รายละเอียด
ผมมีเรื่องอยากบอกต่อ ให้ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปได้รับรู้ > > > > > >>> เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ > > > > > >>> > เรื่องมีอยู่ว่า รถของผมถูกชนในซอยข้างสำนักงานเขตบางกะปิ > > > > > >>> ผมจึงไปแจ้งความที่สน.ลาดพร้าว > > > > > >>> > เพื่อที่จะนำเอกสารไปประกอบการเคลมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ผมทำ > > > > > ประกันไว ้>>> แต่เมื่อนำ > > > > > พ.ร.บ.รถยนต์ไปถ่ายเอกสาร ปรากฏคำว่า "ปลอม" ขึ้นมา > > > > > >>> ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจ > > > > > >>> แต่เมื่อนำไปเคลมเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันไม่ยอมเคลมให้ > > > > > >>> หาว่าเอกสารของผมเป็นของปลอม ทำให้ผมเครียดมาก > > > > > >>> > ผมได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่กรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ > > > > > >>> เจ้าหน้าที่ชื่อ > > > > > >>> "คุณบุปผา" ให้คำแนะนำผมอย่างดีมาก > > > > > >>> ว่านี่เป็นเทคนิคหนึ่งในการป้องกันการปลอมแปลง พ.ร.บ.รถยนต์ > > > > > >>> แต่ถ้าถ่ายเอกสารแล้วไม่ขึ้นคำว่า "ปลอม" > > > > > >>> พ.ร.บ.ฉบับนั้นอาจจะเป็นของปลอมที่แท้จริงก็ได้ > > > > > >>> ผมก็กลับไปบอกเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยอีกครั้ง > > แต่เจ้าหน้าที่ไม่ > > > > > เชื่อ > > > > > >>> จนต้องให้คุณบุปผาโทรศัพท์ไปยืนยันให้ > > > > > >>> ทางบริษัทประกันภัยจึงยินยอมทำเรื่องให้ผม ผมว่า > > > > > >>> นอกจากเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยฯ > จะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว > > > > > >>> ก็ยังมีอีกหลายคนไม่รู้ > > > > > >>> > เพราะตอนแรกผมเกรงว่าจะถูกหลอกจากร้านที่ไปทำ พ.ร.บ.รถยนต์ > > > > > >>> จึงได้ไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ว่าพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเอกสารปลอม > > > > > >>> เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของปลอม หรือของจริง > > > > > >>> และยอมรับแจ้งความ > > > > > >>> > ผมอยากเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ทุกๆ บริษัท > > > > > >>> ทำการอบรมสัมมนาพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย > > > > > >>> อย่างบริษัทที่ผมทำประกัน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ > > เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ > > > > > ดัง > > > > > >>> พนักงานของเขายังไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย > > > > > >>> > ถ้าผมไม่โทรสอบถามจากกรมการประกันภัย ผมก็คงเคลมไม่ได้ > > > > > >>> และต้องเสียเงินซ่อมรถเองแน่ๆ > > > > > >>> > และอยากให้กรมการประกันภัยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกรณีนี้ให้มากขึ้น > > > > > >>> มิเช่นนั้น > > > > > >>> > > ผู้ขับขี่บางคนอาจจะเป็นเหมือนผมและอาจจะเสียโอกาสในการได้เคลมประกัน > > > > > >>> เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ > > > > > >>> > เชาวลิต หาญธนชาติ > > > > > >>> > > > > > > >>> > ตอบ คุณเชาวลิต หาญธนชาติ > > > > > >>> > ถือว่า คุณเชาวลิต รอบคอบมาก ถึงไม่ต้องเสียเงินซ่อมรถเอง > > > > > >>> เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลุงแจ่มได้สอบถามไปยัง คุณบุปผา > > > > > >>> > เจ้าหน้าที่ของกรมการประกันภัย ที่คุณเชาวลิตพูดถึง > > ได้รับคำชี้แจง > > > > > ว่า > > > > > >>> นี่เป็นเทคนิค หรือกุศโลบายในการป้องกันการปลอมแปลงกรมทัณฑ์ > > > > > >>> ที่เคยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ไปแล้ว > แต่อาจจะไม่ทั่วถึง > > > > > >>> ดังนั้น > > > > > >>> จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก อีกครั้งว่า เมื่อ > > > > > กระดาษ > > > > > >>> พ.