1

มีอีกครับ เป็นเรื่องที่เราน่ารู้
ย่างอาหารนาน 2 ชั่วโมงเท่ากับสูบบุหรี่ 200,000 กว่ามวน
คนที่ชอบทำอาหารปิ้งหรือย่าง เช่น บาร์บีคิวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามคงต้องคิดสักนิด
เพราะผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า การทำอาหารดังกล่าวแบบดั้งเดิมจะก่อให้เกิดสารพิษซึ่งเป็นต้นตอของมะเร็ง
แถมการปิ้งหรือย่างอาหารนาน 2 ชั่วโมงยังสร้างสารพิษดังกล่าวได้พอๆ กับบุหรี่ 220,000 มวนเลยทีเดียว

จากการศึกษาของกลุ่มโรแบง เดส์ บัวส์ ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส พบว่า
การปิ้งหรือย่างอาหารแบบดั้งเดิมที่ใช้ไม้หรือถ่านเป็นเชื้อเพลิงเป็นเวลา 2
ชั่วโมงจะทำให้เกิดสารไดอ็อกซินในปริมาณเทียบเท่ากับบุหรี่ 220,000 มวน และสารไดอ็อกซินนี้
ก็เป็นสารเคมีในกลุ่มที่ก่อมะเร็ง

ในการศึกษาครั้งนี้ คณะวิจัยดูปริมาณสารพิษจากการย่างสเต็คเนื้อวัว 4 ชิ้นใหญ่ เนื้อไก่งวง 4 ชิ้น
และไส้กรอกขนาดใหญ่อีก 8 อัน ซึ่งปริมาณไดอ็อกซินที่ได้จากการย่างอาหารเหล่านี้จะอยู่ที่ 12 ถึง 22
นาน์โนกรัม
ทั้งนี้ นอกจากการศึกษาข้างต้นแล้ว
หน่วยงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยของอาหารในฝรั่งเศสยังได้วิจัยถึงความเป็นไปได้ที่อาหารประเภทปิ้งหรือย่า
ง เช่นบาร์บีคิวจะก่อให้เกิดมะเร็ง และพวกเขาก็พบว่า
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนบางตัวไปปะปนในอาหารระหว่างที่ปิ้งหรือย่าง

เดส์มองด์ อองแมร์ตอง อดีตผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ชีววิทยาทางทะเลในฝรั่งเศส
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รณรงค์เรื่องความปลอดภัยของอาหาร กล่าวว่า
เขาอยากจะเตือนให้ทุกคนระวังภัยจากอาหารประเภทปิ้งและย่าง รวมทั้งขั้นตอนในการปรุงอาหารเหล่านี้ด้วย

ถึงแม้การทำบาร์บีคิว หรือปิ้งและย่างอาหารในบางวันของช่วงฤดูร้อนจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย
แต่ถ้าคุณทำอาหารประเภทนี้เป็นประจำก็ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
และขั้นตอนในการทำอาหารประเภทนี้ยังทำให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพได้พอๆ กับการสูบบุหรี่เป็นเวลากว่า 10 หรือ
20 ปี เลยทีเดียว เขากล่าว

ผลการศึกษาชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารฟูด สแตนดาร์ดส์ เอเจนซี

โดย : นิทาน Guest   [ 08/05/2005, 05:34:22 ]

2

ไม่นอนเหรอคับ นอนน้อยเดี๋ยวร่างกายไม่แข็งแรงเอานะคับ
รักษาสุขภาพด้วย

โดย : ฮิปโปจัง Guest   [ 08/05/2005, 05:37:42 ]

