มติชนสุดสัปดาห์
วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1281
X คลูซีฟ
สรกล อดุลยานนท์
ทักษิณ-อานันท์-ธีรยุทธ หมากการเมือง 2 ชั้น และกลยุทธ์"กิน 2 ต่อเข้าฮอร์ส"
ถ้าเป็น "เกม" นี่คือ "เกมเหนือชั้น" ระดับ "กิน 2 ต่อเข้าฮอร์ส" ของ
"ทักษิณ ชินวัตร"
เพราะการเชิญ "อานันท์ ปันยารชุน" อดีตนายกรัฐมนตรี และ "สุวิชัย หวันแก้ว"
ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ทำเนียบรัฐบาล
พร้อมกับทาบทามนายอานันท์เป็น "ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ"
นอกจากจะช่วยลดกระแสเรื่องการแบ่งโซน 3 สี ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว
ยังเป็นการ "เปลี่ยนทางไฟ" กลบข่าวผลวิจัยของ "ธีรยุทธ บุญมี" ขาประจำของ
"ทักษิณ" อีกด้วย
ทำให้ฉายา "ขาโจ๋การเมือง" และ "พระธรรมทักษิณ" เลือนหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ภายใน
1 วัน
เพราะความสนใจของสื่อมวลชนพุ่งไปที่ "ข่าวใหญ่" เรื่อง
"คณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ"
ถ้าเป็น "เกม" ที่ปรึกษาของ "ทักษิณ" ก็ถือว่าเฉียบแหลมอย่างยิ่งในการกำหนดวัน
"ธีรยุทธ" แถลงข่าววันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์
"ทักษิณ" พบกับ "อานันท์" วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์
ข่าวเรื่อง "ธีรยุทธ" พาดหัวหนังสือพิมพ์เพียงแค่วันเดียว คือ วันจันทร์
จากนั้นหนังสือพิมพ์ฉบับวันอังคารก็เปลี่ยนไปเล่นข่าว "อานันท์" เป็น "ข่าวใหญ่"
และตั้งแต่วันพุธที่ 2 มีนาคม หนังสือพิมพ์ก็ลดน้ำหนักข่าว "ธีรยุทธ" ลงทันที
ทั้งที่เนื้อหาการวิจัยของ "ธีรยุทธ" ครั้งนี้ค่อนข้างลุ่มลึกมากกว่าทุกครั้ง
มีหลายประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
กลยุทธ์การกำหนดวัน และกำหนดจังหวะข่าวของ "ทักษิณ" ครั้งนี้ถือเป็นการแปร "วิกฤติ"
เป็น "โอกาส" อย่างแท้จริง
การตั้ง "อานันท์" เป็น "ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ" โดย
"เนื้อหา" แล้วเป็นการแก้ปัญหาไฟใต้
แต่โดย "เงื่อนเวลา" ช่วยสยบกระแสวิจารณ์ที่ "ธีรยุทธ" จุดพลุขึ้นมา
กิน 2 ต่อ เข้าฮอร์สอย่างแท้จริง
หลังจากหลงระเริงไปกับ 19 ล้านเสียงเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง
วันนี้ "ทักษิณ" เริ่มปรับตัวใหม่อีกครั้ง
เริ่มตั้งแต่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยเหตุผลแบบ "หมอดู" ทายล่วงหน้าว่าตนเองจะเจ็บคอนาน 1
สัปดาห์
เป็นที่น่าสังเกตุว่าทุกครั้งที่ "ทักษิณ" ให้สัมภาษณ์น้อยลง
กระแสที่โหมกระหน่ำใส่จะลดความรุนแรงลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนจะเป็น "คำตอบ" และ "บทสรุป"
ที่ดียิ่งว่าระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก "สายล่อฟ้า" ที่ชื่อ "ทักษิณ"
ยิ่งโต้ตอบ ยิ่งแรง
ยิ่งสวน ยิ่งหนัก
นอกจากงดให้สัมภาษณ์แล้ว "ทักษิณ" ยังเข้าเกียร์ "ถอย"
และใช้ท่าทีประนีประนอมอย่างเห็นได้ชัด
เขาใช้ "เสน่ห์" แบบ "ชาวเหนือ" ที่ถูก "อำนาจ"
กลบหายไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าหา "ผู้ใหญ่" อยู่เป็นประจำในช่วงแรกของการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย
และช่วงแรกของการเป็นนายกรัฐมนตรี
ก่อนจะหายไประยะหนึ่ง
ครั้งนี้ "ทักษิณ" เริ่มกลับมาเข้าหา "ผู้ใหญ่" อีกครั้ง
ตั้งแต่การเชิญผู้ใหญ่อย่าง "อานันท์" มารับประทานอาหารกลางวันที่ทำเนียบรัฐบาล
"ทักษิณ" นั้นเคยขอพบ "อานันท์" ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคไทยรักไทย
และมีการต่อสายกันบ้างบางครั้งบางครา โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่มีข่าวว่า ปปง. แอบตรวจสอบบัญชีของ
"อานันท์"
อดีตนายกฯ โทรศัพท์ไปสอบถาม "ทักษิณ" ทันที
ช่วงที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่าง "ทักษิณ-อานันท์" ไม่ถึงขั้นเลวร้าย
แค่ห่างเหิน แต่ไม่ถึงขั้นไม่คบหาสมาคมกัน
การเข้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
วิจารณ์เรื่องนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ก็เป็นท่าทีใหม่ของ "ทักษิณ"
เพราะ พล.อ.เปรม ถือเป็นองคมนตรีคนที่ 3 ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
คนแรก คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คนที่สอง คือ ดร.เกษม วัฒนชัย
ซึ่งสอดคล้องกับการตั้งข้อสังเกตของ "ธีรยุทธ" ในผลการวิจัย
การรีบสยบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ไม่มีใครรู้ว่า "ทักษิณ" คุยอะไรกับ พล.อ.เปรม
แต่การเข้าพบที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ก็เป็นสัญลักษณ์ในทางบวก
ดีกว่าการนิ่งเฉย
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เวลาไม่ถึงเดือนหลังการเลือกตั้ง ทั้งที่ "ทักษิณ"
และพรรคไทยรักไทยได้ชนะเลือกตั้ง แต่กลับต้องเป็นฝ่ายตั้งรับทางการเมืองชนิดถอยกรูด
ไม่น่าเชื่อว่าการตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับทั้งที่ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายมาจากคำพูดเพียงประโยคเดียว
"แบ่งโซนเป็น 3 สี"
และคำสบถอีก 1 พยางค์
"แม่ง...งงง"
ไม่น่าเชื่อจริงๆ
หน้า 12
--------------
ไม่เกี่ยวกับหมากกระดานโดยตรง แต่เห็นนำเอาสำนวนที่เกี่ยวข้องคุ้นเคยกันไปใช้ ก็นำมาให้อ่านกัน
ว่าไปแล้ว การเมืองก็ต้องวางแผน ต้องแก้ปัญหา ต้องกล้าตัดสินใจเหมือนกัน 