ร.บ.รถยนต์ถูกความร้อนของเครื่องถ่ายเอกสาร > > > > > >>> > เมื่อกระดาษ พ.ร.บ.รถยนต์ถูกความร้อนของเครื่องถ่ายเอกสาร > > > > > >>> ก็จะปรากฏคำว่า > > > > > >>> "ปลอม" > > > > > >>> > > เพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่อาจจะมีการนำไปถ่ายเอกสารสีให้เหมือนของ > > > > > จริง > > > > > >>> และนำมาแอบอ้างใช้ นอกจากนี้ก็ยังมีการป้องกันการปลอมแปลง พ.ร.บ. > > รถ > > > > > ยนต์ > > > > > >>> อีกหลายจุด เช่น ในเนื้อกระดาษ พ.ร.บ. จะมีเส้นใยสีชมพู > > ถ้าส่องกับไฟ > > > > > >>> จะเห็นตรากระทรวงพาณิชย์อยู่ในเนื้อกระดาษ เป็นต้น
ความคิดเห็นที่ : 1
มีอีกครับ เป็นเรื่องที่เราน่ารู้ ย่างอาหารนาน 2 ชั่วโมงเท่ากับสูบบุหรี่ 200,000 กว่ามวน คนที่ชอบทำอาหารปิ้งหรือย่าง เช่น บาร์บีคิวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามคงต้องคิดสักนิด เพราะผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า การทำอาหารดังกล่าวแบบดั้งเดิมจะก่อให้เกิดสารพิษซึ่งเป็นต้นตอของมะเร็ง แถมการปิ้งหรือย่างอาหารนาน 2 ชั่วโมงยังสร้างสารพิษดังกล่าวได้พอๆ กับบุหรี่ 220,000 มวนเลยทีเดียว จากการศึกษาของกลุ่มโรแบง เดส์ บัวส์ ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส พบว่า การปิ้งหรือย่างอาหารแบบดั้งเดิมที่ใช้ไม้หรือถ่านเป็นเชื้อเพลิงเป็นเวลา 2 ชั่วโมงจะทำให้เกิดสารไดอ็อกซินในปริมาณเทียบเท่ากับบุหรี่ 220,000 มวน และสารไดอ็อกซินนี้ ก็เป็นสารเคมีในกลุ่มที่ก่อมะเร็ง ในการศึกษาครั้งนี้ คณะวิจัยดูปริมาณสารพิษจากการย่างสเต็คเนื้อวัว 4 ชิ้นใหญ่ เนื้อไก่งวง 4 ชิ้น และไส้กรอกขนาดใหญ่อีก 8 อัน ซึ่งปริมาณไดอ็อกซินที่ได้จากการย่างอาหารเหล่านี้จะอยู่ที่ 12 ถึง 22 นาน์โนกรัม ทั้งนี้ นอกจากการศึกษาข้างต้นแล้ว หน่วยงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยของอาหารในฝรั่งเศสยังได้วิจัยถึงความเป็นไปได้ที่อาหารประเภทปิ้งหรือย่า ง เช่นบาร์บีคิวจะก่อให้เกิดมะเร็ง และพวกเขาก็พบว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนบางตัวไปปะปนในอาหารระหว่างที่ปิ้งหรือย่าง เดส์มองด์ อองแมร์ตอง อดีตผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ชีววิทยาทางทะเลในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รณรงค์เรื่องความปลอดภัยของอาหาร กล่าวว่า เขาอยากจะเตือนให้ทุกคนระวังภัยจากอาหารประเภทปิ้งและย่าง รวมทั้งขั้นตอนในการปรุงอาหารเหล่านี้ด้วย ถึงแม้การทำบาร์บีคิว หรือปิ้งและย่างอาหารในบางวันของช่วงฤดูร้อนจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ถ้าคุณทำอาหารประเภทนี้เป็นประจำก็ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ และขั้นตอนในการทำอาหารประเภทนี้ยังทำให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพได้พอๆ กับการสูบบุหรี่เป็นเวลากว่า 10 หรือ 20 ปี เลยทีเดียว เขากล่าว ผลการศึกษาชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารฟูด สแตนดาร์ดส์ เอเจนซี