3

10 สัญญาณที่ คุณ...ต้องครองโสดตลอดกาล

>
>“ชั้นคงต้องอยู่หมู่บ้าน คานทองนิเวศน์กับพวกเธอแล้วล่ะ” คำพูดของ
>“เปรี้ยว” สาววัยดึกที่ผ่านช่วงชายหนุ่มมารุมตอมแล้วหลายฝน
>กล่าวกับเพื่อนสาวกลุ่มครองโสดด้วยกันร่วมสิบ
>จะเห็นว่าไม่ว่าด้วยค่านิยม
>หรือหน้าที่รับผิดชอบที่ผู้หญิงสมัยนี้ยอมใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้น
>แต่ในใจลึกๆ ของพวกเธอเหล่านั้น กลับหวังเล็กๆ ว่า
>วันหนึ่งชีวิตครอบครัวอันแสนอบอุ่นก็จะมาเยือน แต่...เมื่อไหร่ล่ะ
>ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้...
>
>1. คุณไม่มีวี่แววว่าจะได้ออกเดท ไม่ว่าจะเป็นวันวาเลนไทน์
>หรือวันพิเศษวันไหนๆ คุณต้องคอยโทรหาเพื่อนโสดของคุณ ไปดวดเหล้า หรือ
>แม้แต่นั่งดูหนังเรื่องเศร้าอยู่คนเดียว
>
>2. ที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่ชายมาเหลียวตามอง
>ตั้งแต่ประถมถึงมัธยมก็จมอยู่กับโรงเรียนหญิงล้วน
>พอจบมาก็อยู่แต่กะเพื่อนสาว สุด เริ่ด เชิด หยิ่ง
>มองผู้ชายที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงดอกไม้ริมทาง จนกาลเวลามันทำพิษ
>อายุยิ่งมากขึ้น ก็สายไปเสียแล้วกับการเรียกสายตาจากผู้ชาย
>
>3. คุณเป็นพวกแปลกแยก มีความสุขกับการอยู่คนเดียว
>ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร หรืองานอะไร อีชั้นขอทำคนเดียว
>และมักจะประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองไปซะทุกเรื่อง
>
>4. คุณไม่สนแบบแผนของสังคม ชอบความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะตด เรอ
>หรือกินแบบมูมมาม แม้แต่งัดเครื่องสำอางมาแต่งหน้ากลางห้าง
>หรือแคะขี้มูก แล้วผู้ชายหน้าไหนจะกล้าเข้าไปจีบล่ะคะ
>
>5. คุณติด sex toy เป็นชีวิตจิตใจ
>ชีวิตนี้ไม่ขอพึ่งของจริงเพราะชั้นมีสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว
>
>6. คุณเป็นคนไม่กล้าเสี่ยงกับชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเห็นบทเรียนต่างๆ
>ของความรักจากคนรอบข้าง อย่างเช่น แต่งแล้วหย่า ภรรยามีชู้ สามีนอกใจ
>ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นปมในความนึกคิดของคุณ
>จนอดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเอง
>
>7. ผู้คนมองว่าคุณเป็นเลสเบี้ยน แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ยังกล้าจีบทอม
>อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่คบทอมหรือเลสเบี้ยนจนออกหน้า
>ก็ยังมีลุ้นว่าชายหนุ่มจะมาแอบปิ๊ง
>
>8. คุณยึดติดแมกกาซีน หรือบทความ จนกระทั่งหนังสือเกี่ยวกับความรัก
>หรือปัญหาของความรักมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค หรือเคล็ดลับการหาคู่
>แต่ส่วนใหญ่คุณมักสนใจแต่กับข้อดีข้อเสีย ของการใช้ชีวิตคู่
>มองไปทางไหนเห็นแต่จุดด้อยของผู้ชาย ไม่ว่าตอนอยู่บนลิฟท์
>เพียงเห็นสายตาชายหนุ่มคนข้างๆ จ้องมองคุณอยู่
>ท่าคาราเต้คิกด้วยขายาวๆของคุณ ก็ปรากฏอยู่บนลำคอเขาแล้ว
>
>9. ไม่มั่นใจในตัวเอง ขลาดที่จะอยู่ใกล้ๆ ผู้ชาย
>ตัดสินใจออกเดทกับหนุ่มคนแรกในชีวิต ก็ทำเสียแผน
>แทนที่จะตามเค้าไปดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่เดินห้าง คุณกลับบอกเค้าว่า
>ไปเยี่ยมคุณย่าฉันเถอะ…
>
>10. คุณมองผู้ชายในแง่ลบ ตอนยังเด็กคุณมักฝันถึงเจ้าชายที่เพียบพร้อม
>และตั้งใจว่าโตขึ้นคุณจะพบกับชายหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อวันและเวลาเลยผ่าน
>หนุ่มที่พบเจอกลับไม่ได้แค่เสี้ยวของเจ้าชายคนนั้น แต่ก็ยังไม่อดฝัน
>เลยพาลมองผู้ชายที่เข้ามาป้วนเปี้ยนเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง
>
>ปล. โบราณเขาสอนว่า "อยู่คนเดียวสบายแต่ไม่สนุก
>อยู่สองคนสนุกแต่ไม่ค่อยสบายใจ" คุณอยากจะเลือกอันไหน
>
>ไหนๆ หนุ่มและสาวๆก็ฝากเตือนมาตรงกันหลายคนแล้วว่า
>"ถ้าคิดจะคบกับใครเป็นพิเศษ ก็อย่าเลือกมากนะ
>ถ้าคิดว่าเขาดีพอ(พอดีพอเหมาะกับตัวคุณ)
>ถ้าเขามีฐานะที่มั่นคง(เงินเลี้ยงชีพได้ตลอดชีวิตคู่)
>มีการงานที่มั่นคง พ่อแม่ของเขาอบอุ่น ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่หรือไม่
>ขยันทำงาน(สู้งาน) ขอแค่นี้ รับรองว่า เขานั่นแหละถือว่า
>เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องหล่อมาก รวยมากหรอครับ
>คนดีๆมีเยอะแยะไป เพียงแต่ คุณเลือกมากไปหรือเปล่า ก็ลองถามใจตัวเอง
>
>อ้อ ข้อสำคัญอีกข้อก็คือ อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป จนสายเกินไป เพราะ
>คุณผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชายนะจ๊ะ ผู้หญิงแค่มีอายุแตะใกล้จะเลข 30
>ล่ะก็ อย่าฝันว่าจะได้มีผู้ชายโสดๆสดๆมาจีบนะจ๊ะ
>นี่ผู้ชายฝากเตือนด้วยความหวังดี
>
>อย่างไรก็ตาม จะคบกับใคร ต้องดูให้ดีๆ
>ใช้สติปัญญาและหัดเป็นคนช่างสังเกต ที่สำคัญ
>ควรเปิดอกเปิดใจคุยกันสม่ำเสมอว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไม่พอใจหรือพอใจ
>อย่างไร อย่าเก็บกดจนหัวจะระเบิดแน่ๆล่ะ แล้วก็ คุณผู้หญิงทั้งหลาย
>อย่าเลือกมากก็แล้วกัน ถ้าผู้ใหญ่มองว่า ผู้ชายคนนี้ดูแล้ว
>เป็นคนที่ดีเหมาะสมล่ะก็ ลุยเลยครับ แต่งงานไปเลยครับ
>ไม่ต้องไปเลือกมาก เชื่อผมเถอะ
>

โดย : นิทาน Guest   [ 08/05/2005, 05:56:25 ]

4

เกร็ดน่ารู้ในการเข้าพักโรงแรม





โรงแรมทุกๆ แห่งนั้น ย่อมจะมีอย่างน้อยหนึ่งห้องที่ซึ่งถูกปล่อยให้ว่างไว้ตลอดเวลา
ไม่ว่าโรงแรมห้องเต็มขนาดไหน พวกเขาจะไม่ขายห้องนั้นให้กับแขกคนใดทั้งสิ้น
ว่ากันว่าห้องพิเศษห้องนั้นได้ "สงวนไว้" สำหรับ "แขกพิเศษเหล่านั้น" ฉะนั้น
เมื่อคุณมีแผนที่จะเข้าพักในโรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง

ควรจองล่วงหน้าไว้ก่อนเสมอ พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าพักแบบวอล์คอิน (Walk in)
ถ้าพนักงานต้อนรับได้บอกคุณไปแล้วว่าไม่เหลือห้องว่างอีกต่อไปแล้ว จงอย่าได้ดื้อดึงอยู่ต่อ
หรือพยายามติดสินบนพวกเขาเพื่อที่จะให้พวกเขาให้ห้องพักแก่คุณ ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น
เกือบทุกครั้งที่ห้องที่คุณได้ไปจะเป็น "ห้องพิเศษ" ที่ว่านั่น และอีกเช่นกันที่บางครั้ง
"แขกพิเศษ" เหล่านี้ อาจจะโผล่ไปที่ห้องอื่นๆ ด้วย

ดังนั้นนี่คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่าคุณจะป้องกันตัวคุณเองได้อย่างไร

- ก่อนที่จะเข้ายังห้องพักของคุณ จงเคาะประตูก่อนทุกครั้ง แม้คุณจะรู้ว่านี่เป็นห้องว่างก็ตาม

- หลังจากที่เข้าไปอยู่ในห้องแล้ว หากคุณรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันทีทันใด และมีอาการ "ขนลุก"
จงออกจากห้องไปเงียบๆ และโดยทันที แล้วไปหาพนักงานต้อนรับเพื่อขอเปลี่ยนห้องใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้ว
พนักงานต้อนรับจะเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

- หลังจากอยู่ภายในห้องแล้ว จงเปิดไฟให้ครบทุกดวงในทันที
พร้อมกับเปิดผ้าม่านเพื่อปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามา

- ก่อนเข้านอน จัดวางรองเท้าของคุณให้อยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางกัน
บางคนบอกเอาไว้ว่านี่เป็นการแสดงถึงหลัก "หยิน-หยาง" เพื่อคุ้มครองคุณขณะที่คุณหลับ

- จงเปิดโคมไฟทิ้งไว้อย่างน้อยดวงหนึ่งขณะที่คุณหลับ ยิ่งเป็นไฟในห้องน้ำยิ่งดี

- หากคุณพักคนเดียว และห้องคุณเป็นเตียงคู่ อย่าเข้านอนโดยปล่อยให้อีกเตียงหนึ่งว่างเปล่า
พยายามนำสิ่งของไปวางไว้เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่เตียงว่างอีกเตียงหนึ่งก่อนที่คุณจะหลับ

โดย : นิทาน Guest   [ 08/05/2005, 05:57:18 ]

5

>>>ถ้าโทรศัพท์มือถือเปียกน้ำ...
>>>
>>>ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ
>>>
>>>ลองทำตามเค้าดูหน่อย.....ก็ไม่เสียหาย
>>>
>>>ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณเปียกน้ำหรือตกน้ำในช่วงสงกรานต์
ให้ปฏิบัติดังนี้
>>>
>>>1. หลังจากเอาเครื่องขึ้นจากน้ำแล้ว ห้าม!กด power
เปิดเครื่องเด็ดขาดครับ
>>>
>>> ถ้าเปิดจะเกิดการลัดวงจรขนานใหญ่ ให้ถอดแบตเตอรี่ออกด่วนที่สุด
>>>
>>>2. หาผ้าเช็ดครับเช็ดด้านนอกให้แห้งได้ครับเช็ดแบตด้วยนะครับ
>>>
>>> ทีนี้เราก็จะได้เริ่มสำรวจว่าน้าเข้าส่วนไหนบ้าง
>>>
>>>3. หาถุงพลาสติกใส่เครื่องคุณไว้นะครับรัดยางปิดถุงไว้
>>>
>>> ไม่ต้องสลัดเครื่องนะครับช่วงนี้ไม่ต้องทำให้เครื่องแห้ง
รีบกลับบ้าน
>>>
>>>4. ห้าม!ใช้ไดรเป่าผมเป่าให้แห้งเด็ดขาด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย
>>>
>>> เกลียดและกลัวความร้อนที่สุด
>>>
>>>5. ถึงบ้านแล้ว หาถุงผ้าหรือผ้าบาง ๆ ห่อเครื่องไว้ครับ
>>>
>>> อย่าลืมเปิดฝาหลังที่ครอบแบตเตอรี่ด้วยนะครับ
>>>
>>> (ถ้ามี) หลังจากห่อดีแล้ว รัดยางครับ เอาไปฝังไว้ในถังข้าวสารครับ
24
>>> ชม.
>>>
>>> รอดูผล ใจเย็น ๆ ครับคืนเดียวเอง ข้าวสารจะดูดความชื้นออกมาหมด
>>>
>>> ถ้าใจเย็นกว่านั้น 2 วันก็ได้ครับ
>>>
>>> ขอย้ำ อย่าใจร้อน
>>>
>>>6. หลังจาก 1-2 วัน ก็เอาออกจากถังข้าวสารครับ ทีนี้ก็เอามาใส่แบต
>>>
>>> ลองดูครับ
>>>
>>> ร้อยละ 90 ถ้าทำอย่างที่ผมว่า เครื่องจะใช้ได้ครับ ขอย้ำนะครับ
>>>
>>> ต้องทำตามขั้นตอนที่บอกมานะครับ
>>>
>>> ลองดูครับ ขอให้ pda หรือโทรศัพท์ หรือ ฯลฯ
>>>
>>> อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของทุกท่านกลับมาเหมือนเดิมนะครับ


DeleteReplyForwardSpamMove...

โดย : นิทาน Guest   [ 08/05/2005, 06:03:09 ]

6

สวัสดีทุกคน เราไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คิดว่าจะ
เป็นการดีมากหาก

เรารู้จักระมัดระวังตัวเพื่อความปลอดภัย



เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล........วันนี้ หลังจากเลิกงาน น้องสะใภ้เล่าให้
เราฟังว่า

เดี๋ยวเนี้ย มันมีวิธีลวงผู้หญิงไปข่มขืนกันแบบใหม่ซึ่งมันเกิดขึ้นกับ
เพื่อนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนที่ดีของเราคน

หนึ่ง เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่เพื่อนผู้หญิงคนนี้เค้าเลิกงานเค้าเห็น
เด็กคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างถนน

ก็รู้สึกสงสารเลยเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นก็บอกว่า "หนู
หลงทาง ช่วยพาหนู

กลับบ้านหน่อย" แล้วเด็กคนนั้นก็ยี่นกระดาษที่มีที่อยุ่ให้กับเพื่อน
ผู้หญิงของเรา แล้วทีนี้เพื่อนผู้

หญิงคนนี้เค้าเป็นคนที่จิตใจดีก็เลยไม่รู้สึกสงสัยอะไร จากนั้นก็พาเด็กคน
เนี้ยไปตามที่อยู่ในนั้นทีนี้พ

อไปถึงบ้านของเด็กคนนั้น เพื่อนผู้หญิงคนนี้เค้าก็เลยกดกริ่งประตู แล้วก็
สลบไปเลยเพราะที่กริ่ง

นะมันมีกระแสไฟแรงสูงอยู่ตื่นมารู้สึกตัวอีกที ก็อีกวันหนึ่ง พบว่าตัวเอง
นอนอยุ่ในบ้านร้างกลางป่า

กลางเขา แถมไม่มีเสื้อผ้าอีกต่างหาก เธอไม่เคยเห็นหน้าคนที่ทำร้ายเธอ
เลย....ทำไม่ทุก

วันนี้อาชญากรรมมันเกิดขึ้นกับคนที่มีจิตใจดีอย่างนี้นะ....วันหน้าถ้ามี
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

อย่าพาเด็ก(นรก) ไปส่งที่ที่เหมือนเจาะจงให้ไป แต่ถ้าเด็กจะให้ไปส่งให้
ได้ ก็พาไปส่งที่สถานี

ตำรวจดีกว่า เพราะว่าเด็กหลงทางเนี้ยพาไปส่งตำรวจจะดีที่สุด กรุณาส่ง
ข้อความนี้ไปยัง

เพื่อนผู้หญิงของคุณทุกคน

(หมายเหตุ : คุณผุ้ชายกรุณาบอกเรื่องนี้กับแม่ของคุณ น้องสาว พี่สาว
ภรรยา และแฟนของคุณด้วย)

โดย : นิทาน Guest   [ 09/05/2005, 11:59:44 ]

7



ใครบางคน...ที่มีค่าพอให้รอคอย
ก า ร ร อ ค อ ย...เป็นเรื่องที่ทรมาน
โดยเฉพาะการรอคอยที่จะกลับมาพบกัน
หรือรอคอยใครสักคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เพราะในเวลาแห่งการรอคอยนั้น
มันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง
และเข็มนาฬิกาก็เดินช้าขึ้นอีกเป็นเท่าตัว...
จากเวลาที่นานอยู่แล้วจึงนานยิ่งกว่า
และการดำเนินชีวิตระหว่างการรอนั้น
ก็มีตัวแปรมากมายที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะ

เพราะทุกคนมีพื้นฐานความเหงา
และโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเองพอๆกับความอ่อนไหว
เป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้ระยะทางเป็นเครื่องวัดความรู้สึก
พิสูจน์ความแข็งแรงของความรัก
วัดการกระทำ...ความเสมอต้นเสมอปลาย
และความอดทน
ด้วยเงื่อนไขของความลำบากแห่งกาลเวลา
และตัดสินว่า...การรอคอยจะคุ้มค่าหรือไม่



ก า ร อ ยู่ ห่ า ง กั น...
จึงจำเป็นต้องพิสูจน์กันด้วยความเข้มแข็ง
ต่างคนต่างก็ต้องทำหัวใจให้เข้มแข็งกับอารมณ์ต่างๆ
ที่คอยรบกวน...และคอยชักจูงออกนอกลู่นอกทาง
เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย...ที่วันนึงเราพบว่า
คนคนหนึ่ง...คือคนที่ชีวิตเราตามหามาตลอด
และใครสักคนที่เป็นได้อย่างที่เราฝัน
มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
และคนที่จะฝ่าฟันกับการบีบคั้นแห่งการรอคอย
กลับมาหาเราได้ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา...

เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้ น...
ย่อมหมายถึง...ความรู้สึกที่เค้ามีอยู่ก็คงไม่ได้ธรรมดา
และคนคนนั้นก็ย่อมเต็มค่า

เวลาที่ชาวประมงจะเลี้ยงหอยมุก
จะต้องใช้เวลาเนิ่นนาน
และสามารถรอคอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะเขารู้ว่า เมื่อไหร่ถึงเวลา
ที่มุกสามารถนำมาร้อยเป็นสร้อยได้
ย่อมเกิดค่ามหาศาล
...ชีวิตจึงจำเป็นต้องรอคอยใครสักคนให้ได้
หากรู้ว่าเป็นใครสักคน
...ที่มีค่าแก่การรอคอย...

โดย : puma_16 Member   [ 09/05/2005, 14:40:00 ]

8



โดย : puma_16 Member   [ 09/05/2005, 14:52:05 ]

9



โดย : puma_16 Member   [ 09/05/2005, 14:53:20 ]

10



โดย : puma_16 Member   [ 09/05/2005, 14:54:31 ]

11



เข้าใจยากเนอะ ผู้หญิงนิ

โดย : puma_16 Member   [ 09/05/2005, 14:56:17 ]

12



โชคดีคับ

โดย : นิทาน Guest   [ 10/05/2005, 11:41:46 ]

13

จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย
=====================
กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว
และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก
เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ
ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา
และในทำนองตรงกันข้าม
หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็ คือ
หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ
พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้
เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว
ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
=====================
กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน
ตกน้ำ
แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก
เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้
ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย
ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด
ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น
ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน
ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน
=====================
อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ เป็นการช่วยเหลือกัน
หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด
อัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอนถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะครับ
จะได้เอาไว้อ่านทบทวนกันได้
ขอให้ทุกคนขับรถอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆครับ

โดย : นิทาน Guest   [ 12/05/2005, 10:49:47 ]

14

อันตรายจากเครื่องดื่มกระป๋อง
>>
>>เมื่อเดือนพฤศจิกายน
>> 2544
>>เพื่อนเป็นคนระยองไปเยี่ยมญาติป่วยที่โรงพยาบาลจันทบุรี
>>
>>ด้วยความหิวน้ำจึงได้ซื้อโค้กมากินแต่เช็ดฝากระป๋องไม่สะอาดเมื่อกลับบ้านที่ระยอง
>>
>>ตกกลางคืนจู่ๆก็มีไข้แล้วชัก
>>ภรรยานำส่ง
>>ร.พระยอง
>>นอนอยู่สามวันหมอหาสาเหตุไม่พบ
>>มีอาการไม่รู้ตัวตาถลน
>>
>>ญาติจึงนำเข้า
>>ร.พ
>>กรุงเทพ
>>เพราะสงสัยเป็นโรคฉี่หนู
>>
>>ปรากฏเป็นเช่นนั้นจริงๆ
>>
>>นอนไม่รู้ตัวอยู่สองอาทิตย์หลังจากนั้นค่อยดีขึ้น
>>
>>รักษาตัวอยู่หนึ่งเดือนครึ่ง
>>
>>หมดค่ารักษาแปดแสนกว่า
>>แต่ความจำเสื่อม
>>
>>ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างฟื้นฟูความจำ
>> ;
>>พูดจาวกวน
>>หมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพบอกว่านี่เป็นคนที่ไม่ถึงสิบที่หายจากโรคนี้ในเมืองไทย
>>
>>และถ้าเพื่อนหรือญาติใครเป็นให้ส่ง
>>ร.พ
>>กรุงเทพด่วน
>>
>>เพราะเป็นที่เดี่ยวที่มีแพทย์เชี่ยวชาญเรื่องนี้เฉพาะ
>>
>>
>>
>>ช่วยอ่านหน่อย
>>อันนี้สำคัญ
>>
>>
>>นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ
>>!!!
>>ซื้อเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องชนิดใดก็ตาม
>>
>>ก่อนดื่มคุณต้องแน่ใจว่าได้ล้างฝากระป๋องด้วยน้ำก๊อกและสบู่แล้ว
>>
>>หรือถ้าไม่มี
>>ก็ขอให้ใช้หลอดดูดแทน
>>
>>เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวได้เสียชีวิต
>>หลังจากดื่มโซดากระป๋อง
>>
>>โดยไม่ได้ล้างฝากระป๋องก่อนดื่ม
>>
>>ปรากฎว่าที่ฝากระป๋องเต็มไปด้วยฉี่หนูที่แห้งแล้วและเป็นพิษซึ่งมีอันตราย
>>ร้ายแรงถึงชีวิต< BR>>>!!!!
>>
>>เครื่องดื่มกระป๋องและอาหารกระป๋องมักถูกเก็บไว้ในโกดังเก็บของและตู้container
>>
>>ซึ่งมีหนูเข้ามาอยู่เต็มไปหมดและของเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปจำหน่ายยังร้านค้าปลีกต่างๆ
>>
>>โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
>>โปรดส่งข้อความนี้ต่อไปยังคนที่คุณห่วงใย
>>ขอบคุณ
>>
>>
>>กองสาธารณสุข
>> 02-564-6539
>>

โดย : นายนิทาน Guest   [ 21/05/2005, 20:14:59 ]

 
  E-mail: webmaster@thaibg.com Copyright 2002-2024@www.ThaiBG.com (Thailand), All Rights Reserved  
 
  Sponsors