ความคิดเห็นที่ : 2
10 สัญญาณที่ คุณ...ต้องครองโสดตลอดกาล > >ชั้นคงต้องอยู่หมู่บ้าน คานทองนิเวศน์กับพวกเธอแล้วล่ะ คำพูดของ >เปรี้ยว สาววัยดึกที่ผ่านช่วงชายหนุ่มมารุมตอมแล้วหลายฝน >กล่าวกับเพื่อนสาวกลุ่มครองโสดด้วยกันร่วมสิบ >จะเห็นว่าไม่ว่าด้วยค่านิยม >หรือหน้าที่รับผิดชอบที่ผู้หญิงสมัยนี้ยอมใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้น >แต่ในใจลึกๆ ของพวกเธอเหล่านั้น กลับหวังเล็กๆ ว่า >วันหนึ่งชีวิตครอบครัวอันแสนอบอุ่นก็จะมาเยือน แต่...เมื่อไหร่ล่ะ >ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้... > >1. คุณไม่มีวี่แววว่าจะได้ออกเดท ไม่ว่าจะเป็นวันวาเลนไทน์ >หรือวันพิเศษวันไหนๆ คุณต้องคอยโทรหาเพื่อนโสดของคุณ ไปดวดเหล้า หรือ >แม้แต่นั่งดูหนังเรื่องเศร้าอยู่คนเดียว > >2. ที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่ชายมาเหลียวตามอง >ตั้งแต่ประถมถึงมัธยมก็จมอยู่กับโรงเรียนหญิงล้วน >พอจบมาก็อยู่แต่กะเพื่อนสาว สุด เริ่ด เชิด หยิ่ง >มองผู้ชายที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงดอกไม้ริมทาง จนกาลเวลามันทำพิษ >อายุยิ่งมากขึ้น ก็สายไปเสียแล้วกับการเรียกสายตาจากผู้ชาย > >3. คุณเป็นพวกแปลกแยก มีความสุขกับการอยู่คนเดียว >ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร หรืองานอะไร อีชั้นขอทำคนเดียว >และมักจะประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองไปซะทุกเรื่อง > >4. คุณไม่สนแบบแผนของสังคม ชอบความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะตด เรอ >หรือกินแบบมูมมาม แม้แต่งัดเครื่องสำอางมาแต่งหน้ากลางห้าง >หรือแคะขี้มูก แล้วผู้ชายหน้าไหนจะกล้าเข้าไปจีบล่ะคะ > >5. คุณติด sex toy เป็นชีวิตจิตใจ >ชีวิตนี้ไม่ขอพึ่งของจริงเพราะชั้นมีสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว > >6. คุณเป็นคนไม่กล้าเสี่ยงกับชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเห็นบทเรียนต่างๆ >ของความรักจากคนรอบข้าง อย่างเช่น แต่งแล้วหย่า ภรรยามีชู้ สามีนอกใจ >ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นปมในความนึกคิดของคุณ >จนอดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเอง > >7. ผู้คนมองว่าคุณเป็นเลสเบี้ยน แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ยังกล้าจีบทอม >อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่คบทอมหรือเลสเบี้ยนจนออกหน้า >ก็ยังมีลุ้นว่าชายหนุ่มจะมาแอบปิ๊ง > >8. คุณยึดติดแมกกาซีน หรือบทความ จนกระทั่งหนังสือเกี่ยวกับความรัก >หรือปัญหาของความรักมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค หรือเคล็ดลับการหาคู่ >แต่ส่วนใหญ่คุณมักสนใจแต่กับข้อดีข้อเสีย ของการใช้ชีวิตคู่ >มองไปทางไหนเห็นแต่จุดด้อยของผู้ชาย ไม่ว่าตอนอยู่บนลิฟท์ >เพียงเห็นสายตาชายหนุ่มคนข้างๆ จ้องมองคุณอยู่ >ท่าคาราเต้คิกด้วยขายาวๆของคุณ ก็ปรากฏอยู่บนลำคอเขาแล้ว > >9. ไม่มั่นใจในตัวเอง ขลาดที่จะอยู่ใกล้ๆ ผู้ชาย >ตัดสินใจออกเดทกับหนุ่มคนแรกในชีวิต ก็ทำเสียแผน >แทนที่จะตามเค้าไปดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่เดินห้าง คุณกลับบอกเค้าว่า >ไปเยี่ยมคุณย่าฉันเถอะ > >10. คุณมองผู้ชายในแง่ลบ ตอนยังเด็กคุณมักฝันถึงเจ้าชายที่เพียบพร้อม >และตั้งใจว่าโตขึ้นคุณจะพบกับชายหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อวันและเวลาเลยผ่าน >หนุ่มที่พบเจอกลับไม่ได้แค่เสี้ยวของเจ้าชายคนนั้น แต่ก็ยังไม่อดฝัน >เลยพาลมองผู้ชายที่เข้ามาป้วนเปี้ยนเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง > >ปล. โบราณเขาสอนว่า "อยู่คนเดียวสบายแต่ไม่สนุก >อยู่สองคนสนุกแต่ไม่ค่อยสบายใจ" คุณอยากจะเลือกอันไหน > >ไหนๆ หนุ่มและสาวๆก็ฝากเตือนมาตรงกันหลายคนแล้วว่า >"ถ้าคิดจะคบกับใครเป็นพิเศษ ก็อย่าเลือกมากนะ >ถ้าคิดว่าเขาดีพอ(พอดีพอเหมาะกับตัวคุณ) >ถ้าเขามีฐานะที่มั่นคง(เงินเลี้ยงชีพได้ตลอดชีวิตคู่) >มีการงานที่มั่นคง พ่อแม่ของเขาอบอุ่น ไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่หรือไม่ >ขยันทำงาน(สู้งาน) ขอแค่นี้ รับรองว่า เขานั่นแหละถือว่า >เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องหล่อมาก รวยมากหรอครับ >คนดีๆมีเยอะแยะไป เพียงแต่ คุณเลือกมากไปหรือเปล่า ก็ลองถามใจตัวเอง > >อ้อ ข้อสำคัญอีกข้อก็คือ อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป จนสายเกินไป เพราะ >คุณผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชายนะจ๊ะ ผู้หญิงแค่มีอายุแตะใกล้จะเลข 30 >ล่ะก็ อย่าฝันว่าจะได้มีผู้ชายโสดๆสดๆมาจีบนะจ๊ะ >นี่ผู้ชายฝากเตือนด้วยความหวังดี > >อย่างไรก็ตาม จะคบกับใคร ต้องดูให้ดีๆ >ใช้สติปัญญาและหัดเป็นคนช่างสังเกต ที่สำคัญ >ควรเปิดอกเปิดใจคุยกันสม่ำเสมอว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไม่พอใจหรือพอใจ >อย่างไร อย่าเก็บกดจนหัวจะระเบิดแน่ๆล่ะ แล้วก็ คุณผู้หญิงทั้งหลาย >อย่าเลือกมากก็แล้วกัน ถ้าผู้ใหญ่มองว่า ผู้ชายคนนี้ดูแล้ว >เป็นคนที่ดีเหมาะสมล่ะก็ ลุยเลยครับ แต่งงานไปเลยครับ >ไม่ต้องไปเลือกมาก เชื่อผมเถอะ >
ความคิดเห็นที่ : 3
>>>ถ้าโทรศัพท์มือถือเปียกน้ำ... >>> >>>ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ >>> >>>ลองทำตามเค้าดูหน่อย.....ก็ไม่เสียหาย >>> >>>ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณเปียกน้ำหรือตกน้ำในช่วงสงกรานต์ ให้ปฏิบัติดังนี้ >>> >>>1. หลังจากเอาเครื่องขึ้นจากน้ำแล้ว ห้าม!กด power เปิดเครื่องเด็ดขาดครับ >>> >>> ถ้าเปิดจะเกิดการลัดวงจรขนานใหญ่ ให้ถอดแบตเตอรี่ออกด่วนที่สุด >>> >>>2. หาผ้าเช็ดครับเช็ดด้านนอกให้แห้งได้ครับเช็ดแบตด้วยนะครับ >>> >>> ทีนี้เราก็จะได้เริ่มสำรวจว่าน้าเข้าส่วนไหนบ้าง >>> >>>3. หาถุงพลาสติกใส่เครื่องคุณไว้นะครับรัดยางปิดถุงไว้ >>> >>> ไม่ต้องสลัดเครื่องนะครับช่วงนี้ไม่ต้องทำให้เครื่องแห้ง รีบกลับบ้าน >>> >>>4. ห้าม!ใช้ไดรเป่าผมเป่าให้แห้งเด็ดขาด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย >>> >>> เกลียดและกลัวความร้อนที่สุด >>> >>>5. ถึงบ้านแล้ว หาถุงผ้าหรือผ้าบาง ๆ ห่อเครื่องไว้ครับ >>> >>> อย่าลืมเปิดฝาหลังที่ครอบแบตเตอรี่ด้วยนะครับ >>> >>> (ถ้ามี) หลังจากห่อดีแล้ว รัดยางครับ เอาไปฝังไว้ในถังข้าวสารครับ 24 >>> ชม. >>> >>> รอดูผล ใจเย็น ๆ ครับคืนเดียวเอง ข้าวสารจะดูดความชื้นออกมาหมด >>> >>> ถ้าใจเย็นกว่านั้น 2 วันก็ได้ครับ >>> >>> ขอย้ำ อย่าใจร้อน >>> >>>6. หลังจาก 1-2 วัน ก็เอาออกจากถังข้าวสารครับ ทีนี้ก็เอามาใส่แบต >>> >>> ลองดูครับ >>> >>> ร้อยละ 90 ถ้าทำอย่างที่ผมว่า เครื่องจะใช้ได้ครับ ขอย้ำนะครับ >>> >>> ต้องทำตามขั้นตอนที่บอกมานะครับ >>> >>> ลองดูครับ ขอให้ pda หรือโทรศัพท์ หรือ ฯลฯ >>> >>> อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของทุกท่านกลับมาเหมือนเดิมนะครับ DeleteReplyForwardSpamMove...
ความคิดเห็นที่ : 4
ใครบางคน...ที่มีค่าพอให้รอคอย ก า ร ร อ ค อ ย...เป็นเรื่องที่ทรมาน โดยเฉพาะการรอคอยที่จะกลับมาพบกัน หรือรอคอยใครสักคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพราะในเวลาแห่งการรอคอยนั้น มันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง และเข็มนาฬิกาก็เดินช้าขึ้นอีกเป็นเท่าตัว... จากเวลาที่นานอยู่แล้วจึงนานยิ่งกว่า และการดำเนินชีวิตระหว่างการรอนั้น ก็มีตัวแปรมากมายที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะ เพราะทุกคนมีพื้นฐานความเหงา และโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเองพอๆกับความอ่อนไหว เป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้ระยะทางเป็นเครื่องวัดความรู้สึก พิสูจน์ความแข็งแรงของความรัก วัดการกระทำ...ความเสมอต้นเสมอปลาย และความอดทน ด้วยเงื่อนไขของความลำบากแห่งกาลเวลา และตัดสินว่า...การรอคอยจะคุ้มค่าหรือไม่ ก า ร อ ยู่ ห่ า ง กั น... จึงจำเป็นต้องพิสูจน์กันด้วยความเข้มแข็ง ต่างคนต่างก็ต้องทำหัวใจให้เข้มแข็งกับอารมณ์ต่างๆ ที่คอยรบกวน...และคอยชักจูงออกนอกลู่นอกทาง เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย...ที่วันนึงเราพบว่า คนคนหนึ่ง...คือคนที่ชีวิตเราตามหามาตลอด และใครสักคนที่เป็นได้อย่างที่เราฝัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และคนที่จะฝ่าฟันกับการบีบคั้นแห่งการรอคอย กลับมาหาเราได้ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา... เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้ น... ย่อมหมายถึง...ความรู้สึกที่เค้ามีอยู่ก็คงไม่ได้ธรรมดา และคนคนนั้นก็ย่อมเต็มค่า เวลาที่ชาวประมงจะเลี้ยงหอยมุก จะต้องใช้เวลาเนิ่นนาน และสามารถรอคอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขารู้ว่า เมื่อไหร่ถึงเวลา ที่มุกสามารถนำมาร้อยเป็นสร้อยได้ ย่อมเกิดค่ามหาศาล ...ชีวิตจึงจำเป็นต้องรอคอยใครสักคนให้ได้ หากรู้ว่าเป็นใครสักคน ...ที่มีค่าแก่การรอคอย...
ความคิดเห็นที่ : 5
ความคิดเห็นที่ : 6
เข้าใจยากเนอะ ผู้หญิงนิ
ความคิดเห็นที่ : 7
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย ===================== กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ 1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง 2. ถอนคันเร่งออก 3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง 4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน 5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา 6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน 7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ 8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็ คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ===================== กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย 2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด 3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ 4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน 5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้ 6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้ 7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน ===================== อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด อัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอนถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะครับ จะได้เอาไว้อ่านทบทวนกันได้ ขอให้ทุกคนขับรถอย่างปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆครับ